วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องน่าอาย

การร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย
แต่การแสร้งทำเหมือนว่าไม่เป็นอะไร
เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าเราเข้มแข็ง
..ทั้งที่ในหัวใจกำลังร้องไห้
แบบนั้นสิ...
ที่น่าอาย  (น่าอายตัวเอง) ...มากกว่า

ปล.  ...............

มีขายบ้างรึป่าว

ถ้าหากความสุขมันหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อก็คงดี
ทุกคนบนโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครที่รู้จักกับคำว่า  "ความทุกข์"
แต่เพราะว่า...   ชีวิตจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้น
ไม่ว่าที่ใดบนโลก...ความเป็นจริงคือมันมีสองด้าน
บางความทุกข์ เราไม่สามารถกำหนดได้
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเผชิญหน้ากับมันแบบใด
และเราก็รู้ดี.....
บางความสุข... เราก็สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ในหัวใจ
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเผชิญหน้ากับมันไหม..เช่นกัน

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ซีเครียด


นอนไม่หลับเฟ้ยยยยยยยย

จงระวังความคิด

เพราะ....
ความคิด  จะนำไปสู่การกระทำ
การกระทำซ้ำๆ  ...จะเกิดเป็น...นิสัย
นิสัย...จะกลายเป็น...บุคลิกภาพ
 บุคลิกภาพ...จะนำไปสู่..ชะตาชีวิต

อย่าแปลกใจ...ถ้าชีวิตไม่ประสบความสำเร็จ

เพราะช่วงชีวิตที่ผ่านมา...คิดผิด..มาตลอด
ไม่เปลี่ยนความคิด..ชีวิตไม่เปลี่ยน...


ขอบคุณข้อมูลจาก...ฮา..สุดขีด 9#1  ผู้แต่ง  สมคิด  ลวางกูร

สัจจะนะมีกันบ้างมั้ย

คนเรานะพูดไรไปแล้วไม่ทำอย่างที่พูด
แล้วไม่รู้จาทำไมให้เปืองน้ำลาย
เสียความรู้สึกจริงๆๆ

เน็ตบ้านใช้งานไม่ได้มาเกือบเดือนละ
ตามช่างมาซ่อมก็บอกว่าเดียวเข้าไป ๆ
บอกอย่างนี้มาหลายรอบละ
อีกอย่างที่เสียความรู้สึก
นัดเราวันเสาร์ นัดมาสองเสาร์
ก็ไม่มาซ่อมสักที
ไอ้เราก็อุตส่าห์ว่าไม่ไปเชียงใหม่
เพราะนัดช่างซ่อมเน็ตเอาไว้
เค้าเป็นคนนัดเราเองนะเนี่ย
แล้วดันไม่มาซ่อม   ไอ้เราก็อุตส่าห์รอ
ไม่ไปเชียงใหม่ด้วยซ้ำ นั่งรอตั้งแต่เช้า ยันเย็น
ดันไม่มีใครโผล่หัวมาซ่อมสักคน
โทรเข้าบริษัทบอกว่าส่งคนมาแล้ว
โทรเข้าศุนย์บอกว่าจะหาคนมาซ่อม
รอแล้วรออีก รอจนเบื่อ ไม่มาสักที
เสียความรู้สึกจริงๆ
จะยกเลิกไม่ใช้ก็ยังจะโดนปรับอีกสองพัน
พระเจ้า กรรมจริงๆๆ
ไหนคุยนักหนาไง ว่าเน็ตแรงเร็วดี
ไม่เห็นจะดีอย่างคุยไว้เล้ย  3BB  เหอะๆๆๆ
เบื่อๆ  ๆ   เซ็งๆๆๆๆ

Happy Birthday' หัวหอม
















ผ่านไปหนึ่งปี เร็วเนาะ
ยังรู้สึกเหมือนผ่านไปเมื่อวานนี้เอง
เจ้าหัวหอมก็มีอายุครบ 1 ปีละ
ไม่มีของขวัญอะไรจะให้หรอกนะ
นอกจากซักให้สะอาด
แต่ดีนะยังคงกลิ่นหอมให้เราชื่นใจได้อีก
ชื่นใจจริงๆๆ


วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อดไปเลยตู

กะว่าเสาร์นี้จะไปเชียงใหม่
จาไปอยากไปทำบุญไหว้พระ
นัดกะยัยบีซะดิบดี
ดันไม่ได้ไปซะได้
ก็เน็ตบ้านไม่ดีมาสามอาทิตย์ละ
ช่างดันจะมาซ่อมวันเสาร์อีก
แม่ก็ว่าจะไปด้วย
เลยมะได้ไปอีก  น้ากะอุ้ยก็ไม่สบาย
เข้าโรงบาลพร้อมกันอีก เฮ้ออออ
แม่ก็อดเราก็อดไป
สรุปสาวบีไปคนเดียว
ไว้เสาร์หน้าค่อยไปดีฝ่า 
อยากไปๆๆๆๆ

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บทเรียนสอนชีวิต

ปัญหาชีวิต  ความทุกข์ ความเศร้า
และสารพัดเรื่องราวบนเส้นทางชีวิต
ซึ่งมีทั้งการสูญเสียและได้รับ หากเราไม่รู้จักยืดหยุ่น
พลิกแพลง  ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ
ด้วยความรอบรู้และรู้ทันโลกได้  แต่กลับป็นทุกกับการสูญเสีย
จมปลักติดกะตะรางความทุกข์  อยู่อย่างนั้น
สภาพคงไม่ต่างจากลิงแก้แห

หากความผิดหวังเป็นสีของความมืด 
แค่พลิกวิธีคิด เปลี่ยนมุมมองและทัศนคติ
สีของโลกเบื้องหน้าเราก็ย่อมจะเปลี่ยนไป 
อย่างน้อยก็สว่างขึ้นกว่าเดิม 
พอให้มองเห้นทางข้างหน้าบ้าง

"สอบตก สอบไม่ผ่าน   ก็สอบอีกรอบ  สอบไปเรื่อยๆ 
อ่านหนังสือให้แยะๆ จาได้ความรู้แน่นขึ้นอีก 
ได้รับโอกาสมากกว่าคนที่สอบครั้งแรกก็ติดหรือผ่าน"

นี่แหละวิธีคิดและทัศนคติล้วนๆๆ

เล่นเอากันไม่ได้นอนทั้งคืนเลยเนี่ย

เมื่อคืนฝนตกหนักมาก แต่ก็ยังดีที่ไม่มีลมพายุเหมือนคราก่อน
แต่ก็ช่ายว่าฝนตกจะดีนะ  เพราะตอนนี้เป็นโรคผวาอยุ่
ไม่ค่อยชอบฝนตกเท่าไหร่ ก็ตกทีไรน้ำจะเข้าห้องนะซิ
บ้านเราอยู่ต่ำกว่าระดับบ้านคนอื่นๆ  เค้า   เฮ้อออ...
ก็อยู่มาเป็นยี่สิบปีแล้ว  คนที่เค้ามาอยู่ใหม่ ก็ดันถมที่ซะสูงเลย
ทำให้บ้านเราอยู่ต่ำไปถนัดตา  เวลาฝนตกหนักๆ 
น้ำไม่รู้จะไหลไปทางไหน  มันก็ไหลทะลักมาลงบ้านเราหมด
ครั้งก่อนตอนพายุเข้าก็ไม่ได้แอะใจไรหรอก
อยู่ๆ  น้ำกะทะลักเข้ามาในห้องเฉยเลย  เล่นเอาขนของกันแทบไม่ทัน
แถมไฟฟ้าก็ดันมาดับอีก  แย่สุดๆ 
เมื่อคืนนี้ก็เลยตื่นมาตอนฝนตกหนักๆ  เก็บของกะแม่ทั้งคืน  เพราะกัวน้ำจะทะลักเข้าห้องอีก
สรุปก็ไม่เข้านะ  แต่ก็ปริ่มๆๆ อยุ่หน้าประตูบ้านแล้ว
ความจริงก็คิดเหมือนกันว่ารอบนี้คงไม่เข้าห้องหรอก แต่แม่กัวข้าวของจะพัง
ให้รีบเก็บให้หมด กว่าจะเก็บของเสร็จ  กว่าจะได้นอน  ปาเข้าไปตีหนึ่งฝ่าๆๆ
ดันนอนไม่หลับอีก  กลายเป็นโรคผวาไปซะงั้น

เช้านี้ต้องตื่นไปทำงานแต่เช้ามีประชุมกะชาวบ้าน
นั่งรับลงทะเบียนก็หาวไป ง่วงสุดๆ 
คืนนี้กะว่าจะนอนเร็วๆ  ก็ดันไม่หลับไม่นอน ก็กินชาที่เจ้าเกียรติซื้อมาให้อีก
ตางี้ใสแจ๋ว ไม่อยากนอน  ทั้งๆ ที่ง่วงจะตาย
เซ็งเลยตู  ทรมานที่สู้ด

มีคนถามว่าจะไปสอบอุดรดิตถ์อีกป่าว
ก็อยากไปนะ คราก่อนไปสอบรอบหนึ่งละ แต่ทางสถานที่สอบเกิดการผิดพลาดอะไรสักอย่าง
ต้องยกเลิกผลการสอบครั้งนั้นไป ไม่ประกาศผลสอบ
ทำให้เราต้องเสียเงินไปฟรีๆ  ทั้งตอนไปสมัครสอบ  กะตอนไปสอบ 
ก็หมดไปเกือบสี่พัน  ทั้งค่ารถตอนไปสมัคร  กะค่ารถตอนไปสอบ  แถมมีค่าที่พักอีก
ไม่รวมค่ากินนะเนี่ย  สพท.อุตรดิษฐ์ไม่น่าทำกันเล้ยยยยยยยยย
แล้วแบบนี้ใครจะรับผิดชอบเนี่ย  เสียเวลาสุดๆ 
ไอ้เปิ้ลมันชวนไปสอบอีกรอบ เผื่อจะฟลุคดวงดีสอบติดกะเค้าบ้าง
ก็อยากไปนะ  แต่ช่วงนี้พี่กินแกลบอยุ่นะซิเนี่ย 
เป็นโรคชักอยู่   (ชักหน้าไม่ถึงหลัง  คิคิ)

เน็ตที่บ้านก้เป็นไรมะรู้ติดๆ หลุดๆมาสองอาทิตย์ละ
ให้ช่างมาซ่อมก็ไม่ได้เรื่องเลย
เซ็งอย่างบอกไม่ถูก เบื่อๆๆๆๆๆๆๆ

มีแต่เรื่องเครียดๆๆๆ  ปวดหมองจิงจิ้งๆๆ

ปล. ใจเย็นๆๆ นะนู๋เข็ม 

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ขาบวม

ยืนทั้งวันเมื่อยซะไม่มี
ดุซิขางี้บวมไปหมดเลย
เตรียมเอกสารประชุมวันพุธกะพฤหัส หัวฟูซะ

แปลกเนาะช่วงนี้ทำไรนิดๆหน่อยรู้สึกเหนื่อยๆ 
เหมือนจะไม่มีแรง
ทั้งๆที่ก็พักผ่อนอย่างเพียงพอนะ
นอนแต่หัวค่ำทุกวัน ปกติจะมัวแต่เล่นเกมส์
แต่มาสามสี่วันนี้นอนเร็วมาก
ตื่นก็สายอีกต่างหาก หุหุ

ปล.  ทำไมหิวทั้งวันเนี่ย กัวอ้วนจริงๆ  เลย

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เป็นไรหว่า

คอมที่บ้านอัพบล็อคบ่อได้
เป็นไรเนี่ย เข้าไปหลายรอบละ
แต่ก็ไม่ได้สักที เลยไม่ได้อัพบล็อคมาหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ
ไม่ได้หายไปไหนหรอกนะ
แต่ว่ากำลังเห่อว่ายน้ำอยู่
ว่างเป็นไม่ได้ ต้องไปว่ายน้ำ
ตอนนี้กำลังหนุกหนานกะการว่ายน้ำ
รู้สึกว่าได้ผ่อนคลายความเครียดอย่างดีเลย
ถึงบ้านอาบน้ำก็นอนหลับสบาย หลับปุ๋ยเลย

ปล.   ผมแข็ง แสบตา  เพราะไม่ได้ใส่หมวกกะใส่แว่นตอนว่ายน้ำ
         สงกะสัยได้เสียเงินไปสปาผมอีกแร้วววว  เพราะผมจะเสีย  หุหุ

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

คิดถึงจังเลย

คิดถึงคนที่อยู่ห่างไกล


วันเวลาผ่านไปยังคิดถึง

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่

แต่ใจมันยังคงซึ้ง

มันยังบอก คิดถึงๆ เธอทุกวัน

เต็มๆๆ

วันนี้เกิดอาการมึนตึบอย่างแรง
ก็เดินๆ ไปส่งหนังสือนั่นแหละ
สงกะสัยจะเมาแดด  เพราะแรงเหลือเกิน
เดินชนประตูกระจกหน้าห้องคลังเต็มๆ  เลย
ตัวงี้กระเด็นออกมาสักสองก้าวเห็นจะได้
ไม่รู้มีคนเห็นแยะป่าว แต่ที่แน่ๆ  น้องเมย์เห็นคนแรกเลย
ยังมาถามอีกนะ  ว่าเจ็บป่าว เดินไงให้ชนประตู  ไม่เห็นเหรอ

เอ้อ ถ้าพี่เห็นจะเดินชนเรอะ  ไอ้น้องเมย์นิ
ถามไรแปลกๆ  


นอนก็ไม่หลับ ทำไงดีละเนี่ย
ฟังเพลงก่อนนะน่าจะเข้าท่า
เอ้า จัดไป ......
ฝันดีนะ

ฟังเพลง คำตอบ
Powered by you2play.com

เทศกาลแห่งความเหงามาเยือนแล้ว

การที่ต้องอยู่คนเดียวมันทรมานนะ
ไม่รู้จะพูดจะคุยกะใคร
มันเหงาสุดๆ

ไม่รู้จาต้องเป็นแบบนี้อีกนานเท่าไหร่



วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด

บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด..ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่


เรามักจะเอาสมาธิไปจดจ่ออยู่กับความผิดพลาดนั้น

ซ้ำเติมตัวเองให้ทุกข์…ให้เสียใจ…



และพยายามจะสร้างคำถามเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเองอยู่เสมอ

ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าคำตอบที่สร้างขึ้นมานั้น มัน ” ไม่ใช่ความจริง”…

ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเสียใจนั้นได้เลย…

เราจึงยอมติดกับดักความเสียใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

และกลายเป็นทาสของมันอย่างรู้ตัว…

รู้ว่าเสียใจแต่ก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมา

และเราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้



แต่ทำไมเรายังเป็นทุกข์กับการเลือกที่จะเสียใจ

และทำชีวิตให้มันแย่ลงกว่าเดิมทุกวันๆ…

ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ารสชาติของมันสุดแสนจะขมขื่นมากมายเพียงใด

เพราะ ” เราเริ่มต้นใหม่ไม่เป็น”…

เราเลยยังทุกข์ระทมไปกับความผิดพลาดของชีวิต

สิ้นสุดแล้วแต่ก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้…

ไปไม่เป็น…เหมือนจะมองเห็นทาง…

แต่ก็เลือกที่จะปิดหู ปิดตา และไม่พยายามจะเปิดใจ

เราจึงต้องอยู่กับความเศร้าเสียใจอยู่ทุกคืนทุกวัน

ตอกย้ำความผิดพลาดให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น…



ลองมองดูวิถีดอกทานตะวันบ้างสิ..ชีวิตมีแต่ความเบิกบาน

เพราะรู้จักที่จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับแสงตะวัน

แสงสว่างที่ส่องนำทางให้ชีวิตทุกชีวิต…” ยังคงมีชีวิต”…



แม้ยามที่ดอกทานตะวันร่วงโรย…

ก็ยังคงทิ้งเมล็ดพันธุ์ให้เจริญเติบโต…

งอกงามและรับแสงตะวันได้ใหม่อีกครั้ง



เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ปิดตัวเอง…

แล้วจมอยู่กับความคิดที่ว่าชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ได้

อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเศร้าเสียใจ…

แล้วปล่อยให้ชีวิตมันไหลไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีคุณค่าและไร้จุดมุ่งหมาย…

จงใช้ชีวิตให้เป็นดั่งเช่นดอกทานตะวัน…

แม้ยามผิดพลาด เสียใจ ก็จะมีทางออกของชีวิตเสมอ

อับจนหนทางอย่างไร แสงสว่างจากดวงตะวัน

ก็จะคอยส่องทางให้เราได้พบเจอทางออก

“ชีวิตเราจึงมีทางออก ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังมีทิศตะวันออก”…



แม้ว่าชีวิตจะยังมืดมน จะยังคงจมอยู่กับความผิดพลาด เศร้าใจ

ก็จงเศร้าให้ถึงที่ สุด เสียใจ ก็จงเสียใจเสียให้พอ

หากยังร้องไห้ ขอให้ระบายน้ำตาออกมา อย่ากักเก็บมันไว้ …

เมื่อเราเสียใจอย่างถึงที่สุดแล้ว เราต้องกล้าลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง

และพร้อมที่จะเป็นคนใหม่ ที่ใช้บทเรียนจากอดีต…

เป็นเหมือนเข็มทิศคอยช่วยบอกทางแก่ชีวิต เพราะ…



” ความเศร้านั้นมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง

ข้อเสียคือทำให้เราโศกาอาดูร

แต่ข้อดีของมันคือ…

สอนให้เรารู้ว่าเราจะไม่ผิดพลาดตรงนี้อีก

เราจะต้องไม่ร้องไห้ให้กับมันอีก…”



ใครบางคนเคยบอกเอาไว้ตอนที่เสียใจกับความผิดพลาดของชีวิต…

เพราะฉะนั้นแล้วเกิดเป็นคน มีความรู้สึกรู้สาเหมือนกันหมด

สามารถเศร้าเสียใจกับอดีตที่ผิดพลาดได้เหมือนกันหมด

และก็เริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมดเช่นเดียวกัน…

ขอเพียงกล้าที่จะเป็นนกปีกหักที่พร้อมจะรักษาตัวเอง

และออกเดินทางได้โดยไม่กลัวว่าหนทางข้างหน้า…

จะผิด พลาดซ้ำสอง อย่าลืมนะว่า …

” เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่ เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น…”

ปล.  นอนไม่หลับอีกแย้วววววววววว
ไม่รู้จาตื่นมาทำไรตอนตีสี่เนี่ย เฮ้ออ   พระเจ้า

วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ระยะเวลาการทำโอเริ่มขึ้นแล้ว

อาทิตย์นี้ต้องทำโอทีทั้งอาทิตย์เลย
รู้สึกเหนื่อยๆ  นะ เมื่อวานก็เลิกสองทุ่ม
กับบ้านฝนตกปรอยๆ  ถึงบ้านหัวฟูกะเซิงเชียว
ไฟหน้ามอไซด์ก็ดันมาเสียอีก ดียังส่องทางได้
มะงั้นแย่เลย  ต้องหาเวลาไปเปลี่ยนละ
เฮ้อออ  เหนื่อย 

ปล.  หง่อมขนาดเลย

ปวดท้อง

อาการหนักนะเรา
หาหมอตรวจอย่างละเอียด
หมดไปพันฝ่าๆๆ   หุหุ 
ปวดท้องมาสามวันละเพิ่งจะไปหาหมอ
แล้วไงละ ไปกี่ทีกี่ที ก็บอกไม่มีไร
เฮ้ออออ  
ครานี้ปวดหนักไปหน่อย แย่เลย
ไม่ไหวๆๆๆจะตายอยู่แล้ว

วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เพลงนี้เพื่อเธอ

ต่อให้ฉันเกิดเป็นกวี ก็แต่งเพลงรักดีๆไม่ได้


ถ้าหากวันนี้หัวใจไม่ได้เกิดความรักขึ้นมา

ต่อให้เขียนเพลงรักอีกซักร้อยเพลง

ก้อแค่อีกเพลงที่ธรรมดา



หากคนในเพลงที่ว่า นั้นไม่ใช่เธอ



เธอรู้ไหมคนดี ฉันเขียนเพลงนี้ตรงใจมากๆ

เพราะฉันมีความรัก และคนที่รักคือเธอคนนั้น



ฉันจึงขอมอบเพลงนี้ ให้เธอที่เป็นดวงใจ

ให้เธอที่เดินทางมาไกล



เพื่อมาเป็นแฟน ของคนอย่างฉัน

จากนี้ไปจนชั่วชีวิต ฉันอาจให้เธอได้น้อยกว่าฝัน

แต่หนึ่งลมหายใจ ที่สั้นแสนสั้น ฉันจะเก็บมัน ไว้ดูแลเธอ



ฉันจึงขอมอบเพลงนี้ ให้เธอที่เป็นดวงใจ

ให้เธอที่เดินทางมาไกล



เพื่อมาเป็นแฟน ของคนอย่างฉัน

จากนี้ไปจนชั่วชีวิต ฉันอาจให้เธอได้น้อยกว่าฝัน

แต่หนึ่งลมหายใจ ที่สั้นแสนสั้น ฉันจะเก็บมัน ไว้ดูแลเธอ



เธอคือสายลม เธอคือแสงดาว เธอคือเมฆขาว เธอคือตะวัน

เธอคือฟ้างาม เธอคือแสงจันทร์ ฉันก็พูดเพ้อไปอย่างนั้น

แต่ใจความสำคัญคือฉันรักเธอ..





จาได้พักมั้ยเนี่ย

วันหยุดแล้ว ไม่ได้พักอีกตามเคย
ทำงานบ้าน  ทำงานบ้าน  แล้วก็ทำงานบ้าน
กะว่าจะอาบน้ำน้องหมาด้วย
แต่ว่าจะมีเวลามากพอป่าวเนี่ย....
ต้องทำอาไรอีกตั้งมากตั้งมายเลย

เมื่อวานก็วุ่นวายทั้งวันเลย
วันสิ่งแวดล้อมโลก
อยู่สวนตุงทั้งวันเลย
ตั้งแต่แปดโมงเช้ายันบ่ายสอง
ร้อนสุดๆ  ตัวงี้เหนียวมาก เหงื่อไหลท่วมตัว
แต่ก็หนุกนะกินไอติมไปหลายโคนเลย
สงสัยน้ำหนักตัวท่าจะเพิ่มอีกแระ  คิคิ

วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เบื่อตัวเอง

บ่อยครั้งที่ชีวิตผิดพลาด..ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่

เรามักจะเอาสมาธิไปจดจ่ออยู่กับความผิดพลาดนั้น

ซ้ำเติมตัวเองให้ทุกข์…ให้เสียใจ…



และพยายามจะสร้างคำถามเพื่อค้นหาคำตอบให้ตัวเองอยู่เสมอ

ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่าคำตอบที่สร้างขึ้นมานั้น มัน ” ไม่ใช่ความจริง”…

ที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากความเสียใจนั้นได้เลย…

เราจึงยอมติดกับดักความเสียใจอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

และกลายเป็นทาสของมันอย่างรู้ตัว…

รู้ว่าเสียใจแต่ก็ไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นมา

และเราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้



แต่ทำไมเรายังเป็นทุกข์กับการเลือกที่จะเสียใจ

และทำชีวิตให้มันแย่ลงกว่าเดิมทุกวันๆ…

ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่ารสชาติของมันสุดแสนจะขมขื่นมากมายเพียงใด

เพราะ ” เราเริ่มต้นใหม่ไม่เป็น”…

เราเลยยังทุกข์ระทมไปกับความผิดพลาดของชีวิต

สิ้นสุดแล้วแต่ก็เริ่มต้นใหม่ไม่ได้…

ไปไม่เป็น…เหมือนจะมองเห็นทาง…

แต่ก็เลือกที่จะปิดหู ปิดตา และไม่พยายามจะเปิดใจ

เราจึงต้องอยู่กับความเศร้าเสียใจอยู่ทุกคืนทุกวัน

ตอกย้ำความผิดพลาดให้ตัวเองอยู่อย่างนั้น…



ลองมองดูวิถีดอกทานตะวันบ้างสิ..ชีวิตมีแต่ความเบิกบาน

เพราะรู้จักที่จะใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับแสงตะวัน

แสงสว่างที่ส่องนำทางให้ชีวิตทุกชีวิต…” ยังคงมีชีวิต”…



แม้ยามที่ดอกทานตะวันร่วงโรย…

ก็ยังคงทิ้งเมล็ดพันธุ์ให้เจริญเติบโต…

งอกงามและรับแสงตะวันได้ใหม่อีกครั้ง



เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ปิดตัวเอง…

แล้วจมอยู่กับความคิดที่ว่าชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่ไม่ได้

อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการเศร้าเสียใจ…

แล้วปล่อยให้ชีวิตมันไหลไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีคุณค่าและไร้จุดมุ่งหมาย…

จงใช้ชีวิตให้เป็นดั่งเช่นดอกทานตะวัน…

แม้ยามผิดพลาด เสียใจ ก็จะมีทางออกของชีวิตเสมอ

อับจนหนทางอย่างไร แสงสว่างจากดวงตะวัน

ก็จะคอยส่องทางให้เราได้พบเจอทางออก

“ชีวิตเราจึงมีทางออก ตราบใดที่บนโลกใบนี้ยังมีทิศตะวันออก”…



แม้ว่าชีวิตจะยังมืดมน จะยังคงจมอยู่กับความผิดพลาด เศร้าใจ

ก็จงเศร้าให้ถึงที่ สุด เสียใจ ก็จงเสียใจเสียให้พอ

หากยังร้องไห้ ขอให้ระบายน้ำตาออกมา อย่ากักเก็บมันไว้ …

เมื่อเราเสียใจอย่างถึงที่สุดแล้ว เราต้องกล้าลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง

และพร้อมที่จะเป็นคนใหม่ ที่ใช้บทเรียนจากอดีต…

เป็นเหมือนเข็มทิศคอยช่วยบอกทางแก่ชีวิต เพราะ…



” ความเศร้านั้นมีข้อดีข้อเสียในตัวมันเอง

ข้อเสียคือทำให้เราโศกาอาดูร

แต่ข้อดีของมันคือ…

สอนให้เรารู้ว่าเราจะไม่ผิดพลาดตรงนี้อีก

เราจะต้องไม่ร้องไห้ให้กับมันอีก…”



ใครบางคนเคยบอกเอาไว้ตอนที่เสียใจกับความผิดพลาดของชีวิต…

เพราะฉะนั้นแล้วเกิดเป็นคน มีความรู้สึกรู้สาเหมือนกันหมด

สามารถเศร้าเสียใจกับอดีตที่ผิดพลาดได้เหมือนกันหมด

และก็เริ่มต้นใหม่เหมือนกันหมดเช่นเดียวกัน…

ขอเพียงกล้าที่จะเป็นนกปีกหักที่พร้อมจะรักษาตัวเอง

และออกเดินทางได้โดยไม่กลัวว่าหนทางข้างหน้า…

จะผิด พลาดซ้ำสอง อย่าลืมนะว่า …

” เรามีโอกาสผิดพลาดได้บ่อยครั้งเท่าไหร่ เราก็เดินถูกทางมากขึ้นเท่านั้น…”



dozosong

ความรักไม่ช่ายเรื่องง่าย

ถามว่าความรักเป็นเรื่องยากหรือง่าย


จะมีใครที่ตอบว่าง่าย ไม่มีสิ่งใดยาก

ทุกคนเมื่อมีรัก ความรู้สึกย่อมลำบาก

ต้องผ่านช่วงเวลายากๆ เพื่อปรับความเข้าใจ

ความรักของฉันเองก็เช่นกัน


บางคืนวัน หยดน้ำตาก็รินไหล

ความรู้สึกเป็นสีเทา เพราะเราไม่เข้าใจ

หากที่สุดก็ผ่านมันมาได้ ทุกที

ความรักไม่ใช่เรื่องง่าย รักคือเรื่องยาก


แต่ฉันก็เชื่อในความรัก จนถึงวันนี้

และเป็นเรื่องยากเรื่องเดียวในชีวิต ที่เต็มใจมี

คือเรื่องเดียวในชีวิตที่... ทำให้อยากหายใจ

ทำไงดี ทำไงดี

นอนมะหลับเนี่ย ทำไงดี
วันนี้ก็ทำงานเหนื่อยทั้งวันนะ
น่าจะนอนหลับสบาย แต่.......
แต่ก็นอนไม่หลับ

ประชุมรอบนี้ เหนื่อยสุดๆ
วิ่งร่อ ชั้นหนึ่งชั้นสามเป็นสิบๆ  รอบ
แถมต้องเดินข้ามฝากส่งหนังสืออีก
ตั้งสามรอบ ร้อนก็ร้อน
สงสัยได้ความดำมาแน่ๆ
แต่ก็ดีนะ ได้หนังสือธรรมมะมาหนึ่งเล่ม
อ่านแล้วได้อะไรๆๆ  ดีๆๆ อีกแยะเลย
สี่ทุ่มแล้ว ก็ยังตาแป๋วเลยนิ 
แม่กะพ่อก็นอนกันหมด
เอเปคก็มานอนหน้าห้อง หลับปุ๋ย เจ้าหมาน้อย



------------

นอนไม่หลับ ทำไงดี!!!!!!!

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

รักทางไกล ทำอย่างไรให้ไปรอด

ที่เคยได้ยินว่าความรักต้องการความใกล้ชิด แนบสนิทกันตลอดเวลานั้นไม่จริงเสมอไป ที่รักกันเป็นคู่ปาท่องโก๋ มีกันและกันอยู่ในลมหายใจตลอดเวลา ก็ใช่ว่าจะรักกันเช่นนั้นได้ยืนยาว เพราะฉะนั้น เมื่อถึงคราวที่ความรักต้องอยู่ห่างจากอก ด้วยเหตุผลของชีวิตต่าง ๆ นานา จะแค่ข้ามโรงเรียน ข้ามบริษัท ข้ามจังหวัด หรือข้ามประเทศ ในเมื่อขึ้นชื่อว่ารักแล้ว แค่ระยะทางหาใช่อุปสรรคไม่ เพียงแค่เกิดสะดุดและขัดข้องทางเทคนิคเท่านั้น แต่ถ้ามีวิธีการรับมือกับความรักที่อยู่ห่างไกล เรื่องหัวใจก็ไม่ใช่ปัญหา แค่คุณปรับหัวใจให้ชินกับระยะทางด้วยการ...




วางแผนชีวิต

จะช่วยลดอาการฟุ้งซ่านและความคิดถึงได้เป็นอย่างดี แถมยังได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่ามานั่งปล่อยลมหายใจแห่งความคิดถึงให้ฟุ้งไปวัน ๆ ระหว่างที่ยุ่งวุ่นวายกับการจัดการชีวิตของตัวเอง ก็ขีดปฏิทินนับวันเวลาที่จะได้เจอคนรักไปด้วย นอกจาก นั้นก็อาจจะหาอะไรทำเพื่อจะทำให้คิดถึงคนรัก หรือเพราะได้เขาหรือเธอคนนั้นเป็นแรงบันดาลใจ เป็นการคิดถึงอย่างมีเป้าหมาย การรอคอยก็จะไม่เปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป



ตั้งกฎระหว่างกัน

ในการที่จะคุยกับคนใหม่ หรือเปิดรับใครเข้ามา ไม่ใช่ข้อห้าม เพราะบางทีการห่างไกลกัน แล้วยังมัวเห็นแก่ตัวเอง ไม่ให้ใครผ่านเข้ามาในชีวิตของ อีกฝ่ายเลย นอกจากอึดอัดแล้ว ก็อาจดีแตกได้ง่ายมาก เพราะความห่างไกลหาใช่ความสัมพันธ์นั้นจะเปราะบางลง หากแต่คือบทพิสูจน์ข้อหนึ่ง ดังนั้นการตั้งกฎขึ้นมา จึงถือเป็นการทดสอบการเคารพและ การซื่อสัตย์ต่อทั้งตัวเองและต่อคนรัก และเป็นการเปิดโอกาสให้กันอย่างแฟร์ ๆ ทั้งสองฝ่าย ลองตั้งกฎที่เปิดโอกาสให้ขนาดนี้แล้วยังผิดกฎ กติกา มารยาทแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้ระยะทาง (และความไม่มั่นคงทางจิตใจ) ชนะความรักครั้งนี้ไปเถอะ



ขัดใจเมื่อไหร่ให้รีบเคลียร์


ก็ขนาดใกล้กันแล้วทะเลาะขัดใจกันยังอันตรายอยู่ นับประสาอะไรกับการอยู่ห่างไกลกันขนาดนี้ เห็นทีต้องรีบเคลียร์ให้ไวที่สุด อย่าปล่อยให้ค้างเนิ่นนาน เพราะยิ่งไกลหูไกลตากันอยู่แล้ว จะมีอะไรผ่านเข้ามาที่จิตใจต่างก็ว้าวุ่นกันอยู่ก็ไม่รู้



แบ่งปันเรื่องราวในชีวิตประจำวัน

ห่างแต่ตัว...หัวใจใกล้ รับรู้เรื่องราวของกันและกันผ่านช่องทางการสื่อสารที่มีอยู่มากมายประดามี เสมือนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แถมเวลาหงุดหงิด เพราะต้องการเวลาส่วนตัวก็ยังมีอีกต่างหาก แม้คุณจะต้องเดินอยู่คนเดียว แต่ก็รับรู้ไว้อยู่กับตัวและหัวใจไว้ได้เลยว่า คุณไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะคนรักคุณอยู่ในใจและใกล้ชิดกันตลอดเวลา ไม่แพ้ใคร บอกเล่าเรื่องราว สิ่งที่พบเจอในแต่ละวันด้วยกัน ไม่ว่าจะฟ้าร้อง ลมแรง แดดเปรี้ยง ฝนตก หรือว่าหนาว จับใจ จะหิว หรือจะอิ่ม อ้วนขึ้น ผอมลง บอกเล่ากับเขาหรือเธอ ให้ต่างคนต่างได้จินตนาการถึงกันและกัน



อย่าถือสาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ

จริงอยู่ที่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องบาดหมางหัวใจเมื่อไหร่ เป็นต้องรีบเคลียร์ในทันใด แต่ก็ใช่ว่าจะยึดถือทุกเรื่องทุกสิ่งเป็นประเด็นสำคัญไปเสียหมด ไม่เช่นนั้นรักจะยิ่งขม ด้วยสาเหตุจากทั้งระยะทางบวกกับทัศนคติ ปล่อยวาง ทำใจ และยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น มองอะไรให้เป็นเรื่องขำ ๆ เพราะจริง ๆ ก็เรื่องขำทั้งนั้น เมื่อมองย้อนกลับมา หากแต่อารมณ์ ณ ขณะนั้นมันนำพาให้คุณเดือดดาลไปก่อนแล้ว โกรธข้องหมองใจอยู่คนเดียว เสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ คนไกลเขาไม่รู้หรอก



กระชับสัมพันธภาพกับคนรอบข้างของคนรัก

ถึงตัวเขาหรือเธอจะไม่อยู่ใกล้ ๆ แต่ความสัมพันธ์และสายใยต่าง ๆ ที่เขามีกับครอบครัว หรือเพื่อน ๆ ก็ยังคงต้องสานต่อโดยคนรักที่เป็นตัวแทนเขาได้ ทำให้หายคิดถึงแถมมิตรภาพและสายสัมพันธ์ยังอบอวลด้วย และในวันที่เขาหรือเธอกลับมา คนรู้ใจของชีวิตทุก ๆ คน ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ไม่เสื่อมสลายและห่างหายไปไหนเลย



มองโลกในแง่ดี แง่จริง ไม่กลิ้งกลอกหลอกตัวเอง

เชื่อมั่นในตัวเองและในความรัก แม้จะได้ยินมาหลายปากว่า “รักแท้แพ้ระยะทาง” เสมอ โอ้ฟังอย่างนี้เห็นทีใจฝ่อตั้งแต่ยังไม่ถ่อเดินทาง ให้คิดว่าล้านคน ล้านคู่ก็ล้านรายละเอียด ใช่ว่าทุกความรักที่มีระยะทางมากั้นขวางไว้จะจบลงแบบแซดเศร้าเสมอไป คุณต้องดึงพลังความเชื่อมั่นออกมาบริหารจัดการความรักระยะทางไกลแบบฉบับของคุณเอง พอใจในวิถีชีวิตของคุณ โดยที่อย่าไปเอาบรรทัดฐานที่คุณตั้งขึ้นเองมาวัดตัดสินความรักของคุณ



ให้ความคิดถึงได้ทำงาน และเป็นแรงผลักดันให้ความมั่นคงและเชื่อใจของกันและกันได้ไหลลื่น เพิ่มรสชาติของความรักให้กลมกล่อม มีคิดถึง มีตื่นเต้น มีห่วงหา เพราะบางทีบางครั้งความรักที่ไกลห่าง ก็อาจเพิ่มประสิทธิภาพของความรักได้ลงตัวกว่าความใกล้ชิด ใช้ “ที่ว่าง” ระหว่างกันให้เป็นประโยชน์

เริ่มต้นเดือนใหม่

เป็นไรกะเดือนใหม่ๆ  เริ่มต้นวันใหม่
ร้อนน่าดู หลับๆ ตื่นๆ นอนมะค่อยหลับนะเนี่ย
ปวดท้อง ปวดเนื้อ ปวดตัวไปหมด
มะรู้เป็นไรอีก
งานก็ยุ่งนะเนี่ย
พรุ่งนี้ ไม่ช่ายซิ 2-3 มีประชุมทั้งวัน
ไม่หนุกเลย ขี้เกียจเดินขึ้นชั้นสาม
เมื่อยขามากมาย

ปล. ตอนนี้ง่วงนอนมาก เพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับ