วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ง่วนเชียว

เสาร์อาทิตย์นี้ไม่ว่างเลย
ง่วนพัลวันกะงานโครงการ
ปั่นอย่างด่วน ต้องเอาให้เสร็จ
ตั้ง 9 โครงการ มืองี้แทบจะพันกัน
ปวดไหล่สุดๆ  แต่ต้องทำให้เสร็จ
แต่ตอนนี้ง่วงอะ ทำไงดี
ขอพักสักงีบนะ
ไม่ไหวแล้วจิงๆ ๆ ๆ

ครอกฟี้ๆๆๆๆๆ

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทำไงดีน้อ

ง่วงนะ แต่อ่านหนังสือก็ไม่ถึงไหนเลย
แล้วตกลงจะสอบได้  หรือว่าได้สอบกันแน่เนี่ย

สุดๆ  แล้ว นอนดีฝ่า

ฝันดีค่ะ

ได้พักซะที

ทำงานวันนี้แทบตายเลย
ไม่ได้หายใจหายคอ
มาถึงยังไม่ทันแปดโมงเช้าด้วยซ้ำ
ข้าวก็ไม่ได้กิน
หัวหน้าชั้น โผล่มาจากไหน
มาถึงก็สั่งๆ  ๆๆ บอกให้ทำให้เสร็จดภายในวันนี้
อารายเนี่ย ตูละงงเลย
สั่งให้ทำไรก็ทำนะ
ทำเสร็จก็เอาไปให้ดู ไม่ได้ดั่งใจอีก
พระเจ้า ปวดหัวเลย
เจ้าเกียรติก็โดนไปดอกหุุหุ
"เอาใจมาทำงานด้วย  "  ความผิดอยู่ที่คราย
ก้อยู่ที่หัวหน้านั่นแหละ
ใจร้อน ไม่ดุอะไรเป็นอะไรบ้างเลย
คนไร  ใจร้อนชมัด เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง เซ็ง  มีหัวหน้าแบบนี้สักสิบคน คงอกแตกตายวันละหลายๆ รอบ 
เอ้อออ   แต่ต้องทำใจ  สงสัยเค้าจะวัยทอง   ไม่ถือสา

ได้พักยาวสามวันรวดแล้ว
แต่งานบ้านก้ตรึมเหมือนเดิม 
เจ้าเอเปคมอมเชียว  อาบน้ำอีกแล้วพรุ่งนี้
ว่าจะพักคงไม่ได้พักอีก   
ม่ายเป็นไร  เพื่อเอเปคพี่ทนได้ 

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

หัวงี้ฟูเลย

กลับมาทำงานได้สองวันละ
หลังจากที่พักไปสอบ
งานงี้เต็มโต๊ะไปหมด
พิมพ์งานงี้มือแทบจะพันกัน
อยากมีสักสิบมือคงจะดี
จะได้เสร็จไวๆ 
อ้ายกุ้งลาพักผ่อนสามวันรวด ค่ะ
ไม่รู้ลาประชดเราอะป่าว หุหุ
ลาแค่สามวันแต่ได้พักซะหกวันรวด ข๋อยแต้ๆ

ดีหน่อยวันนี้มีประชุม
ไม่ต้องมานั่งคีย์ข้อมูล  แต่ก็ได้กลับบ้านค่ำเลย
เพราะกว่าจะออกห้องประชุมกันมาก็ปาเข้าไปห้าโมงแล้ว

ระหว่างประชุมเนี่ย นั่งเล่นเกมไรน้อ  เหล็กสองอันพันกัน
แล้วต้องทำให้มันหลุดออกจากกันให้ได้
อ่อ  นั่งเล่นทั้งคืนดันเล่นไม่ได้
นั่งรอประชุมแป๊บเดียวดันทำได้  เหอะๆ   งี้ก็มีด้วย
เกมลับสมอง ประลองปัญญา แต่เล่นเอาซะหัวฟูเลยเนี่ย แถมความเครียดเข้าไปอีกหน่อย
ก็ไม่เครียดได้ไง มันไม่ออกจากกันก็ต้องหาวิธีทำให้ได้  มึนเลยคะ
หาเกมใหม่ๆ มาเล่นกันอีกนะ หนุกดี

ปล. พรุ่งนี้ลุยงานต่ออีกวัน ไม่รู้จะมีไรเกิดขึ้นบ้าง เอ้อออออ  วุ่นวายจริง ๆ
ไปนอนแระ  ฝันดีละกัน

สุราษฏร์ทัวร์ 2

เล่ายังไม่จบ สุราษฏร์อีกรอบ
ขอบคุณไกด์ใจดีพาเที่ยว
ระหว่างที่นั่งรอเพื่อนๆ สอบภาคบ่ายกัน
ชมเมืองสุราษฏร์  แล้วก็ไปไหว้พระขอพร
อากาศร้อนมากๆ  ไม่ค่อยเจอแบบนี้มาก่อน
อยู่เชียงรายว่าร้อนแล้วนะ มาเจอสุราษฏร์ไปอีกเรื่องเลย
ร้อนไหม้แทบจะละลายเลย ถ้ามาอยู่จริงๆ
คงต้องใส่เสื้อแขนยาวทั้งวันแน่ๆ  แถมต้องพกครีมกันแดดตลอดเวลา

ไปไหว้พระที่ศาลหลักเมืองรึป่าวนะ จำชื่อไม่ได้
ไปติดทองหลังพระด้วย
ได้ทำบุญขอพรก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย
มีความรู้สึเหมือนว่า อยากกลับมาอยู่
ความจริงถ้าเป็นไปได้ ก็มาอยู่จริงๆ นะ
สาธุ ขอให้ได้จิงๆเต๊อะ

ปล. ดอยสุราษฏร์ มีแยะไปหมดเลย  เหมือนเชียงราย ต่างกันก็ตรงที่ มะมีต้นโกงกางนี่แหละ
     

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สุราษฏร์ทัวร์ 1

การเดินทางไปสอบสุราษฏร์ครั้งนี้
ได้เพื่อนใหม่แยะเลย
ต่างทิศต่างถิ่นแล้วมาเจอกัน
มีแต่พวกเพี้ยนๆ 
เฮ้อออ  คนเพี้ยนๆ  มาเจอกัน
แสนจะวุ่นวายแต่ก็หนุกนะ





หาดทรายรี   จ.ชุมพร



เพื่อนใหม่  สาวแจ๋วคนสวย



คนใส่แว่นเนี่ยคุ้นๆ   สาวนุ้ยนี่เอง
เสื้อสีชมพู  สาวโอ๋  คนงามเมืองพิจิตร
ส่วนคนเสื้อเขียวข้างหลังนะ  น้องเก่ง คนห้วยไคร้ 
ไม่รู้ว่าเป็นไรนะ ไม่พอใจไรพี่ป่าวเนี่ย ศอกใส่หน้าผากเราเต็มๆ 
มึนเลยหละคะ เหอะๆๆๆ


 

หอยนางรมตัวใหญ่ๆ  แต่มะชอบกินอะ มันคาว



อันนี้หอยนางรมของน้องนุ้ยมัน
นุ้ยบอกว่า  "หอยของนุ้ย"  ค่ะ 

สุราษฏร์ทัวร์

ไปสุราษฏร์ครั้งแรกในชีวิต
นั่งรถทรหดอดทนสุดๆ
นั่งรถบ่ายโมงวันศุกร์  ถึงบ่ายสี่วันเสาร์
เมื่อยสุดๆ  ไม่เคยนั่งรถนานๆ ขนาดนี้ 
แทบแย่
สภาพแต่ละคน ดูกันไม่ได้เล้ย   หัวยุ่งหัวฟู 
หุหุ
แต่ก็ได้รสชาติไปอีกแบบ
กินๆ นอนๆ  ในรถอ้วนลุงพุงเลยเรา  คิคิ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เกือบตายแล้วเรา

ถึงที่ทำงานแปดโมงเป๊ะ
เดินไปกดสวิทคอมเหมือนๆกับที่เคยทำทุกวัน
ใจหายใจคว่ำ  ไฟช๊อตมีเสียงระเบิดด้วย
มือที่เราไปกดสวิทคอม ดำปื๋อเลย
ลืมตามาอีกที นึกว่าตัวเองตายแล้วซะอีก

ตกใจสุดๆ  เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กะตัวเองก็ครานี้แหละ
ทั้งเสียงระเบิด แสงไฟที่ช้อต 
อูยยยยยยย 
พระเจ้าช่วย นึกว่าตายแล้ว 
ดีที่ยังมีชีวิตรอดมาได้
นี่แหละที่เค้าเรียกว่า  คนดีผีคุ้ม   หุหุ

ชาเขียวทำพิษอีกแร้วว

เมื่อวานกินชาเขียวปั่นไปเกือบๆ 2 แก้ว
ผลคือ เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืนเลย
ดิ้นไปดิ้นมา ยังกะหนูติดจั่น
แทบตาย ง่วงมาก ๆ แต่ดันนอนไม่หลับ

ง่วง  ง่วง ง่วง 

ทำงานไปตาปรือไป จะตายแล้วค่ะ

วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อยู่นานๆ ได้ไหม

นั่งรถไปซื้อดอกไม้ให้หัวหน้า
ฟังเพลงไปด้วย
"อยู่นานๆ  ได้ไหม"
ไม่ได้ฟังนานละ
ฟังกี่ทีกี่ที ก็ยังเพราะเหมือนเดิม
ฟังแล้วคิดถึงน้า น้าชอบเพลงนี้มากๆ
ฟังไปฟังมาน้ำตาคลอ
เฮ้ออออ   คิดถึงจริงๆ แหละ
มะเป็นไร เดียวเดือนหน้าไปหาแน่ๆ
รอก็แล้วกันนะจ๊ะ


เมื่อในวันนี้ ที่ฉันได้เจอเธอ เพราะเธอยังห่วงใยมาหากัน
อยากขอบคุณจริงจริง ที่เห็นความสำคัญ
แหละรู้ว่าฉันยังเฝ้ารอเธอ ทุกทุกอย่างช่างดูสดใส
ที่ในวันนี้ฉันมีเธออยู่ อยู่นานนานได้ไหม
 นานนานจะเจอกันซักที ให้ฉันได้มีวันที่ดี
อบอุ่นอย่างนี้นานนานได้ไหม แล้วค่อยลา
ที่ผ่านมานั้น คิดถึงเธอเพียงใด ต้องคอยต้องทนเพี่อจะได้เจอ
เฝ้ารอคอยมานานอยากขอร้องให้เธอ
 สงสารใจของคนที่รอคอย ทุกทุกอย่างช่างดูสดใส
ที่ในวันนี้ฉันมีเธออยู่ อยู่นานนานได้ไหม
นานนานจะเจอกันซักที ให้ฉันได้มีวันที่ดี
 อบอุ่นอย่างนี้นานนานได้ไหม อยู่นานนานได้ไหม
 นานนานจะได้มาซักที ให้ฉันลืมวันคืนที่เหินห่าง
อยากเติมความรักให้เต็ม..หัวใจ อยู่นานนานได้ไหม
นานนานจะเจอกันซักที ให้ฉันได้มีวันที่ดี
อบอุ่นอย่างนี้นานนานได้ไหม อยู่นานนานได้ไหม
นานนานจะได้มาซักที ให้ฉันลืมวันคืนที่เหินห่าง
อยากเติมความรักให้เต็ม..หัวใจ

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตรุษจีนแห่งความรัก3

กุหลาบสีแดง... คือ..ดอกไม้สุดโปรดของเธอ
และเธอก็ชื่อ...โรส ซึ่งหมายถึง..กุหลาบ..ด้วย
ทุกปี..สามีของเธอ จะส่งดอกกุหลาบผูกโบว์น่ารักให้
แม้กระทั่งปีที่เขาตายจากไป เธอก็ยังได้รับดอกกุหลาบ
ซึ่งมาส่งที่หน้าบ้าน การ์ดที่แนบมาเขียนไว้ว่า "ที่รักของผม"
เหมือนกับหลาย ๆ ปี ก่อนหน้านี้
แต่ละปีที่เขาส่งดอกกุหลาบให้เธอ
เขาจะเขียนว่า "ปีนี้ผมรักคุณ...มากกว่าที่ผมเคยรัก..เมื่อปีก่อน
เพราะความรักของผม..เติบโดขึ้นทุกปีที่ผ่านไป"
เธอรู้ว่า นี่คือกุหลาบช่อสุดท้ายแล้ว.. ที่เธอจะได้รับ
เธอคิดว่า.. เขาคงสั่งดอกไม้ล่วงหน้า ก่อนถึงวันวาเลนไทน์
โดยที่เขาไม่รู้ว่า...เขาจะจากไป เขามักจะทำอะไร..เอาไว้ล่วงหน้าเสมอ
เพื่อที่จะได้ไม่พลาด แม้ว่าเขาจะงานยุ่งแค่ไหนก็ตาม
เธอตัดก้านกุหลาบ แล้วจัดมันลงในแจกันสุดพิเศษ
วางไว้..ข้างภาพถ่ายใบหน้าเปื้อนยิ้มของสามี
นั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดของเขา
เนิ่นนานนับชั่วโมง จ้องมองภาพถ่ายของเขา ที่มีดอกกุหลาบอยู่ด้านข้าง
 หนึ่งปีผ่านไป... มันยากมาก สำหรับการที่ต้องอยู่คนเดียว
โชคชะตา..บันดาลให้เธอ ต้องกลายเป็นคนอ้างว้าง-เปล่าเปลี่ยว
แล้วกริ่งประตูก็ดังขึ้น เหมือนวันวาเลนไทน์ปีก่อน ๆ
 เมื่อเธอเปิดประตู ก็พบกุหลาบแดงวางอยู่ที่หน้าประตู
เธอนำมันเข้ามาในบ้าน และรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้รับ
 ในที่สุด เธอก็กดโทรศัพท์ไปที่ร้านดอกไม้ เมื่อเจ้าของร้านมารับสาย
เธอจึงถามเขาว่า "ทำไมถึงมีคนส่งดอกไม้ให้ฉันล่ะ"
ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด "ผมทราบว่า.. สามีของคุณจากคุณไปเมื่อปีที่แล้ว" เจ้าของร้านตอบ
"และผมก็รู้ว่า...คุณต้องโทรมา และอยากรู้ว่า...ใครส่งดอกไม้ไปให้คุณ"
ดอกไม้ที่คุณได้รับวันนี้ ชำระเงินล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วครับ
สามีคุณ...เป็นคนสั่งดอกไม้ โดย เตรียมการไว้ล่วงหน้า
ผมยังมีคำสั่งซื้อดอกไม้จากเขาเก็บเอาไว้ในแฟ้มอีก
ผมได้รับคำสั่งให้ส่งดอกไม้ให้คุณทุกปียังมีอีกเรื่องนะครับที่ผมคิดว่าคุณ
ควรจะทราบเขาเขียนการ์ดพิเศษเอาไว้ให้คุณใบหนึ่ง
เมื่อหลายปีที่แล้วและเขาต้องการให้ผมส่งการ์ดนี้แก่คุณ ในปีถัดจากปีที่เขาจากคุณไปแล้ว"
เธอกล่าวขอบคุณเจ้าของร้านดอกไม้ แล้ววางโทรศัพท์ น้ำตาไหลอาบแก้ม นิ้วของเธอสั่นระริก
ขณะเอื้อมมือไปหยิบการ์ดใบนั้น
บนการ์ดมีลายมือของเขา..ที่เขียนถึงเธอ แล้วเธอก็เริ่มอ่านมันอย่างเงียบ ๆ
 ในการ์ดเขียนว่า "หวัด ดีจ้ะที่รัก ถึงตอนนี้ผมได้จากคุณไปหนึ่งปีแล้วหวังว่า..
มันคงไม่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย เกินไปในการต่อสู้กับปีที่ผ่านมานะ
ผมรู้ว่าคุณคงรู้สึกอ้างว้างและเจ็บปวดถ้าเป็นผมก็คงรู้สึกไม่ต่างจาก คุณ
ความรักของเราสองคนทำให้ทุกสิ่งในชีวิตดูงดงามไปหมด
ผมรักคุณมาก..เกินกว่าที่จะบรรยายได้คุณคือภรรยาที่สมบูรณ์แบบ
คุณเป็นทั้งเพื่อนและคนรักคุณเติมชีวิตผมให้เต็ม
ผม รู้ว่ามันเพิ่งผ่านไปได้แค่ปีเดียว
แต่ผมไม่อยากให้คุณตกอยู่ในความเศร้าผมอยากให้คุณมีความสุข
 แม้กระทั่งเวลาที่คุณหลั่งน้ำตาและนี่คือเหตุผลว่า..
ทำไมผมจะยังคงส่งดอกไม้ให้คุณ
ต่อจากนี้อีกหลายปีเมื่อคุณได้รับดอกกุหลาบ
ผมอยากให้คุณนึกถึงความสุขตลอดระยะเวลาที่เราได้รักกัน
ผมรักคุณเสมอและรู้ ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
แต่ที่รัก .. คุณต้องต่อสู้ต่อไปต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
ได้โปรดมองหาความสุขตลอดวันเวลาที่คุณยังมีชีวิตอยู่
ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายหากหวังว่าคุณคงไปถึงมันได้สักวัน
กุหลาบจะส่งถึงคุณทุกปี และจะหยุดส่ง ก็ต่อเมื่อ..
คน ที่มาส่งดอกไม้เคาะประตูแล้ว ไม่มีใครมาเปิดรับเขาจะมาส่งห้าครั้งในวันนั้น
เผื่อว่าคุณจะออกไปธุระข้างนอกหากครบห้าครั้งแล้ว ยังมอบดอกกุกลาบให้คุณไม่ได้
เขาจะรู้เองว่าต้องนำดอกไม้ ไปยังสถานที่ที่ผมสั่งเอาไว้
ดอกกุหลาบจะวางลงบนที่ที่เราจะได้อยู่ร่วมกันอีกครั้ง....ชั่วนิรันดร์ "

 ... เชื่อเปล่าค่ะอ่านแล้วน้ำตาตกในเลย อ่านเรื่องนี้คงจะเข้ากับชีวิตใครหลายๆ คนนะ
ที่มา http://forum.thzaa.com/viewthread.php?tid=71

ตรุษจีนแห่งความรัก2






สัญญา  ^^
เราจะเคียงข้างกันตลอดไป

ตรุษจีนแห่งความรัก1

Happy  Valentine Day
ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้
ขอให้มีความสุขกันเยะๆ นะ

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

จดหมายถึงพ่อ

เจ้าขวัญมันแปลกๆเนาะช่วงนี้
มีเซอร์ไพร์พ่อด้วยแหละ
เขียนจดหมายมาหาพ่อ
ทั้งๆ ที่มันก็อยู่แค่เชียงใหม่เอง
แต่มันก็ไม่ได้โทรหา ใช้วิธีการเขียนจดหมายแทน
ความจิงแล้วมันตั้งใจจะให้ถึงวันเกิดของพ่อ
แต่เกิดความผิดพลาดประการ ก็มิทราบ
จดหมายมาถึงล่าช้า
ก็ยังดีที่มาถึง  ดีกว่าไม่ถึง

อ่านแล้วก็อน้ำตาคลอไม่ได้
ไม่รู้ว่าพ่ออ่านแล้วจะเป็นไงบ้าง 
เพราะพ่อแอบไปอ่านคนเดียว
สงสัยร้องไห้ตาแดงแล้วมั้ง  คิคิ

พ่อทำงานหนัก อยากให้พักบ้าง
แต่ก็ยังต้องทำอยู่ เพราะภาระหน้าที่
ที่ต้องดูแลครอบครัว
เอ้อออ   เราก็โตแล้วนะ
แต่ยังต้องให้พ่อทำงานอีก  สงสารพ่อจัง
รักพ่อมาก ๆ
สุขสันต์วันเกิดนะคะพ่อสุดที่รัก
ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
อยู่กะลูกๆ  ไปนานๆ  นะจ๊ะ

ปล.  ความจริงวันเกิดพ่อนะ  8  กุมภา  แต่จดหมายเพิ่งมาถึง 
        แต่เราก็อวยพรไปเรียบร้อยแล้ว

ตรุษจีนแห่งความรัก

เตรียมตัวจะไปขายของถนนคนเดิน
ม่ายรู้จะเป็นไงบ้าง
จะขายได้มั้ยน้อ
ต้องได้ซิ
คนอื่นยังทำได้
แค่นี้เรารึจะทำไม่ได้

หุหุ
แม่ค้าจำเป็น
ตรุษจีนนี้ดีเนาะ
ตรงกะวันวาเลนไทน์ด้วย
น้องข้างบ้านก็จะแต่งงาน  วันดีจริงๆ


หัวใจสีแดงๆ   เข้ากับเทศกาลวาเลนไทน์







กุหลาบแดงกะช็อคโกแล็ต ของคู่กันวันวาเลนไทน์ 




วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ลืมเล่าความเปิ้นของตัวเอง

ลืมเล่าไปว่า
วันที่ไปนครปฐมนะ
เค้าให้ไปรอรถตอนหกโมงเย็น
ไอ้เราก็ไปตั้งแต่ห้าโมงครึ่งเลย ถึงเป็นคนแรก
สักพักเจ้าเกียรติกะน้องเปิ้ลมาละ
นั่งรถรางคุยกันไปเรื่อยๆ 
เจ้าเกียรติมันก็พูดถึงเรื่องรุป
อ้าว  ซวยละชั้น  ลืมเอามาค่ะ
แล้วยังมีหน้าไปถามมันอีกนะ  ว่าเอามาทำไม
จะบ้าตาย  ไปสมัครงานที่ไหนบ้างเค้าไม่เอารูป
โอยยยยยย  กลับบ้านอย่างด่วน เกียรติขับมอไซด์อย่างซิ่ง
หัวงี้ฟูฟ่อนไปหมด อุจส่าห์ทำผมมาซะดิบดี หมดกันเพราะลืมรูปนี่แหละ
แถมไม่พอนะ เดินไปเดินมาสะดุดไม้หัวแทบขมำอีก โอพระเจ้า
อะไรจะขนาดนั้น
แต่ก็ดี  ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
มาดูรูปกันดีฝ่า  ได้ถ่ายกันแค่นิดหน่อยๆ 
หน้าตาแต่ละคนดูไม่ค่อยได้หรอก 
เพราะเพลียๆ  จากการนั่งรถนานไปหน่อย 

คู่รักสุดหวาน  (แบบแปลก)
กินหนมได้ไม่หยุด
น้องเปิ้ลเซเว่น

พี่ใหญ่สุดประจำรถ

เฮ้ออออ   หน้าตางี้ดูไม่ได้เลย 

ไปถึงสามชุกช่ายมะ 
ต้องกินข้าวห่อใบบัว ของขึ้นชื่อเค้าละ

ลูกชิ้นลูกเล็กๆ 
กินทั้งวันก็ไม่หมด 
กินลูกเดียวอิ่มไปเป็นชาติเลยเนี่ย

ไปแวะปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง 
PTT  Park 
สวยมาก
มีปลาตัวเบ้อเร่อเลย
แยะมากมาย
มีปลาแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นด้วย
อยากได้ไปเลี้ยงบ้านคงจะดี

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ถึงโดยสวัสดิภาพ

ตื่นเต้นซะไม่มีอะ
ไปสมัครสอบครานี้
ก็ไปสมัครจิงๆเลยนะ
เดินทางหกโมงเย็น ถึงนครปฐมตีห้า
ไปล้างหน้าแปรงฟันกันที่บริเวณองค์ปฐมเจดีย์
ไม่ได้อาบน้ำกันเลย เหนียวตัวสุดๆ
เสร็จก็ไปไหว้พระขอพรกัน
เดินไปหาของกินกันตอนหกโมงเช้า
เข้าไปในตลาด มีของกินเพียบเลย แต่ไม่มีความรู้สึกหิว
เพราะเช้าเกินไป แต่จำเป็นต้องกิน

วัฒนธรรมที่นั่นไม่เหมือนบ้านเรานะ
การทำบุญของนครปฐม ถือกันเป็นธุรกิจเลย
มีของมาขายไว้ให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา เพื่อซื้อไว้ทำบุญ
เราพี่ๆ น้องๆ  ก็เลยทำบุญกันบ้าง
แล้วไปกินข้าวกันต่อ
มาถึงนครปฐมละ ต้องกินข้าวหมูแดง
ก็อร่อยดีเนาะ แต่ก็ไม่แตกต่างจากที่เคยกินบ้านเราเท่าไหร่
ทำธุระเรียบร้อยกันละ
เดินทางไปสมัครสอบกันต่อ    ใช้เวลาสมัครไม่ถึง สิบห้านาที
โหเดินทางกันทั้งคืน เหนื่อยสุดเหนื่อย สมัครแป๊บเดียวเสร็จ
ก็ต้องนั่งรถกับเชียงรายอีกแระ
ทรมานสุดๆ เลย
สงกะสัยคนขับท่าจะเหนื่อย ไม่ได้พักเลยนิ
พี่แกขับรถไปตกหลุมอย่างแรง ตัวเรางี้กะเด็นขึ้นซะนี่
ดีนะแค่ตกหลุม นึกว่ารถชนซะแล้ว
ใจหายใจคว่ำเลย คิดว่าจะไม่ได้กลับเชียงรายแล้วเนี่ย

พี่เค้าก็ใจดีอยู่นะ แวะให้ไปเที่ยวสามชุกกันที่สุพรรณ
ก็ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวเอง
เพราะอากาศร้อนสุดๆ 
ก็ยังดีได้แวะเที่ยว
หุหุ

^^
ถึงบ้านเกือบห้าทุ่ม
กว่าจะอาบน้ำนอน ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนละ
นอนไม่รู้เรื่องเลย ตื่นมาอีกที คิคิ  เจ็ดโมงเป๊ะ  เกือบสายอีกแล้วซิเรา

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตาลาย

นั่งหน้าคอมนานไปหน่อย
ปวดลูกกะตาซะนี่
ตางี้ลายเชียว
กัวได้ใส่แว่นน้อออออออ

วันนี้ลืมกินข้าวเที่ยงอะ
ง่วงจนลืมกินเลย
หลับตานอนก็นอนไม่หลับ
ไม่เหมือนนอนบ้าน
ทรมานซะ  บ่าย  ๆ  มาก็ยังไม่หายง่วง
ทำไงดีน้อ 
พรุ่งนี้ไปสมัครสอบนครปฐม
นอนในรถไปถึงก็สมัคร แล้วก็กลับ
ไม่ได้เที่ยวไหนเลย
แต่ก็คงจะเหนื่อยกะการนั่งรถนานๆ


^^

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ยิ้ม....

เช้านี้มางานก็ยุ่งนิดหน่อย พอไหว
เหลือบเห็นอ้ายกุ้งนั่งยิ้มอยู่คนเดียว
สิบนาทีผ่านไป
ก็ยังยิ้มอยู่อย่างนั้น
เลยนึกย้อนมามองตัวเอง
เราเป็นเสมอนะ
นั่งยิ้มอยู่ได้คนเดียว
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ได้นะ
ว่าเวลามีความสุขหรือรู้สึกพอใจอะไรสักอย่าง
เราจะนั่งยิ้มคนเดียวอยู่ประจำ
บางครั้งความรู้สึกดีๆ  เล็ก ๆ น้อยๆ  ก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีความสุขขึ้นมาได้
แม้ว่าเวลานั้น เราอาจจะยังทุกข์ก็ตาม

เราก็ต้องยิ้มสู้กับปัญหา
ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
ใครจะว่าบ้า ก็ไม่สน
ยิ้มอย่างเดียว
โลกนี้เป็นของเรา 555++++


วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เธอทั้งนั้น

รู้ไหมว่ามันดียังไง และรู้ไหมว่าสุขใจเพียงใด


รู้ไหมว่าชีวิตเก่าๆ ของฉันนั้นเปลี่ยนไปเท่าไหร่

รู้ไหมว่าก่อนจะเจอเธอ รู้ไหมฉันเคยเป็นยังไง

รู้ไหมการที่ได้เจอเธอนั้นช่างยิ่งใหญ่สักเท่าไหร่



เธอ...เธอทั้งนั้นที่ทำ ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ จนฉันได้เจอเธอ



โลกที่เคยมองดูซึมเซา โลกที่มีแต่ความว่างเปล่า

ฟ้าทึมๆ และวันเศร้าๆ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ได้



เธอ...เธอทั้งนั้นที่ทำ ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ จนฉันได้เจอเธอ



ขอบคุณสวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน

ขอบคุณคนๆ นั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ

ขอบคุณทุกเรื่องราว ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ...เธอ...สุดที่รัก



รู้ไหมว่ามันดียังไง และรู้ไหมว่าสุขใจเพียงใด

รู้ไหมว่าชีวิตเก่าๆ ของฉันนั้นเปลี่ยนไปเท่าไหร่

รู้ไหมว่าก่อนจะเจอเธอ รู้ไหมฉันเคยเป็นยังไง

รู้ไหมการที่ได้เจอเธอนั้นช่างยิ่งใหญ่สักเท่าไหร่



เธอ...เธอทั้งนั้นที่ทำ ให้ช่วงชีวิตของฉันน่าจดจำ จนฉันได้เจอเธอ



ขอบคุณสวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน

ขอบคุณคนๆ นั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ

ขอบคุณทุกเรื่องราว ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ...เธอ...



ขอบคุณสวงสวรรค์ ให้เราได้เจอะกัน

ขอบคุณคนๆ นั้น ที่ทำให้ฉันได้พบเธอ

ขอบคุณทุกเรื่องราว ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ...เธอ...สุดที่รัก

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เวียนหัว

ช่วงนี้แทบจะอ๊วกออกมาเป็นตัวเลขซะให้ได้
ตั้งแต่วันพฤหัส มาแล้ว
วันเสาร์ก็ยังต้องทำอีก
แถมพ่วงมาถึงวันนี้อีก
แล้วก็จะยังต่อไปถึงพรุ่งนี้อีกด้วย  5555
ทำงานไม่ได้หยุดเลย  ป้อนตัวเลข
เมคข้อมูลอะไรต่อมิไรมากมาย
เพื่อส่ง สสส. ตาลายเลยอะ
หัวหน้าเราก็กดตัวเลขให้วุ่น
ทำเราหน้ามืดตาลายไปหมด เวียนหัวแทบอ๊วก
แต่ก็หนุกไปอีกแบบนะ ได้คิดไปด้วย แต่เวียนหัวอะ

ช่วงนี้มีปัญหามากมายเข้ามาในชีวิต
แต่ก็ช่างมันเต๊อะ    อีกหน่อยมันก็คงผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
มันคงเป็นแบบนี้ได้ไม่นานหรอก 

วันเสาร์นี้จะต้องไปนครปฐมละ
ยังไม่เตรียมเอกสารอะไรเล้ยยยย
เหลือเวลาอีกแค่ ไม่กี่วันแระ
เอ้อออ   ขี้เกียจนั่งรถนะเนี่ย

^^