วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สิ้นปีแล้ว

วันสุดท้ายของปี 2551มาถึงแล้ว
พรุ่งนี้สินะ วันขึ้นปีใหม่ปีวัว
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ


สวัสดี ปีใหม่นี้ ปีห้าสอง
ทุกคนผอง สุขสำราญ กันหนักหนา
มีสุขได้ สิ่งใหม่ๆ ร่วมเข้ามา
ให้ชีวา มีความสุข สิ้นทุกข์เอย

ขอให้ทุกๆคนมีความสุขมากๆ นะคะ

เทศกาลดอกไม้งาม ครั้งที่5

สวยดีนะแต่ไม่ได้เดินนาน
รีบนิดๆ เลยต้องรีบๆ ถ่ายรูป
แต่อากาศก็ร้อนน่าดู
เอาไว้ว่าจะไปเที่ยวใหม่
ก่อนวันที่ 5 เพราะงานเสร็จวันที่5
ไม่รู้จาได้ไปปล่าวเนี่ย
คนเยอะมากๆ เวียนหัวไปหมด
แถมฝุ่นก็แยะ
กลับมาบ้าน ไอ จาม ไม่หยุด
สวยดี ชอบๆๆ
คุณเต่า ...คนอยู่ไกล
ไม่ได้มา ดูรูปไปพลางๆ ก่อนนะคะ
ถ้าอยากมา
เอาไว้ว่างๆ ค่อยมาเที่ยวนะคะ





วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่

ในห้องกินกันแต่บ่าย
นึกว่าปีนี้จะไม่กินเลี้ยงกันซะแล้ว
เพราะไม่มีการแลกของขวัญกัน
กินงานใครงานมัน
แยกกันกิน ศูนย์ 2 ศูนย์ ก็กินกันเอง
เราก็กินกันในห้อง
กินไปนิดๆ พี่ซิ้มทำเหล้าบ๊อกให้กิน
กินประมาณ 5-6 แก้วนี่แหละ
ลมแทบจับ มึนหัวขนาด
หน้างี้แดงสุด ๆ

เทศบาลให้เหล้ามากล่องหนึ่ง
แถมพี่บุษบาถูกหวย 3 บาท
เลี้ยงเบียร์อีกลัง
พี่ๆ ในห้อง เมากันใหญ่
ร้องเพลงเสียงดังเลย
แถมเพี้ยนอีกต่างหาก
ก็หนุกไปอีกแบบ
จะว่าหยุดก็ไม่ได้หยุดเลยนะ
เพราะพรุ่งนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องไปงานส่งท้ายกับเทศบาลปล่าว
เอ้อ....

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551

จะมีบ้างรึปล่าว

ในโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้...
จะมีไหม... ใครสักคนที่รักด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่เปลือกภายนอก
จะมีไหม... ใครสักคนที่รักและเข้าใจตัวตนที่แท้จริง
จะมีไหม... ใครสักคนที่สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องอย่างสบายใจ
จะมีไหม... ใครสักคนที่คอยห่วงใย และหวังดีต่อกันอย่างจริงใจ

จะมีไหม... ใครสักคนที่พร้อมจะให้อภัยได้เสมอ ในยามที่ผิดพลาด
จะมีไหม... ใครสักคนที่คอยซับน้ำตาและปลอบใจ เมื่อเสียใจและร้องไห้
จะมีไหม... ใครสักคนที่สายตาของเค้าจะไม่เปลี่ยนไป เมื่อฉันทำตัวเปิ่นๆ หรือดูไม่ดี
จะมีไหม... ใครสักคนที่ทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เปลี่ยนไปตามเวลาที่เปลี่ยนแปลง

จะมีไหม... ใครสักคนที่คอยเป็นกำลังใจ ในยามที่ฉันท้อแท้ อ่อนล้า และผิดหวัง
จะมีไหม... ใครสักคนที่มั่นคงในวันนี้และต่อต่อไป
จะมีไหม... ใครสักคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกันไปตลอด
จะมีไหม... ใครคนนั้น

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

แอ่วเวียงป่าเป้าเจ้าาาาาา

วันนี้ตื่นแต่เช้าขับรถไปงานแต่งลูกพี่ลูกน้อง
ที่ ต.แม่ขะจาน อ.เวียงป่าเป้า ไกลโคตร
ไกลมั้ย ก็ประมาณ 95 โลจากบ้านเรา
ขับรถประมาณ ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึง
หมอกตรึม เยอะมากๆ บ้านเราไม่เยอะขนาดนี้
สงสัยจะมีดอยมีเขาเยอะไปหน่อย
ออกบ้านตีห้า แวะนั่นแวะนี่ ซื้อของไปฝาก
กว่าจะได้ออกเชียงรายก็ปาเข้าไปหกโมง
หนาวสุดๆ ง่วงก็ง่วง หมอกก็เยอะ
ทางก็ไม่ชิน ครั้งแรกของการขับรถขึ้นดอย
สุดแสนจะทรหด แถมทางก็โค้งเยอะซะไม่มี

เจ็ดโมงครึ่งถึง พ่อโทรหาใหญ่เลย
น้ำเสียงห่วงสุดๆ ก็บอกว่าถึงแล้ว
ตกใจมากๆ ทำไมถึงเร็วอย่างนี
ขับรถแค่ชั่วโมงครึ่ง บ่นใหญ่หาว่าเราขับเร็ว
จะเร็วได้ไง หมอกเยอะจะตายไป
แถมแม่นั่งไปด้วย ดูไมล์รถตามไปอีก
ขับรถไม่ถึง 120 กม/ชม. ด้วยซ็ำไป
แค่นี้จิ๊บๆๆ
รีบเข้าบ้านไปหาหลานตัวน้อยก่อนเป็นอันดับแรก
คิดถึงสุดๆ กำลังซนเลย





สายๆ ก็เข้าไปบ้านลุง
งานแต่งก็โอเคนะ
จัดได้สวยงาม อลังการ
จัดแบบล้านนา สวยจริงๆ







Take Me To Your Heart - 03
คนเยอะ เราก็อยู่ไม่นาน
คุยกับแม่ว่าจะออกไปเที่ยวต่อ
ก็เลยไปวังมัจฉากัน ไปทำบุญกันดีกว่า
ขับรถขึ้นดอยไปทำบุญที่วัด
ในวัดก็มีปลาเยอะมากๆ มีคนไปให้อาหารกันเยอะ
ดีๆ ปลาจะได้อ้วนๆ
บรรยากาศด๊โอนะ
สวยดี ธรรมชาติสุดๆ
อยู่ในหุบเขา มองลงไปเห็นวิวข้างล่างด้วย




วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Merry X'mas


เมื่อคืนไปงานคริสต์มาสของเทศบาล
ก็หนุกดี ไม่ได้ทำไรเลย
นอกจากนั่งกินโรตีไปหนึ่งอัน
แล้วก็เดินดูรอบๆ งาน
คนแยะดีแฮะ มีสอยดาว มีไรต่างๆนานา
อยู่ได้แป๊บเดียว ก็ขอตัวหนีกลับบ้านก่อน
ง่วงนิดๆ ปวดหัวหน่อยๆ

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

Merry ..:* *:.. Christ mas!

..:* *:..
..:* *:....:* *:..
..:* *:....:* *:..
..:* *:....:* *:....:* *:..
..:* *:....:* *:....:* *:..
..:* *:....:* *:....:* *:....:* *:..
..:* *:....:* *:....:* *:..
..:* *:....:* *:....:* *:..
I I
I I
Merry ..:* *:.. Christ mas!

เหนื่อยมั้ย?

เหนื่อยมั้ย?
ที่ต้องทำอะไรแบบตัวคนเดียวมาตลอด
ต้องคิด ต้องตัดสินใจ ผิดบ้างถูกบ้าง
ดีใจ เสียใจ หัวเราะ ร้องไห้ เพียงลำพัง
...บางทีชีวิตเธอและฉันก็คงคล้ายๆ กัน


แน่นอนล่ะ...ที่อะไรๆ มันอาจจะดูง่ายขึ้น
ถ้าทุกสิ่งที่เรากำลังทำมีคนคอยเกื้อหนุน หรือชี้นำให้
แต่เราจะภูมิใจตัวเองได้หรือเปล่า
ถ้าต้องเติบโตอยู่ภายใต้ร่มเงาของคนอื่นตลอดเวลา

ฉันเคยดูสารคดีเกี่ยวกับป่าและธรรมชาติ
และครั้งนั้นก็ทำให้ได้ความคิดดีๆ มาสะกิดใจตัวเอง
เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาป่า ได้ชี้ชวนให้ดูที่โคนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
แล้วอธิบายว่า ต้นไม้เล็กๆ ที่ขึ้นอยู่ตามใต้ร่มเงาไม้ใหญ่เหล่านี้ดูน่าสงสาร
เพราะมันต้องต่อสู้และดิ้นรน
เพื่อให้ลำต้นและใบของมันได้มีโอกาสรับแสงแดด
ซึ่งโอกาสที่จะรอดได้นั้น มีน้อยหรืออาจไม่มีเลย
อย่างดีที่สุดก็คือ ไม่ตายแต่ไม่โต อย่างนี้ไปเรื่อยๆ
เขายังบอกต่ออีกว่า สรรพสิ่งทั้งหลายในป่านี้
เหมือนกับพวกมันกำลังทำสงครามแย่งชิงแสงแดด
ซึ่งเป็นสิ่งมีค่าที่สุดอยู่


ฉันมองว่าต้นไม้เล็กๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกเรา
หากรักที่จะเติบโตก้าวหน้า
ก็อย่ามัวเสียกำลังใจไปเลยที่ไม่มีใครให้พึ่งพิง
เราอาจเป็นต้นไม้ต้นเล็กๆ ที่อยู่ไกลออกไป
ถึงไม่มีร่มเงาคอยบดบัง
แต่ก็ยังมีช่องทางเล็กๆ ให้แตกกิ่งสูงชะลูดขึ้นไปได้


บางที- -นี่ล่ะ คงเป็นจังหวะของธรรมชาติ
ซึ่งกำลังให้โอกาสเธอและฉันได้แสดงฝีมือ
และบ่มเพาะความแข็งแรง
เพื่อจะได้เติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่
แผ่กิ่งก้านใบออกไปรับแสงแดดด้วยกัน ในสักวันหนึ่ง...

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

หนาวกายแต่ใจอุ่น

ช่วงนี้กรุงเทพไม่ค่อยมีม็อบแล้ว
แต่เชียงรายซิ ม็อบเกลื่อน
อาทิตย์ที่แล้ว ก็ม็อบข้าวโพด
เมื่อวันก่อน ก็ม็อบพิริยะ (555)
ม็อบพิริยะ ไม่เอาเกาะกลางถนน
เหตุผลก็คือ ไม่มีที่ให้ลูกค้าจอดรถนั่นแหละ
สรุปง่ายๆ เทศบาลขัดขวางการทำมาหากินของเค้า
ไอ้พวกที่เดินประท้วง
แล้วมาด่านายก อยู่หน้าเทศบาล
ก็ไอ้พวกลูกจ้างของร้านพิริยะทั้งนั้น
ก็น่าเห็นใจอยู่นะ กับคนทำมาหากิน
แต่ทำไงได้
เทศบาลจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอะไรประมาณนั้น

นี่ก็ใกล้จะคริสต์มาสแล้วซินะ
ไม่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวบ้านหัวหน้ามนูอีกปล่าว
ปีที่แล้วไป หนุกหนานมากๆ
แต่ปีนี้ วันคริสต์มาส ต้องไปร่วมฉลองกับเทศบาล
ไม่อยากไปหรอกนะ แต่โดนบังคับ
ธุรการจัดให้ไป สรุปคือ เป็นเวรต้องไป
ห้ามตุกติก
เราก็คงไปให้แค่เค้าเห็นหน้านิดๆ ก็พอแล้ว
จากนั้นก็คงต้องแอบหนีกลับบ้าน
ไม่รู้จะอยู่ทำไร

แต่ใครจะรู้ อาจจะหนุกก็ได้ ว่าปล่าว
โดนจัดให้ไปกันหลายคนเลย
พี่ไก่ พี่หนุง เกียรติ เรา ยัยเจด้วย
แต่คนหลังนี่ คงไม่ไป บ้านมันอยู่พานโน่น
มันบอกเลยว่า ไม่มา ใครจะด่า ก็ไม่สน ไม่มาซะอย่าง
เจบอกอย่างนั้น

แล้วเราจะมารึปล่าว ต้องขอคิดอีกที
ความจริงไม่อยากจะมาเลย
เข้าบ้านแล้ว ไม่อยากออกไปไหน
อยู่บ้านสบายใจเห็นๆ
ไม่ต้องออกมาตากลมหนาวให้ตัวหนาว
เฮ้อ...ขี้เกียจจัง

*-*ถ้าร่างกายหนาว
*-*แค่เอาตัวเองไปอยู่ใต้ผ้าห่ม
*-*เพียงแค่นี้ชีวิตก็อุ่น
*-*แต่ถ้าหากความหนาวนั้นมันอยู่ที่หัวใจ
*-*คงไม่มีอะไรห่มหัวใจเราให้อุ่น
*-*ได้ดีไปกว่าความรักอีกแล้ว

*-*
วิ้วๆ หนาวๆ

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วันวุ่นวาย

ไม่รู้จะมีปัญหาอะไรกันนักหนา
เป็นวันที่สุดแสนวุ่นวาย
ปัญหาโลกแตก
ทั้งปัญหาส่วนตัวที่บอกใครไม่ได้
ปัญหาส่วนรวม
เป็นคนนี่สุดแสนวุ่นวายจริงๆ

ดูเจ้าเอเปค กะเพนเค้กดิ
วันๆ ไม่เห็นมันต้องคิดไรมาก
นอกจากวิ่งเล่นไปวันๆ
ถึงเวลาก็มีข้าวมีอาหารกิน
มีคนอาบน้ำให้ หวีขนให้
เวลาหนาวก็มีคนห่มผ้าให้
เฮ้อ....

วันนี้ไปทำงานสายมากๆ
ไปถึง หัวหน้ามากันหมดแล้ว
เซ็นชื่อขึ้นหน้าสองเลย ทุกทีไม่เคยมีนะเนี่ย
วันนี้ ยุ่งซะไม่มี หัวก็กระเซิงซะดูไม่จืด
เข้าห้องน้ำไปหวีให้วุ่นเลย
โอยจะบ้าตาย
อะไรกันเนี่ย

งานก็ค้างเต็มไปหมด
ทำไม่ทัน ก็ทำไงได้ หัวหน้าเป็นสามเป็นสี่
คนพิมพ์เอกสารมีเราคนเดียว
มันก็ต้องช่วยเหลือตัวเองกันบ้าง
ขีนจะมารอให้เราทำให้ คงต้องรอกันเป็นวัน แน่ๆ
แต่ถ้ารอได้ก็รอไป (ไม่มีปัญญาทำกันเองรึไง )
เซ็งมากๆ วันนี้

แต่ก็ยังมีเรื่องให้ยิ้มได้อยู่
ประชาชนชมว่าพวกเราบริการดี
พูดเพราะ ค่อยมีกำลังใจทำงานขึ้นมานิดหนึ่ง
สู้ๆ ๆ....

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วันว่างๆ แต่ไม่ว่าง

ตื่นมาแต่เช้า ทำงานงกๆ
ทำงานเสร็จเป็นชิ้นเป็นอัน
ตั้งแต่กวาดบ้านถูกบ้าน ซักผ้า
เก็บผ้าที่แห้งมารีด
เหนื่อยมากๆ เพิ่งรู้ว่าการทำงานบ้านมันเหนื่อยอย่างนี้
แต่แม่เราก็ไม่เคยบ่นสักคำ ทำมาแต่ไหนแต่ไร
ฉะนั้นทำแค่นี้ ห้ามบ่น

บ่ายๆมา ก็เอาเอเปคไปอาบน้ำ
อาบเองไม่ไหวขนมันพันกันมาก
มันไม่ยอมให้หวีสงสัยมันจะเจ็บ
แต่ไม่รู้ว่าเวลาที่ร้านอาบให้มันจะเจ็บรึปล่าว
แต่รู้ว่าพอถึงร้าน มันไม่ยอมเข้าร้านเลย
มันคงรู้ตัวมันดีว่า คงต้องอาบน้ำอีกแน่ๆ
ดิ้นใหญ่เลย

จากนั้นแวะไปเยี่ยมน้าที่โรงบาล
ถุกเด็กเวนท์ขับรถชนแล้วชิ่งหนี
นิสัยไม่ดีจริงเลยขับรถคนแล้วไม่รับผิดชอบเนี่ย
น้ำใจนะ มีปล่าว
ดีนะ ชนแถวๆ โรงบาลพอดีเลย ก็ถึงมือหมอเร็วหน่อย
อาการหนักเหมือนกันนะเนี่ย ไหปลาร้าหัก
ต้องพักยาวประมาณ 3 เดือน อะไรๆๆ ถึงจะเข้าที่
ก็ไม่ต้องทำไร นอกจากนอนตีพุงอยู่บ้านอย่างสบายๆ 5555
ถ้าเป็นเราคงเบื่อแน่ๆ ยิ่งอยู่ไม่เป็นที่อยู่ด้วย
สงสารน้าจัง ก็ดี จะได้ไม่ต้องเมาตอนปีใหม่
เบื่อคนเมาเนี่ย รำคาญ คุยกันไม่รู้เรื่อง

วันนี้แต้โทรมาหา บอกว่าจะนัดกินข้าวกันตอนปีใหม่
แล้วก็จะฉลองวันเกิดด้วย
ไม่ได้เจอยัยแต้มานานแล้วซินะ คง 3ปี เห็นจะได้
ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง จะผอมเหมือนเดิมปล่าว
รึว่าจะขาวขึ้นบ้างยัง อิอิ...
อยากเจอๆๆ
อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ จัง

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อากาศเริ่มเย็น อาการก็เริ่มแย่

หนาวมากๆ เลย ขับรถมอไซด์แทบแข็งตาย
ทำไมมันหนาวอย่างนี้
มีไม้แข็งไปหมด เขียนหนังสือแทบไม่ได้
วันนี้หนาวกว่าเมื่อวานอีกนะ
แถมหวัดก็เริ่มกำเริบอีกแล้ว
น้ำมูกไหล หายใจไม่ค่อยออก
ทั้งไอ ทั้งจาม
สรุปคือ ไม่ได้นอนเลย
นอนห่มผ้า2 ผืนไม่อยู่คะ ต้องลุกไปหาผ้าห่มมาอีกผืน
ไม่งั้นนอนไม่ได้เลย คงต้องเพิ่มไขมันให้กับตัวเองซะแล้ว

วันนี้มีพี่ใจดีซื้อหนมมาฝากตอนเที่ยงด้วย
น่ารักนะเนี่ย
ขอบคุณนะคะ
ยัยเจ กับ เจ้าเกียรติมันแย่งกินขนมเข็มใหญ่เลย
ไม่แบ่งมันก็ไม่ได้ พูดแดกดันตลอด
สรุปคือ มันอยากกินว่างั้น
ก็เลยแบ่งให้กินคนละชิ้น ไม่ว่ากันนะคะ
สงสารเด็กตาดำๆ อิๆๆ

วันนี้ฉันมีเธอ - Diary Of Love

บ่ายนี้ไม่มีไรทำ
หัวหน้าก็ไม่อยู่ เลยสบายใจ
นั่งคุยกันเรื่อยๆ กับอ้ายกุ้งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
แถมมีนินทาคนรอบข้างด้วย (อย่างเมามัน)
ขอโทษนะคะ รู้เหมือนกันว่าการนินทาคนอื่นมันไม่ดี
แต่มันคะ 555+++

*-*
หนาวซะไม่มี
รู้สึกคิดถึงน้าอีกแล้ว
อยากจะไปหา ไปกอด
เมื่อไหร่นะ จะถึงมีนา จะไปนอนกอดให้หายคิดถึงเลย

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คิดถึงจัง

"ดีจังเลยนะ" ที่เราได้มีโอกาสได้รู้จักใครสักคน
และใช้ชีวิตมาด้วยกันในคำว่า "เพื่อน"
ยั่งยืนยาวนาน...มาจนถึงวันหนึ่งที่ต่างฝ่ายต่างได้ทำงาน
ได้เรียนรู้ความเป็น "ผู้ใหญ่"
หากความสัมพันธ์กลับไม่เคยจางหายไปไหน
มันยังคงอยู่ตรงที่เดิม...แม้ว่านานๆ เราจะเจอกันสักที

ทำไปได้นะคนเรา

อ้ายกุ้งมีมุขมาให้หัวเราะซะเยอะเลย
แต่ไม่รู้จะบาปรึปล่าวนะ
ที่หัวเราะคนอื่น
เพราะอ้ายกุ้ง บอกเราว่า
เห็นคนที่กำลังเดินมาปล่าว
รู้สึกว่าหน้าเหมือนหัวหอม
ไอ้เราก็คิดใหญ่เลยว่า แกคิดได้ไงเหรอ
ว่าเหมือนหัวหอม ฟังดูแล้วตลกนะ
หัวเราะใหญ่เลย
ก็เลยโดนพี่ๆ เค้าดุเอาว่า ไม่ควรเอาหน้าตาของคนอื่น
มานั่งหัวเราะอย่างนี้ มันไม่ดี
ไอ้เราก็บ้าจี้ กลั้นหัวเราะไม่ได้ซะด้วย
ทำไงละทีนี้
แต่ขอโทษจริงๆ นะคะพี่ ไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะเยาะใครหรอก
ขอโทษอีกครั้ง ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

สุดท้ายกลับไปบ้าน
นอนๆ อยู่ดันฝันว่ากินหัวหอม
ไม่มีแล้วคะ หมอนข้างเรา
เปื้อนน้ำลายเราหมดเลย ก็คงคิดว่ากำลังกินหัวหอมอยู่
เลยกัดหมอนข้างใหญ่ มานั่งคิดๆ ดูแล้ว
ทุเรศตัวเองชะมัด
ทำไปได้ น่าอายจริงๆ

เวลามีงานก็เหนื่อย แถมบ่นอีกต่างหาก
เวลาไม่มีงานก็เหงา อยู่เฉยๆ แล้วเบื่อ
เรานี่ชั่งไม่มีความพอดีเลย
ก็ทำไงได้
ไม่เข้าใจตัวเองเลย

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551

โทษที .... ที่ล้ำเส้นหัวใจ

หากฉัน... คือ ตัววุ่นวาย
หากความรักมากมาย... คือ ตัวปัญหา
โลกที่สดใส... มันเปลี่ยนไป
เมื่อฉันเข้ามา ความห่วงใยในตา...
ไม่เคยมีค่า... สำหรับเธอ
โทษที... ที่ล้ำเส้นหัวใจ
จะหยุดความห่วงใย... ที่เพ้อเจ้อ
ก้าวออกมาเสียที...
มาอยู่โลกใบที่... ไม่มีเธอ
วางตัวให้ถูกเมื่อเจอะเจอ...
ไม่หลงพร่ำเพ้อ... ให้วุ่นวาย...

ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และเมื่อไหร่
ที่ฉันได้มอบความรู้สึกดีๆ ให้เธอไป
นึกไป แล้วอมยิ้ม
เป็นความรู้สึก อุ่นๆ ในใจ
ในโลกของจินตนาการ ความฝัน
และความหวังที่ริบหรี่
เพราะความเป็นจริง มันคงเป็นไปไม่ได้

รมณ์บ่จอย

สงสัยก้าวขาออกจากบ้านไม่ถูกข้าง
ทำให้วันนี้มันดูยุ่งๆ ซะไม่มีดี
คนบางคนก็เป็นไรก็ไม่รู้
คุยไม่เข้าหูเลย
ยังมีหน้ามาล้อเล่นอีกนะ ว่าข้าน้อยสมควรตาย
ดี งั้นก็ไปตายซะ

แถมหัวหน้าเราวันนี้ก็รมณ์ไม่ดี
หงุดหงิดอะไรมาจากบ้านก็ไม่รู้
เฮ้อ... ไม่เข้าใจจริงๆ
แต่เราก็ไม่ควรจะไปโกรธใครเค้าหรอก
เพราะเค้าคงไม่รู้ว่าเราโกรธ
แต่วันนี้คุยกับใคร ใครๆ ก็คุยไม่ถูกหู
มีคนมาถามหอมแก้ม (จะอ๊วก)
แถมเอาส้มมาให้
มิหนำซ้ำ ก่อนเอาให้ จูบซะดิบดี
แล้วใครจะกล้ากินละเนี่ย

แถมลุงหล้ายังมากวนใจ
ถามนั่นถามนี่อยู่เนี่ย เบื่อๆๆ
ไม่เค้าใจ มีเมียอยู่แล้วทั้งคน มายุ่งไรกับเราเนี่ย
มาหาได้ทุกวัน ตลกซะมากกว่า
พูดได้ไม่อายปากนะ
คำพูดแต่ละคำ เลี่ยนซะไม่มี ไม่รู้คิดได้ไง
อิอิ...
เค้าคงจะมีความสุขนะ กับการได้มาแซวเราเล่นไปวันๆ
ไม่เข้าใจเหมือนกัน

เซ็งๆ ๆ บอกไม่ถูก

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ให้อภัย...ให้ที่ว่างกับใจตน

การให้อภัย เป็นการให้ที่ว่างกับใจตนเอง
เพื่อไม่ต้องแบกความรู้สึกไม่ดีไว้กับตนเอง
เหนื่อยไหมกับการต้องแบกอะไรไว้ในใจมากมาย
การให้อภัย ไม่ใช่การยอมรับความผิดของใครบางคน
แต่เป็นการให้อิสระแก่ใจตัวเอง
เพื่อหลุดพ้นจากความพยาบาท
บางทีคุณควรจะนึกย้อนถึงตัวคุณเองบ้าง
ยังมีสิ่งใดที่ยังค้างคาอยู่ในใจคุณบ้าง
สิ่งที่คุณรู้สึกผิด หรือคุณอาจจะแก้ไขไม่ได้
หลายๆ ครั้งที่ความผิดของเราเอง
เป็นตัวกีดกั้นเราจากความกล้าที่จะเดินไปข้างหน้า
สิบเท้ายังรู้พลาด...
เราเองก็คนธรรมดาคนหนึ่ง
อาจถึงเวลาที่คุณจะให้อภัยตัวเองได้แล้ว

"การให้อภัยตัวเอง
อาจเป็นการให้อภัยที่ยากที่สุด"

ออกกำลังกายบ้างน่าจะดี

ตื่นแต่เช้า
เพื่อมารับอากาศบริสุทธิ์ น้านๆ (พูดซะเว่อร์)
หลังจากที่ตรวจสุขภาพไป หมอบอกว่า
เราควรจะออกกำลังกายซะบ้าง
ร่างกายจะได้ฟิตแอนเฟริม

ก็ปลุกนาฬิกา ตีห้าสี่สิบห้า ปลุกแล้วคะ
แล้วก็นอนต่ออีกนิด มองออกมานอกหน้าต่างแล้วยังมืดอยู่เลย
ขอนอนต่ออีกแป๊บ หกโมงแล้ว ก็รีบลุกแต่งตัว ล้างหน้าแปรงฟัน
วิ่งไป เดินไป แถวๆ บ่อบำบัดน้ำเสีย หน้าสนามกีฬากลาง
อากาศดีสุดๆ ไปเลยคะ
มีคนวิ่งเป็นเพื่อนด้วย .....
คนแก่ทั้งนั้น เยอะแยะไปหมด
555+++

หนุกดีคะ วิ่งไม่ถึงรอบ
เหนื่อยซะแล้ว วิ่งต่อไม่ไหว
สงสัยต้องมาเริ่มกันใหม่ อาทิตย์หน้าซะแล้ว

ความจริงอยากจะวิ่งต่อนะ แต่ไม่ไหว
อาการปวดท้องเริ่มถามหา
......
ผลก็มาจาก ไปทำงานถนนคนเดิน
แล้วเกิดปวดท้อง...
เดินไม่ได้เลย จะเป็นลมซะให้ได้
ดีนะ เด็กชายเกียรติอยู่ข้างๆ
เลยถือโอกาสเกาะแขนซะเลย
กลายเป็นว่า เดินควงแขนนายเกียรติ กับที่นั่งบริเวณลานพัก
นั่งไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ต้องขอกลับบ้านก่อน
ปวดท้องอย่างแรง
จำเป็นนายเกียรติต้องไปส่งบ้านอีก
เพราะกลัวเราจะขับมอไซด์กลับบ้านไม่ได้
เลยอาสาขับรถตามไปส่งถึงหน้าบ้านเลย
ขอบคุณนะครับบบบบ
น้องเกียรติ หมูน้อยของพี่

*-*

ส า ย ล ม แ ห่ ง วั น ใ ห ม่
พัดผ่านม่านหน้าต่างดวงใจพลิ้วไหว
แว่วเสียงระฆังกังวานมาแต่ไกล
ราวกับบทเพลงแห่งความหวัง
บนผืนฟ้าคราม
ฉาบด้วยแสงทองของดวงตะวัน
นกขาวขยับปีกบินล้อลม
คล้ายดังจะบอกข่าวคราว
ถึงการเดินทางกลับมาของความรัก

อากาศดีมากๆ เลย
อาทิตย์วิ่งกันใหม่อีกนะคะ ...
ห้ามเบี้ยวแล้วกัน

วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1

ดวงจันทร์โตที่สุดในรอบปี แล้วก็สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
ดวงโตมากๆ สวยจริงๆ คะ
ดวงโตกว่าวันลอยกระทงอีก
ความจริงเราก็ไม่รู้หรอกว่าวันนี้จะมีพระจันทร์สวยอย่างนี้
พอดีพี่พยาบาลเค้ามาชวนไปเที่ยวร้านสายลมจอย แถวๆสนามบิน
เพื่อจะได้นั่งรอดูพระจันทร์เต็มดวง ตอนเวลาเที่ยงคืน
ไอ้เราก็รีบปฏิเสธเป็นการใหญ่
ไม่อยากไปที่สุดเลย
เหล้าก็ไม่กิน ขี้เกียจไป
แถมตอนเที่ยงคืนเราคงไม่แหกตามาดูพระจันทร์หรอก
หนาวก็หนาว สู้ห่มผ้านอนหลับอุ่นๆ ในที่นอนไม่ดีกว่าเหรอ

แต่ผิดพลาดคะ
เราเห็นพระจันทร์ตั้งแต่ยังไม่สองทุ่มเลย
เต็มดวงเห็นจะจะ สวยสุดยอด
ไม่ต้องอดหลับอดนอนถึงเที่ยงคืนแล้ว
ใครที่ไม่ได้เห็น ก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ
อ่อ คุยกับพี่คนหนึ่งคะ
บอกเค้าให้ดูพระจันทร์เหมือนกัน
แต่เค้าบอกว่า พี่ไม่มีคู่ ไม่รู้จะดูกับใคร
พี่ขา แค่ดูพระจันทร์เต็มดวง ไม่จำเป็นต้องดูเป็นคู่หรอกนะ
แค่ตอนที่พี่ดู ก็มีคนดูพร้อมๆ กับพี่ เป็นร้อยเป็นพันคนแล้ว
เพราะทุกคนทั่วประเทศต่างก็ดูไปพร้อมกับพี่นั่นแหละ
ติดอยู่ที่ตรงว่า อยู่คนละจุดที่ยืนมองเท่านั้นเอง

*-*
สวยคะ







วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อายุร่างกายกับอายุจริง

วันนี้ตรวจสุขภาพกับรถโมบายของโฟร์โมสต์
มีการตรวจวัดความดัน
ไขมันในเลือด ในร่างกาย
ไขมันในช่องท้อง
การเผาผลาญพลังงาน
อัตราการเต้นของหัวใจ
ค่าความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด
ทุกอย่างปกติคะ
ปลื้มใจอยู่อย่างหนึ่ง
ก็คือ อายุของร่างกายนะวัดได้ 21 เอง
ถ้าเปรียบเทียบกับอายุจริงแล้ว 28 เป็นปลื้มนิดๆ อิอิ....
แต่ต้องออกกำลังกายให้มากกว่านี้อีกหน่อย
แล้วจะดีเอง

*-*
ร้อนๆ หนาวๆ บอกไม่ถูก
สงสัยจะเป็นหวัดอีกแน่ๆ
ผลพวงก็คงจะมาจาก นั่งคุยกับเพื่อนตั้งแต่ สี่ทุ่ม - ตีหนึ่ง
ตรงลานกลางแจ้ง หน้าหอเพื่อน
เพื่อนมันกินเหล้าหมดไป 2 ขวด แต่ 5 คนนะ
เราซิ กินโค้กคนเดียว เกือบ 3 ขวด
ไม่รู้กินไปได้ไง
แต่ที่รู้ก็คือ เดินเข้าห้องน้ำเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2551

อยู่เพื่อเธอ

เมื่อคืนว่างๆ กะว่าจะเอาหนังสือมาอ่านสักหน่อย
เพื่อนส่งมาให้หลายเล่มเลย
ไม่ได้อ่านสักที น่าสนใจทั้งนั้น

ของนายกรอีก ตั้ง 8 เล่ม
ยืมมันมายังไม่ได้คืนเจ้าของเลย
สงสัยจะไม่เอาแล้วมั้ง
ทำไมนะ คนเราอ่านหนังสืออะไรก็ช่างเถอะ
อ่านได้ทั้งวัน แต่อ่านหนังสือเรียนหน้าเดียวก็หลับแล้ว
เราเนี่ยเป็นประจำ มิน่าสอบอะไรกับเค้าไม่ค่อยได้สักที
เพราะกะจอ่านทีไร กลายเป็นหนังสือ่านเราทุกที

แต่ความจริงเราก็ชอบอ่านหนังสือนะ
หนังสือแปลหลายๆเรื่อง ชอบอ่าน
แต่ก่อนสมัยเรียน อยู่ในห้องสมุดโรงเรียนได้ทั้งวัน (ถ้าวันไหนไม่มีเรียนนะ)
ใครหาไม่เจอ ตามได้ที่ห้องสมุดเท่านั้น
ไม่ได้อ่านหนังสือเรียนเลยคะ 555+++
อ่านเรื่อยเปื่อย ไปเรื่อยๆ นิยาย การ์ตูน แปล
ชอบนะ โดยเฉพาะหนังสือแปลเนี่ย

อ่านยังไม่จบเล่มเลย
นายขวัญเป็นละคร
เรื่องไรอีกละเนี่ย
ตบกันได้ตลอด สงสารนางเอกจังคะ
น่ารักดี สงสัยจะเป็นนางเอกใหม่
แก้วล้อมเพชร ดาราใหม่เกะกล่องทั้งนั้น
ดูๆ ไปไม่ค่อยรู้จักเลย ดูแต่หน้านางเอก หน้าอ้วนๆ อิ่มๆ สวยดีนะ
แถมเพลงก็เพราะดี
อยู่เพื่อเธอ - รุจ The StaR

ฟังแล้วรู้สึกว่า ชีวิตนี้ยังมีความหมาย....
ต้องอยู่ต่อไปเพื่อคนๆ นั้น....
จริงเหรอ?

วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ไม่มีไรทำ เรื่อยๆ เปื้อย

อากาศอึมครึม
พ่อกับแม่ชวนไปงานคูโบต้า
เลยจำเป็นต้องไปเป็นเพื่อน
ไม่อยากไปเลย แต่ต้องไป
ที่ไหนได้ หนุกหนานคะ
เล่นเกมส์ มันมาก
เล่นจิ๊กซอ ได้เสื้อมา 5 ตัว
โยนห่วง ได้แก้วเหล้า 4 ใบ
จับไข่ ได้ปากกา 2 อัน (ฮันนี้แย่หน่อย เล่นยาก)
หนุกดีคะ ถ้ามีเกมส์ให้เล่นแบบนี้อีก ก็อยากมาอยู่
คลายเครียดดี
แถมมีคอนเสริต์ลูกทุ่งให้ดูด้วย
ต่าย อรทัย น่ารักมาก
แถม พีสะเดิด ก็น่ารักดีคะ ดัดฟันด้วยแฮะ




ฟ้าวันนี้ไม่ใสเลย

วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ภูชี้ฟ้า

ไปแอ่วภูชี้ฟ้ากันมาคะ
หนาวมากๆ
หน้าตางี้ดูกันไม่ค่อยได้เลย หน้าชาไปหมด
หนาวสุดๆ
ไม่ได้นอนกันทั้งคืน ต้องนั่งผิงไฟทั้งคืน
ผ้าห่มขนสัตว์ 3 ผืนเอาไม่อยู่คะ
แถมตอนนอนยังใส่เสื้อไหมพรม หมวก ถุงมือ ถุงเท้า
ก็ทนไม่ไหว เพราะหนาวมาก
สรุปคือ นั่งคุยกันจนเช้า
พอถึง ตีห้า ก็รีบพากันเดินขึ้นไปบนภู ห่างจากเต้นประมาณ 2 โลน่าจะได้
เดินกันขาลากคะ ตอนเดินขึ้นเนี่ย
ไม่รู้สึกหนาวเลย เหนื่อยสุดๆ ทางมันไม่ค่อยดี แถมมืดอีกต่างหาก
ต้องพกไฟฉายกันคนละอัน ส่องทางเดินไป
เดินประมาณ เกือบชั่วโมงก็ถึง แทบตาย เมื่อยขาสุดยอด
แต่พอถึงบนภูแล้วก็ค่อยหายใจคล่องหน่อย
สวยมากคะ ค่อยคุ้มค่ากับการเดินทางอันแสนรัดทน
ไม่รู้ว่าคนแห่แหนกันมาจากไหน เยอะสุดๆ
บนภู แทบจะไม่มีที่อยู่ ต้องแย่งกันดูพระอาทิตย์ขึ้น
แถมทะเลเหมอกก็สวยไม่หยอกเลยคะ

*-*
เชียงรายสวยอย่างนี้นี่เอง
เชียงรายหนาวมาก .....