วันจันทร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

คาถาดีๆๆๆ

1. คาถาคนทำงาน


ขั้น แรก...ท่อง นะโม 3 จบ ก่อน แล้วจึงค่อยท่องคาถานะ

อาจจะมี ... เซ็งไปบ้าง...ในบางครั้ง

อาจ จะมี ...เบื่อกันบ้าง.... ในบางหน

อาจ จะมี ...เหม็นขี้หน้า...กับบางคน <====== อัน นี้ โดน

พยายามทน ทำงานไป เพราะได้ตังค์ <====== อันนี้โดนก่า



2. คาถา ปล่อยวาง

กูว่าแล้วในโลกนี้มีปัญหา

เขา ไม่ด่า ก็ชื่นชม หรือเฉยๆ

สาม ประเภทที่ว่านี้มิเปลี่ยนเลย

จง วางเฉยใครถือสาเป็นบ้าตาย



3. คำสอนของพระพุทธเจ้า

อย่า ไปนึกว่า ' คนอื่น ' เหนือ กว่า เรา เพราะทำให้เกิดปมด้อย

อย่า ไปนึกว่า ' คนอื่น ' ต่ำ กว่า เรา เพราะทำให้เกิดทิฐิ

อย่า ไปนึกว่า ' คนอื่น ' เสมอ เท่า เรา เพราะทำให้เกิดการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่น

จงนึกเสมอว่า ' คน อื่นทุกคน ' เป็นเพื่อนรวมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมด









การบรรยายธรรมะโดย ท่าน ว.วชิรเมธี ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้

> 1. อย่า เป็นนักจับผิด

คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง ' กิเลส ฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก ' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส ' จิตประภัสสร ' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี ' แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข '



> 2. อย่า มัวแต่คิดริษยา

' แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน '

คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

คน ที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า ' เจ้ากรรมนายเวร ' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน

ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ' ไฟ สุมขอน ' ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน

เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี ' แผ่เมตตา ' หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล ่อยให้ลอยไป





> 3. อย่าเสียเวลากับความหลัง

90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ ' ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น '

มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย

ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ ' อย่า ปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน '

' อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี ' สติ ' กำกับตลอดเวลา





> 4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ

' ตัณหา ' ที่ มีปัญหา คือ ความโลภ ความ อยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติ ของตัณหา คือ ' ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม '

ทุกอย่างต้องดู ' คุณค่าที่แท้จริง ' ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู

คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์

เราต้องถามตัวเองว่า ' เิกิด มาทำไม ' คุณค่าที่แท้จริงของการ เกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน ตามหา ' แก่น ' ของชีวิตให้เจอ

คำว่า ' พอดี ' คือ ถ้า ' พอ ' แล้วจะ ' ดี ' รู้จัก ' พอ ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข '

ไม่มีความคิดเห็น: