วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ทนไม่ไหวแล้ว

เจ็บหน้าอกแป๊บๆๆ เป็นไรไม่รู้
บางทีก็ปวดขึ้นหัวเลย
สงสัยเราจะกินไอติมเยอะไปหน่อย
อากาศร้อนๆแล้วกินไอติม ต้องช่ายแน่ๆ

ก็ของมันชอบนี่ จาทำไงได้

แต่พูดถึงขนมของหวาน ก็ชอบหมดแหละ กินได้ทุกอย่าง
วันก่อนได้กินขนมเทียนแก้วด้วย
เพื่อนมันไปรับคณะที่มาดูงานตลาด
เลยแย่งมันมากินสามอัน อร่อยดี
ยิ่งมีน้อย ๆ ยังจะไป แย่งมันอีก น่าสงสาร

เจ็บหน้าอกจริงๆนะ เป็นไรหว่า

ปล. เจอนาฬิกาแล้ว อยู่ในกระเป๋าโน๊ตบุ๊คนี่เอง หาตั้งนาน
ม่ายรู้ไอ้โรคความจำเสื่อมจาหายนะ

ยังงงๆ ตัวเองอยู่เนี่ย

พักนี้หาไรไม่ค่อยเจอนะ
เดี๋ยวนั่นหาย นี่หายอยู่นี่แหละ
วุ่นหาซะใหญ่เลย พลอยทำให้คนอื่นวุ่นหาไปด้วย
ก็ไม่เข้าใจตัวเองอยู่นะ ว่าเราเป็นอะไร
ทำไมถึงขี้ลืมอย่างนี้
หรือว่าจะทำงานเยอะแล้วเบลอๆ
ก็ยังงงตัวเองเนี่ยแหละ ว่าเราเป็นอะไร
คิดไปคิดมาก็ยิ่งปวดหัวนะ

ก็หมดตังไปทำเอทีเอ็มใหม่ เพราะหาไม่เจอนี่แหละ
ตอนนี้มาก็หานาฬิกาไม่เจออีก
เฮ้อออ
เซ็งเป็ด เซ็งห่าน.....

กินหนมจีนน้ำเงี้ยว

มีงานเลี้ยงส่งพี่มาลี
แกจะย้ายไปอยู่ห้องคลัง
กองก็เลยเตรียมเลี้ยงส่งให้
มีหนมจีนน้ำเงี้ยวหม้อใหญ่ ผลไม้ล้างปากก็เงาะเลย
อร่อยมาก
คิดถึงตอนสมัยเรียน
กินกะยัยโอ๋ ยัยจิปร์ทุกวัน
จนได้ฉายามาว่า เจ้าแม่น้ำเงี้ยว
พอจบม.6 ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไป
แต่มีเวลากลับมาเจอกันอีก
ต้องพากันไปร้านเดิมคะ ซะป๊ะ อยู่แถวๆ ตลาดศิริกรณ์

คิดแล้วอยากย้อนเวลาได้จัง
จาได้ทำ คิด อะไรๆ ๆ ให้มันดีกว่านี้

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

รับคณะขอนแก่นอีกรอบ

เพื่อนกลับมาจากขอนแก่นหลายวันละ
วันก่อนก็เจอไปที แต่ได้คุยกันแป๊บๆ
ต้องรีบกลับบ้าน วันนี้ได้มาเจอกันอีก
คิดถึงมากมาย ไอ้หน่อย ตัวดำขึ้น ผอมลง
น่ารักเหมือนเดิม แต่มีแฟนแก่ไปหน่อย
คิคิ....

หน่อยมารับไปบ้านแต้
ไม่ได้ไปกันเกือบสิบปีแล้วมั้ง
จำทางเข้าบ้านแทบไม่ได้
บ้านไรนะ สันมะแฟน ชื่อแปลกๆ
อยู่อำเภอพานนี่เอง ความจริงก็ไม่ไกลนะ
นังหน่อยมันขับรถไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
บ้านไอ้แต้สงบร่มรื่นดีแท้ บรรยากาศดีมากๆ
นานแล้วซินะ ไม่ได้เห็นแมงปอปีกบาง เจ้ากางปีกสวย
บินไปบินมาบนท้องฟ้าอันแสนงาม
ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากนะ สำหรับชีวิตคนในชุมชนเมืองอย่างเรา

คิคิ ชุมชนเมือง บ้านเราก็บ้านนอกเหมือนกันแหละ
อยู่ซะสุดท้าย ท้ายซอยสุด
ติดกับทุ่งนาอีก น้านนนนนน
แถมซอยเข้าบ้านก็แคบซะได้ใจเลย
ขนาดมดวิ่งสวนทางกันยังชนกัน คิคิ
แค่อยู่ในเขตเทศบาลแค่นั้นแหละ

ไอ้แต้มันทำแกงเผ็ดขนมจีน อร่อยดี
กินไปนิดเดียว มัวแต่ไปช่วยพี่ไก่ แฟนนังหน่อยมันขุดต้นกล้าผัก
จะเอาไปปลูกที่บ้าน
เพราะบ้านมันมีแต่พืชผักสมุนไพรเยอะแยะ เต็มไปหมดเลย
ผลไม้หลากหลาย ลำไย เงาะ ละมุด ลิ้นจี่ มะม่วง
ดอกไม้ก็เยอะมาก สวย ๆ ทั้งนั้น
กะว่าจะหาเวลามาเที่ยวอีกรอบ จะได้เดินดูสวนให้ทั่วๆ เลย
จะสำรวจสักหน่อย ว่ามีอะไรในสวนอีกบ้าง เพราะเท่าที่เห็นมันกว้างมากๆ

อยู่เกือบๆ ชั่วโมงเห็นจะได้ ถึงเวลากลับบ้านแล้ว
ไว้จามาเที่ยวใหม่นะ
คิดถึงเพื่อนๆ มากมาย

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยุ่งทุกวันเลย...แย่จัง

พักนี้งานตรึม ไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งงานเอกสาร งานประชุม อบรม ต่างๆ
ยิ่งงานเอกสารยิ่งแล้ว ปั่นกันใหญ่ ต้องเอาให้เสร็จ
มะงั้น เป็นเรื่อง นั่งคิดกันสดๆ แล้วก็เอามาแต่งหนังสือ
พิมพ์งานเสนอนายต่อ ทำกันซะหัวฟูเลย
ทำกันอยู่แค่สองคน ทำกับพี่แอน เอ้อออ น่าสงสารจริงๆ
คนอื่นๆ มัวทำไรกันอยู่นะ ไม่ยอมมาช่วยกันบ้าง

ทำงานเยอะๆ ก็เพลินดี
แต่เหนื่อยก็ต้องสู้ แค่เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่นะ
แต่เหนื่อยใจนี่สิ ต้องทำใจยกใหญ่เลย

ทำไปมาก ๆ เริ่มเวียนหัว
ปวดหัวตัวร้อน ไข้จะจับซะให้ได้
อาทิตย์ที่แล้วทำงานทั้งเจ็ดวันเลย
เล่นเอากันไม่ได้พักซะนี่ เหนื่อยนะ

ม่ายกลัวไรหรอกนะ แค่ทำงานหนักไม่เท่าไหร่นะ
กัวว่าจะไม่สบายแค่นั้นแหละ
ตอนนี้ก็กำลังเริ่มละ
ร้อนๆ หนาวๆ สงสัยอาการป่วยจาเริ่มถามหา
แย่จริงๆ เลย

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การเดินทางของความรัก มันต้องมีวันสิ้นสุด

เบื่อที่จะเป็นแบบนี้ อากาศร้อนๆ ออกไปข้างนอก
เจอแต่ผู้คนปิดจมูก ช่างเป็นโลกที่ไม่สดใสเอาซะเลย
เมื่อไหร่จาพ้นๆ จากวิกฤตอันโหดร้ายนี้ซะทีก็ไม่รู้

พักนี้ก็เรื่อยๆ มีมีไรมากมาย
วันหยุดก็อยู่บ้านไม่ได้ออกไปไหน
ลืมไป ไปหาเพื่อนแต้ ที่ รพ.
แม่ของแต้ผ่าไส้ติ่ง แต่ตอนนี้ออกละ
ก็ไม่ได้เจอกันนานเลย ยังตัวเล็กเหมือนเดิม
ส่วนเพื่อนหน่อยกะเพื่อนๆ ที่มาจากขอนแก่น
บอกว่านัดเจอกันที่ รพ. จะไปเยี่ยมแม่แต้กัน
แต่ก็ดันไม่มาถึงซะที บอกว่าไม่เกินสามทุ่มถึงแน่
จนเที่ยงคืน มันก็ยังไม่ถึงกันซะที ก็มันเล่นแวะตลอดทาง
ไม่รู้แวะไรนักหนา แฟนมันเพิ่งมาจากขอนแก่นเพิ่งเคยมาเชียงรายครั้งแรก
เห็นไรก็ตื่นตาไปหมด เลยแวะมันสุดทาง ถ่ายรูปตรึม
เอ้ออออ คงเหมือนเราซินะ เห็นอะไรสวยๆ ก็แวะดูแวะชิมแวะถ่ายรูปไปหมด

ดีเนาะได้ไปไหนมาไหนบ้าง เอ้ออออ
เพื่อนทะเลาะกะแฟนอีกละ
ครั้งนี้คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่คู่นี้มันจะทะเลาะกัน
เพราะมันจะไม่มีการทะเลาะกันให้เห็นแล้วโทรหาเราให้ช่วยเคลียร์อีกแล้ว
ต่างคนต่างจบ แยกกันเดินคนละทาง
คงเป็นได้แค่เส้นขนานเท่านั้น
ส่วนเรา ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ต่อไป
คิดไม่ออก ........
เศร้าอย่างบอกไม่ถูก


''ความรัก ความอาทร ความห่วงใยสงสาร เป็นอารมณ์ที่บริสุทธิ์
เหมือนจะไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่เหตุที่ความรักทำให้เกิดทุกข์ได้
เพราะความรักของปุถุชนแฝงเอา ความโลภ ความโกรธ ความหลง
ซึ่งแล้วแต่ทำให้เป็นทุกข์จากอารมณ์รักนั้น
บางคนโลภที่จะรัก มักมาก เจ้าชู้ ทำให้เกิดทุกข์ บางคนรักด้วยความหึงหวง
ทำให้เกิดความเคียดแค้น อาฆาตเมื่อความรักไม่สมหวัง นั่นก็ทำให้เกิดทุกข์ ''
(คัดลอกจากในหนังสือมา)

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ความเหงา มันไม่ทำให้เราห่างไกลกัน

เมื่อก่อนฉันไม่เข้าใจหรอกว่า …
ความเหงาจะทำให้เราอบอุ่นได้อย่างไร?


แปลกนะ... ที่ใครพูดกันว่า …
เมื่อห่างไกลเราจะรักอีกคนหนึ่งมากขึ้นอีกเท่าทวี
จริงเหรอ …?
ทำไมฉันไม่เข้าใจ

เมื่อก่อนก็ได้แต่นึกเกลียดกลัวที่ต้องไกล
แต่พอเอาเข้าจริงๆ ความไกลต่างหาก
…ที่สอนให้เราได้คิดอะไรมากมาย
และความคิดถึงต่างหากที่ทำให้เรียนรู้ว่า
…ความรักมีค่าแค่ไหน

เพราะเมื่อเราเจ็บปวดที่ต้องไกลห่าง
เมื่อนั้นคงรู้ว่า …เวลาที่อยู่ใกล้กันมีค่ามากมาย
และเมื่อต้องอ้างว้างในวันเหงา …
เราคงเรียนรู้ที่จะดูแลความรัก ให้ยั่งยืนยาวอย่างไร


นั่นแหละความเหงาที่อบอุ่น ที่เขาว่ากันไว้
และวันข้างหน้า …ฉันคงไม่กลัวที่ต้องเหงาอีกต่อไป
คงอ้าแขนรับอย่างเต็มใจ …ที่จะคิดถึงกัน

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พลีชีพ เพื่อชาติ

ที่ขึ้นหัวบล็อคแบบนี้ก็ไม่มีไรหรอกค่ะ
แต่เป็นเพราะว่า ช่วงนี้ทำงานทุกวัน ไม่มีเว้นวันหยุดราชการ
ทำไม่ได้หยุดได้หย่อน เหนื่อยนะ แต่ต้องทำ
สู้ต่อไป ไอ้มดแดง คิคิ

ช่วงนี้ไข้หวัดระบาดอย่างหนัก
โรงเรียนก็ปิดกันไปหลายโรงละ
ในห้องก็เป็นกันหลายคน แต่ที่หนักๆ เห็นจะเป็น
คนข้างๆ เราเนี่ย อ้ายกุ้ง กะพี่แย้ม
อย่างหนักคะ หมอสั่งให้ลาพักผ่อนอยู่บ้าน
รอดูอาการไปก่อน ไม่ต้องมาทำงาน จนกว่าจะหายขาด
เราจะทำไงละทีนี้ กัวจริงๆ ต้องรักษาสุขภาพให้ดีกว่านี้
แต่มะรู้จาไปได้กี่น้ำนะเนี่ย
เพราะทำงานคนเดียว ไม่มีคู่หูเลย เจ้าเกียรติก็ยุ่งอยู่กะการแจกหน้ากาก
เราต้องรับใช้บริการประชาชนคนเดียว ตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อตเลย
ได้อารมณ์ไปอีกแบบ อารมณ์แบบยุ่งๆ หัวฟูๆ

แถมวันนี้ยังต้องใส่หน้ากากทั้งวัน
ผอ. บอกว่า อยู่กองสาธารณสุข ต้องใส่เป็นตัวอย่าง
ให้กับกองอื่นๆ แล้วเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ
ก็ใส่คะ หายใจไม่ค่อยออกเลย แต่ก็ต้องทนเอา
แต่ใส่ไปใส่มา ไม่ไหวคะ เลอะลิปสติกหมดเลย ตลกดี

เอ้อ ง่วงคะ ไปนอนดีฝ่า
ฝันดีผีหลอก
ปล. วันนี้งดอ่านหนังสือหนึ่งวัน จานอนแล้ว
กินยา แล้วก็นอนพักจาได้หายหวัดไวๆ

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ร้อนโคตรๆ

วันนี้วันไรเหรอเนี่ย ให้พนักงานมาออกกำลังกายกัน
ร้อนก็ร้อน หน้าจะขึ้นฝ้าป่าว ตัวจะดำมั้ยละ
555 บ่นนิดๆ แต่คนอื่นก็ยังทำกันเลย
ไอ้เราอะนะ เต้นไม่เป็นคะ
จะจ้างกี่ล้านก็เต้นไม่เป็น ทำไงได้ละ คนมันเต้นไม่เป็นอะ
บางคนก็เต้นกันไปเรื่อยเปื่อย
หนุกไปอีกแบบ แต่ถ้าจะให้ดี น่าจะทำกันตอนช่วงหน้าหนาวนะ
จะได้อบอุ่น ก็ทำไม่ได้อีกแหละ
ที่เค้าจัดวันนี้ก็เพราะว่า ช่วงนี้กำลังมีไข้หวัดระบาดหนัก
เลยต้องรณรงค์กันยกใหญ่ ทั้งออกกำลังกาย
และที่สำคัญต้องใส่หน้ากากปิดจมูกด้วย
เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค



แต่ใส่ไปใส่มาไม่ไหวนะ มันจะไม่ตายเพราะโรคไข้หวัดหรอก
มันจะตายเพราะใส่หน้ากากนี่แหละ หายใจไม่ออกเลย
อึดอัด ทรมาน สุดๆ รึว่าเราไม่ชินกะการใส่ก็ไม่รู้
แต่ไม่หนุกเอาเลยนะ ใส่หน้ากากเนี่ย
มะรู้ว่าทำไมคุณหมอ คุณพยาบาลใส่กันได้ไง ทั้งวันๆ
ไม่อึดอัดกันบ้างเหรอ

*-*

ไปกินก๋วยเตี๋ยวลำดวนกะเกียรติมา อาหย่อยมาก
แล้วไปเจอน้องหมา ตัวเล็กๆ น่ารักสุดๆ
มานั่งมองหน้าเราแล้วยิ้มใหญ่ แปลกดี
คิคิ

ม่ายรู้พันธุ์อะไรอะ ลืมถามเจ้าของ
แต่น่ารักมาก

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

>>>> อย่าแพ้

>>..อย่าแพ้..


หลายคน..
มักเกิดความคิด..
และชอบดูถูกตนเองอยู่เสมอ..
“เราไม่เท่าเทียมคนอื่น..
เราสู้คนอื่นไม่ได้..”
จึงยอมแพ้แก่ความคิดของตนเอง..

บ่อยครั้ง..
ที่เรายอมแพ้ใจตนเอง..
เพียงเพราะได้ยินคำพูด..ดูถูก..จากผู้อื่น
จนบางครั้ง..
ทำให้ความตั้งใจของเราลดน้อยลง..

เมื่อใดก็ตาม..
ที่เราต้องประสบกับคำดูถูก..ดูหมิ่น..เหยียดหยาม
จงปรับเปลี่ยนความคิดของเราทันทีว่า..
คำดูถูก..เหยียดหยาม..
คือ..พลังใจให้เราลุกขึ้นสู้..
ต้องสู้..สู้เท่านั้น..จึงจะชนะ(คำดูถูก)..
เรา..ต้องขอบคุณเขา..
ที่ช่วยให้ยาวิเศษกระตุ้นต่อมความท้อแท้..
ในจิตใจของเราให้มีพลังใจ..

“..อย่าแพ้..”
พึ่งท่องบ่นไว้ในใจเสมอ..
เรากล้าที่จะทำใจ..
ให้ยอมรับกับคำดูถูก..ดูหมิ่นเหยียดหยาม..ได้..
ทำตนเองเหมือนกับยอมแพ้ต่อผู้อื่น..
แต่ในทางตรงกันข้าม..
เราอย่ายอมแพ้..อย่าแพ้(ใจ)ตนเอง..
เพราะไม่มีใครจะชนะเราได้..
ถ้าเราไม่ยอมแพ้แก่ใจของตัวเราเอง..

เรายอมแพ้คนอื่น ๆ สักร้อยครั้งพันครั้ง..
ดีกว่าที่จะยอมแพ้ใจตนเอง..แม้ครั้งเดียว..
เราชนะใจตนเอง..เพียงครั้ง..
ดีกว่าชนะผู้อื่นร้อยครั้งพันครั้ง..เช่นกัน..

ท้อได้..แต่อย่าถอย..
ถอยได้..แต่อย่าละทิ้งความเพียร..
จงทนอดและอดทน..เอาชนะฝึกใจตนเอง..
และ...อย่ายอมแพ้..

เหนื่อย?????

ถ้าพูดถึงคำว่า..เหนื่อย..
หลายคนคงรู้จักมักคุ้นกับคำนี้เป็นอย่างดี..
เพราะเหนื่อย..คำนี้..
ได้สร้างความรู้สึกหดหู่..ท้อแท้ในจิตใจ..
หลายคนต้องถอนหายใจยาว ๆ..
พร้อมปลดปล่อยความทุกข์ออกจากจิตใจ..

หลายคนกว่าจะสูดลมหายใจลึก ๆ..
เพื่อสู้กับความเหนื่อย..
ก็ต้องทำใจอยู่นาน..
เพราะรู้สึกว่า..หดหู่..ท้อแท้..หมดหวัง..
อ่อนเพลีย..อ่อนแรง..และอ่อนใจ..

แต่จะมีใครสักกี่คน..
ที่มองเห็นคำว่า..เหนื่อย..
คือ..ยาพักผ่อน..ยานอนหลับ..ชนิดพิเศษ..

เพราะเมื่อใดที่เรารู้สึกเหนื่อย..
สิ่งที่เราจะต้องทำและรับมือกับความเหนื่อย..
ก็คือ..หยุดพักก่อนสักนิด..
พักใจ..
ให้หายเหนื่อยเสียบ้าง..
กับความทุกข์ท้อใจในชีวิต..

พักใจ..
ให้หายเหนื่อยเสียบ้าง..
กับความยากลำบากจากแรงกาย..

พักใจ..
ให้หายเหนื่อยเสียบ้าง..
หยุดนิ่ง ๆ ให้ใจได้อยู่เงียบ ๆ คนเดียว..
เพื่อสร้างความสุขสงบภายในจิตใจ..

จะเห็นได้ว่า..
ความเหนื่อยสามารถทำให้เราได้มองเห็น..
ความสงบสุขภายในใจได้เร็ว..
โดยเฉพาะเวลาที่เหน็ดเหนื่อย..ท้อแท้..
ต่อปัญหาความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจ..

จงหยุดให้ใจของเรา..
พักเหนื่อยเสียบ้าง..สักนิด..
เพื่อทำใจให้นิ่ง ๆ..
แล้วเราจะพบความสงบสุขในจิตใจ..

เหนื่อยนัก..พักก่อนดีไหม ??
เหนื่อยนัก..พักก่อน..หายเหนื่อย..ลุกขึ้น..ย้ำเดิน..ต่อไป..

*-*

ของขวัญ คำขวัญ

ขอมอบคำขวัญนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ


ทำดี คือ ทำอย่างไร ?


ทำเพื่อ "ให้" ไม่ทำเพื่อ "เอา"


ไม่ทำตนเป้นอุปสรรคต่อผู้อื่น


ไม่ทำตนเป็นเงื่อนไขด้านลบต่อผู้อื่น


ไม่ทำตามเงื่อนไขด้านลบของผู้อื่น


ไม่ทำร้ายตนเอง

------------------------------------

อารมณ์ดี คือ อย่างไร ?


มองโลกในแง่ดี


ไม่มีอคติกับผู้ใด


จิตไร้กิเลสตัณหา


ปรารถนาสันติสุข


สนุกกับชีวิต


เป็นมิตรกับทุก ๆ รูปนาม

-----------------------------------------
ที่มาจาก : หนังสือ "ของขวัญ คำขวัญ"
โดย อาจารย์ปริญญา ตันสกุล

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

พักนี้งานตรึม

เป็นช่วงเทศกาลต่อใบอนุญาตกิจการค้า แล้วก็ หนังสือรับรองการแจ้ง
วุ่นวายกันยกใหญ่ แต่ก็หนุกดีนะ มีเรื่องให้ปวดหัวเล่นๆ จะได้ไม่เหงา

วันนี้แล้วสินะ ที่พี่มะส์ มาทำงานวันสุดท้าย
เค้าจะไปบรรจุเป็นเจ้าพนักงานธุรการ ที่ อ.เทิงแล้ว
เราจะ ต้องสู้ต่อไป กินข้าวด้วยกันวันสุดท้าย
ไปถ่ายรูปกะพี่เค้าสองสามใบ
น้ำตาไหล ดีใจกะพี่เค้า แต่เสียใจนิดหน่อย
ที่ต้องจากกัน ปกติในห้องจะมีสาวๆ สี่คน เวลาไปงานก็ไปด้วยกัน
มีเรา เจย์ พี่ไก่ กะพี่มะส์
แต่ตอนนี้เหลือแค่สามคนเอง คิดแล้วเศร้าใจจัง
สรุปว่า ยินดีกะพี่่เค้าดีกว่า
สักวันต้องเป็นวันของเราให้ได้ ต้องสู้ต้องพยายามทำให้ได้

พักนี้ฝนตกทุกวันเลย ทั้งเช้า กลางวัน เย็น ตกๆ หยุดๆ อยู่อย่างนี้
ไปไหนก็ลำบาก เฮ้อออออ เซ็ง

ไม่ค่อยได้เข้ามาเขียนบล็อคเลย งานยุ่งๆ หนังสือก็ยังอ่านไม่ถึงไหน
จะสอบเดือนหน้าอยู่แล้วเนี่ย
กัวจังเลย กัวทำข้อสอบไม่ได้ กัวจริงๆ จาทำไงดีละเนี่ย
รู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกำลังถูกเปรียบเทียบไงงั้น
พี่มะก็ไปแล้ว อีกคนละ คนต่อไปจะเป็นใคร......
ลำบากใจจริงๆ เรา
แต่มะเป็นไร สู้ๆ

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ
ที่ทำให้เราต้องสู้ จะทำให้ดีที่สุด ทำให้ถึงสุดความสามารถ
ขอบคุณจริงๆ
ขอบคุณจากใจ

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ดูลิง ดูปลา ชมเขา

ไปเดินเที่ยวแม่สาย รู้สึกคนจะบางตามาก
คงจะกลัวไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่กัน
ก็มันน่ากลัวจิงๆ นี่นา
เป็นแล้วตาย น่าสงสารจริงเลย
แม่สายคนไม่ค่อยมาเดิน มีแต่แม่ค้าพ่อค้า
เราก็รีบๆ หาซื้อของ
ก็ซื้อเสร็จรีบออกมาเลย
เพราะอากาศร้อนมากถึงมากที่สุด
ตัวงี้เกรียมเชียว ต้องหาครีมมาทาอย่างด่วน
มิงั้นเราจะต้องดำกว่านี้แน่ๆ

แวะไปดูปลาที่ถ้ำปลาด้วย มีลิงเยอะมากๆ ปลาก็เยอะ
น่ารักดี ให้อาหารไปซะแยะ
ชอบเจ้าตัวที่มีลูกเกาะอกมาก
ลูกมันหน้าตาบ้องแบ้วได้ใจสุดๆ
เพิ่งเคยเห็นลิงจิ๋วนี่แหละ น่ารักมากมาก อยากได้ไปเลี้ยงบ้านสักตัว
คิคิ







วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หยุดหลายวัน แตไม่ได้ทำไรเลย

หยุด 5 วันรวดที่ผ่านมา ไม่ได้ทำไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
ได้แต่เรื่อยๆ เปื่อยๆ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปวันๆ
ทำเหมือนไม่ค่อยมีค่าไรเลย
แต่ก็ไม่ได้อยู่บ้านนะ เพราะไปนั่นไปนี่อยู่นั่นแหละ
ไปงานแต่งน้องสาวของน้าสะใภ้
เฮ้ออออ งานแต่งก็แบบบ้านๆ นะ ธรรมดา ไม่หวือหวา
ไม่มีไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ รำคาญก็แต่ฝนนั่นหละ
ตกทั้งวันทั้งคืน ทำให้งานกล่อยๆ เพราะต้องหลบกันใหญ่
จะเดินไปก็ลำบาก เพราะแฉะ ไม่ไหวเลย

ไม่ได้ไปไหนเลยเนี่ย ได้แต่อยู่บ้าน อยู่บ้าน แล้วก็อยู่บ้าน
ไอ้ที่วางแผนไว้จะไปเชียงใหม่ ไปเที่ยวอแควเรี่ยม อดคะ ไม่ได้ไป
ก็มันไม่รู้จะทำไรนะ เลยนั่งถ่ายรูปน้องแจ๋ กะน้องหัวหอมเล่น
น่ารักดี เดี๋ยวว่าจะไปหาซื้อเอาตัวใหญ่ๆ กว่านี้อีก
จะเอามาเก็บสะสมไว้ 555 เมื่อไหร่จะโตเนี่ย ยังเล่นตุ๊กตาอยู่เลย



แล้วก็ถ่ายรูปกล้วยไม้ในสวนของพ่อ
เพิ่งออกดอก แต่ไม่เยอะเท่าไหร่
ก็สวยดีนะ แต่ถ้าออกเยอะกว่านี้คงสวยน่าดู




ไปเที่ยวพะเยา 2 วัน ก็ไม่ได้ทำอีก
แวะไปเดินเที่ยวกว๊านประมาณ ครึ่งชั่วโมง
ก็ถ่ายรูปเก็บมาฝากไม่กี่รูป
เพราะไม่ได้เอากล้องไป อาศัยมือถือถ่ายไปพลางๆ ก่อน เซ็งเลยยยย



วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ตำรวจไทยก็ยังมีดีให้เห็นอยู่นะ

ถ้าใครเคยขับรถผ่านแถวสี่แยกหมอพีระ
คงจะเคยเห็นตำรวจคนหนึ่ง จะยืนดูแลเรื่องไฟจราจรทุกๆ เช้า
พอดีผ่านไป เลยได้เจอคะ แกจะถือคอละโข่ง (เขียนถูกป่าวเนี่ย)
แล้วก็จะคอยตรวจดูว่า รถที่จอดไฟแดงนะ จอดถูกต้องป่าว
ทุกคนคงจะเคยเห็นว่า ตรงสี่แยกไฟแดง เราจะเห็นเส้นสองเส้น
อยู่ตรงเลนจอดรถ เพื่อให้รู้ว่าควรจะต้องหยุดรถเส้นไหนเพื่อรอสัญญาณไฟเขียว
แต่จะมีบางคน ที่จอดเลยออกมา คุณตำรวจคนนั้นก็จะคอยเตือนตลอด
ให้ถอยไปหยุดตรงด้านหลังเส้นนั้น
ส่วนใครขับมอไซด์เหรอ แล้วไม่ใส่หมวกกันน็อคโดนคะ
โดนทุกราย แต่วันนั้นชอบอยู่อย่างนะ
คุณตำรวจเรียกเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งจอดรถเลยเส้นที่ว่า
ให้เด็กเอารถมาจอดด้านข้างถนน แล้วพาไปดูเส้น สอนต่างๆ นานา ซะใหญ่
เป็นภาพที่เห็นแล้ว อืมมมมม ดีนะ ตำรวจไทย ก็ยังมีดีให้เห็น อยู่บ้าง
แต่คงจะมีหลายคนเลยหละ ที่คงไม่ชอบแก เหตุก็เพราะว่า
คงจะถูกแกเตือนแล้วรู้สึกว่า เป็นเรื่องที่น่าอายนะ
เพราะแกจะเรียกมาตักเตือน แล้วก็อบรมซะนานเลย
แต่เราคิดว่า แกคงจะทำดีที่สุดแล้ว ตามหน้าที่
แม้ว่าจะไม่มีคนชอบก็ตาม แต่เราคนหนึ่งนะ
เห็นแล้วชอบการทำงานของคุณตำรวจคนนี้
ขอให้ปฏิบัติแบบนี้ต่อไปนะคะ
อย่าเพิ่งท้อก็แล้วกัน

วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หนุกหนานตามประสาเรา

ไปสมัครสอบที่ลำพูนมาเรียบร้อยแล้ว
คนไม่เยอะอย่างที่คิดละ
ก็ดี สมัครไม่ถึงห้านาที เรียบร้อย
แต่ก้ต้องนั่งรอบางคน เพราะดันลืมใบรับรองแพทย์
แต่ก็สมัครเสร็จก่อนเที่ยงทุกราย
จากนั้นก็ตีรถเข้าเชียงใหม่เลย
ไปส่งพี่มะ เพราะจะค้างอยู่บ้านญาติที่เชียงใหม่
แวะไปส่งกันที่ เซ็นทรัลแอร์พอร์ท ก็เลยแวะช็อปกันกระจาย
ไม่ได้ไรเลย เดินซะเมื่อยขา
บ่ายสามละ กลับบ้านกัน
ง่วงมากๆ อยากนอนมากๆ
ตื่นตั้งแต่ ตีห้าละ อาบน้ำแต่งตัว ไปรอรถบ้านพี่หนุง
รอพี่ไก่ เกียรติ อะมาละ แต่พี่หนุงกะพี่ต้นยังอาบน้ำไม่เสร็จอีก
อ้าว พี่มะหายไปไหน จะหกโมงแล้วยังไม่มาเลย
พอมาถึง อ้าว ลืมเอกสารอีก ไปส่งเอาเอกสารที่บ้านแกอีกที
กว่าจะได้ออกกันก็ เกือบเจ็ดโมงละคะ
ฝนตกตลอดทาง เย็นสบายดี
แวะรับคนข้างทางอีก 3 คน
ประมาณ สิบโมงก็ถึงลำพูนแล้ว
เที่ยงเข้าเชียงใหม่ ต่อ แวะกินข้าวกัน
เดินเที่ยวกันนิดหน่อย ตามประสา
สามโมงเจอกันที่รถอีกรอบ กลับเชียงรายกัน
กว่าจะถึงบ้าน แวะมาตลอดทางเลย
แวะซื้อนั่นซื้อนี่ ที่ขาดไม่ได้ก็คือ น้ำแข็ง โซดา กะ เหล้า
พี่ๆ กินเหล้ามาตลอดทางเลย กินกันอย่างหนุกหนาน
ถึงเชียงรายอย่างปลอดภัยตอนหนึ่งทุ่มจ้า
แต่ที่เหลือแวะกันไปต่อบ้านพี่ไก่ ไปก๊งเหล้ากันต่อ
คิคิ
พอมาทำงานตอนเช้าวันนี้ ทำหัวผงกๆ กันใหญ่
เพราะเฮ้งเหล้ากันคะ 5555
ตลกดี

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

จาไปแอ่วเมืองลำพูนกันเจ้า

พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เตรียมตัวไปสมัครสอบลำพูน
ต้องรีบนอนแต่หัวค่ำ
เมื่อคืนก็นอนดึกไปรอบละ นอนเกือบตีสอง
ก็มัวแต่ยืดผมกะยัยบี นั่นแหละ ทำเอาเกือบไม่ได้นอน
กว่าจะเก็บของ อาบน้ำเข้านอน ก็ปาไปตีสองกว่าแล้ ว
วันนี้ไปทำงานยังกะผีตายซาก
ตายังกะหมีแพนด้า
เดินเอียงซ้ายทีขวาที เพราะไม่ค่อยมีแรงจะเดินเท่าไหร่
ก็ง่วงสุดๆ เลย ถ้านั่งอยู่กะโต๊ะก็ไม่ได้ หัวจะทิ่มคอม
ทรมานมาก ๆ ก็ไม่เคยนอนดึกขนาดนี้มาก่อน
ไม่ไหว ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ติดต่อกันหลายวัน
คงต้องโดนหามส่งโรงบาลแน่ๆ
หรือไม่งั้นก็คงต้องตายไปเลย ทรมานแบบสุดๆ

ไปนอนดีฝ่า จะได้ตื่นทันพรุ่งนี้ แต่เช้า
คิคิ
ไว้จาเก็บภาพมาฝาก แต่ไม่รู้ว่าจะได้แวะเที่ยวไหนบ้างนะ
เพราะแต่ละคนไม่มีใครเลยไปลำพูนกันเลย ครั้งแรกกันทั้งนั้น