วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ไหว้พระเชียงแสน






























































ไปส่งสาวบีเข้าหอ
คิคิ  เข้าหอพักต่างหาก
บีจะไปทำงานแบ้งกสิกรสาขาแม่สายแล้ว
ก็เลยไปส่งกัน แล้วก็เลยแวะไปไหว้พระที่เชียงแสนกัน




วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

งานแต่งพี่แอน
















หัวหน้าแต่งงานวันนี้
สวยมาก ๆ เจ้าสาวอวบอั๋น หุหุ
เจ้าบ่าวกะเจ้าสาวหน้าตาเหมือนกัน
หน้ากลมๆ  ตัวอวบๆ  น่ารักดี
งานแต่งหนุกหนานกันตามประสา
มีคอนเสริตขนาดย่อมด้วย

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

งานยุ่งจังวู้

ทำไมงานมันแยะน้อช่วงนี้
หัวหน้าก็ไม่ได้ดั่งใจเอาซะเลย
สั่งนั่นสั่งนี่ ทำไม่ได้ก็บอกแล้วว่าทำไม่ได้
ยังจะให้กับไปคิดเป็นการบ้านอีก
เฮ้ออออ   เหนื่อยใจ
งานล้นมือ  ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องอยู่เฉยๆ
เวลาอยู่เฉยๆ  ไม่มีไรทำ ก็จะจับกลุ่มคุยกัน
นินทาคนนั้นคนนี้  คิคิ  ตามประสาคนว่างงาน
วันนี้เจ้ไก่ไม่มาทำงาน  ขาดคนกินข้าวไปหนึ่งคน
แต่วันนี้ก็กินใครกินมัน  ต่างคนต่างกิน
ก็ไม่ช่ายนะ  ซื้อก๋วยเตี๋ยวมากินกันในห้องนี่แหละ
แต่นั่งกินโต๊ะใครโต๊ะมัน  ก็แปลกดี
ปกติเราจะนั่งกินด้วยกันเป็นกลุ่มๆ 
สงสัยวันนี้แต่คนคงจะยุ่งๆ 
ก็เลยรีบๆ  กินแล้วทำงานต่อ


ยังไม่หายปวดท้อง ปวดหัวเลยเนี่ย
แต่ว่าพรุ่งนี้จะไปล่องแพแล้ว 
ท่าทางน่าจะหนุก  คริคริ

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ศาลเจ้าจี้กง

ไปทำบูญมา แล้วก็เอาบุญมาฝาก
ศาลเจ้าจี้กง  บรรยากาศดีมากๆ  สวยสุดๆ 

















ทางขึ้นศาล
















องค์เจ้าจี้กง องค์ใหญ่เบ้อเร่อเลย ใหญ่มาก




















ต้นนี้เรียกว่า  "ส้มมือ"  หน้าตาคล้ายๆ  มือ
แต่เป็นต้นไม้ตระกูลส้ม
































วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มันก็คงจะต้องมีสักวันแหละนะ

มีคนบอกว่า "ความสำเร็จมันไม่ไกลเกินเอื้อม"
ถ้าเราอยากจะคว้ามันมาอยู่กะตัวบ้าง
มันก็เป็นผลดีกะตัวเราม่ายช่ายเหรอ
แต่ว่าถ้ามันคว้ามาไม่ได้
ก็ใช่ว่าเราจะไม่ประสบความสำเร็จ

แต่บางครั้ง เห็นคนรอบข้างเค้าประสบความสำเร็จในชีวิต
ก็แอบอิจฉาบ้าง (หุหุ คนเราก็ต้องมีบ้างแหละน้าที่จะอิจฉาคนอื่น)
เฮ้ออออ  เป็นไรอีกละเนี่ยเรา
คิดมากอีกแระ

ปล. ฝนตกนอนหลับสบายเลยเรา

เคอร์ฟิว

การห้ามออกจากเคหสถาน หรือ เคอร์ฟิว
(ฝรั่งเศส: couvre feu, อังกฤษ: curfew) หมายถึง
คำสั่งของรัฐบาลให้ประชาชนกลับเคหสถานก่อนเวลาที่กำหนด
อีกนัยหนึ่งคือการห้ามประชาชนออกจากเคหสถาน
ภายในระยะเวลาที่กำหนด (มักเป็นเวลากลางคืน)
ซึ่งเป็นการกำหนดขึ้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
หรือให้ความสะดวกต่อการปราบปรามกลุ่มเป้าหมาย
คำว่า "เคอร์ฟิว" มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า couvre feu แปลว่า ดับไฟ (couvre = ดับ, feu = ไฟ)
ซึ่งคำนี้ถูกนำมาใช้ในภาษาอังกฤษโดยสะกดว่า curfew

เชียงรายก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ถูกประกาศให้เป็นเขตเคอร์ฟิว
เดียวนี้บ้านเมืองเราชักจะรุนแรงกันขึ้นทุกวัน
ไม่หนุกเลย ไปไหนก็ไม่ได้ แต่ปกติเราก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว
แต่มาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็จ๋อยไปเลย
เศรษฐกิจซบเซา ไม่ชอบเล้ยยยยยย

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ร้อนเป็นไฟ

บ้านเมืองเราเป็นไรกันไปหมดแล้ว
คนไทยหันมาทำร้ายกันเอง
จิตใจคนไทยกลายเป็นไรกันเนี่ย
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย
จะเกิดชาติไหนไหน ก็ไทยด้วยกัน
คนอยู่กรุงเทพ ใจหายใจคว่ำกันหมด
แม่ก็โทรหาน้องใหญ่เลย กัวว่าจะเป็นไรไป
เพราะน้าอยู่ในเขตอันตราย
โทรหาปลอดภัยก็ดีแล้ว น้าออกจากที่ทำงานไม่ได้
ไม่มีรถกับบ้าน ทางบริษัทต้องเอารถออกมาส่งพนักงาน
น่าสงสารจริงๆ 

ไอ้บีสอบติดกสิกรแล้ว นัดสัมภาษณ์วันนี้
แต่ต้องเลื่อนสอบไปก่อน เพราะสถานการณ์ย่ำแย่
ธนาคารทั่วประเทศปิดทำการ

ดีใจกะเพื่อนๆ  น้องๆ  อีกแระ
สอบติดนครปฐมกันตรึม
นุ้ย กะแจ๋ว เจ้าเก่า ติดอีกแล้ว
เกียรติ กะเอน้อยมาแรง ติดตามมา  หุหุ
แต่ต้องรอลุ้นสอบภาค ค กันไป 
คอยดูว่าใครจะได้เรียกบรรจุก่อนกัน  เอาใจช่วยค่ะ

รอบนี้ไม่มีความรู้สึกว่าจะอิจฉาตาร้อน เสียใจร้องไห้อีกแระ
เพราะตัดสินใจเองว่าจาไม่ไปสอบ เลยไม่ต้องมานั่งร้องไห้อีก  คิคิ

ความจริงถ้าประกาศให้หยุดเป็นวันหยุดราชการ
น่าจะให้หยุดกันทั้งประเทศ น่าจะดี

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คนไทยหรือป่าว

สงสารคนกรุงเทพเนาะ
วุ่นวายซะได้ใจเลย ต้องคอยหลบหลีก
หลีกหนีกะม๊อบต่าง ๆ
แล้วทำไมต้องประท้วงกันเนี่ย
ประท้วงกันเป็นเดือนๆ  ไม่ร้อน ไม่เหนื่อยกันบ้างเหรอ
ไม่สงสารคนทำมาหากินกันบ้างเลย
เราก็คนไทยเหมือนกันแหละ
อย่าทะเลาะกันเลย

พาลทำให้ผู้คนรอบข้างต้องเดือดร้อนกันไปตามๆ กัน
โรงเรียนก็ต้องปิด ศูนย์ราชการต่างๆ ก็ปิด
ได้หยุดตั้ง 5 วัน ดีไปอีกอย่างได้พักอยู่บ้าน
แล้วทำไมไม่ประกาศหยุดกันทั้งประเทศเนี่ย
เราจาได้พักอยู่บ้านบ้าง นอนซะให้พุงกางเลย คิคิ
นอนมาก ๆ ก็ไม่ไหวนะ เริ่มตุ้ยละ

วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เปิดเทอม

ชีวิตช่วงเปิดเทอมเริ่มเกิดขึ้นแล้ว
เด็กๆ เปิดเทอม  ส่งผลให้
รถก็ติด คนก็แยะ
เด็กๆ ข้างบ้านเราก็มานั่งรอรถตอนเลิกเรียน
เล่นกันให้วุ่นหน้าสำนักงาน
ทำยังกะสนามเด็กเล่นไงงั้น
ก็ไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบนี้มาเกือบสองเดือนละ
พอมาเจอก็หนุกไปอีกแบบ
แต่ก็รู้สึกรำคาญนิดๆ  เพราะเด็กๆ  เสียงดังกันมาก

วันนี้อากาศเย็นๆ นะ ไม่ค่อยมีแดดเท่าไหร่
อยากให้เป็นแบบนี้ไปตลอด
จาได้ไม่ร้อน จาได้ไม่ดำ  คิคิ

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ฟ้าหลังฝน

เคยได้ยินมั้ยคำว่า "ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ"
แต่ที่เราประสบมา ไม่ได้เป็นอย่างที่คำคำนั้นบอก
กลับเป็นว่า ฟ้าหลังฝนที่เราประสบนั้นสร้างความเดือนร้อน
ให้กับทุกคนเลย มีผลเนื่องจากฝนตกฟ้าร้องอย่างแรง
เรียกอีกอย่างง่ายๆ  ก็คือ พายุนั่นเอง
คืนวันเสารฺ์เกิดพายุพัดโหมกระหน่ำ
ทำเอาบ้านเรือนพังทะลายกันเป็นแถบๆ 
หลังคาปลิวหายไปกะสายลมสายฝน
ต้นไม้ล้มระเนระนาด ล้มพาดสายไฟ พาลทำให้เสาไฟล้ม
ไฟฟ้าดับไม่มีไฟฟ้าใช้กันทั้งคืน ยาวมาถึงเย็นวันอาทิตย์เลยทีเดียว

บ้านเราก็ช่ายย่อย พายุน้ำฝนพัดโหมกระหน่ำ  น้ำซัดเข้ามา
ท่วมทะลักเต็มไปหมด
ไม่ได้นอนกันเลยแหละเพราะน้ำไหลเข้ามาอย่างแรง
เก็บของกันให้วุ่นวายไปหมด จะทำไรมากก็ไม่ได้ เพราะไฟฟ้าก็ดับมองไรก็ไม่เห็น
เลยต้องย้ายห้องนอนไปนอนอีกห้อง
ช่างเป็นคืนที่สุดแสนทรมานซะจริงๆ

สงสารก็คนกวาดถนนนะ สงสารจิงจิง
สงสารคนตัดไม้ เพราะต้นไม้ล้มกันแยะมาก
สงสารพ่อกะแม่ สวนผักที่ปลูกไว้เสียหายหลายบาทเลย
สงสารตัวเองอะ  บ้านน้ำท่วม 

ปล.  ไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก  ทรมานใจ ซะ

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เหนื่อยจัง

ร้อน ร้อน
วุ่นวาย
เหนื่อยใจ เหนื่อยไรก็มะรู้
เบื่อจัง

วันพุธที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ม็อบก่อกวน

ช่วงสายๆ มีม๊อบประท้วงไรกันก็มะรู้
วุ่นวายเต็มเทศบาลเลย
ชาวบ้านประท้วง มีเดินขบวนถือป้ายกันให้วุ่น
ทำเอาชาวเทศบาลแตกตื่นกันยกใหญ่ 
หุหุ
ตื่นเต้น นานๆ จะมีม๊อบใกล้ตัวซะที

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ยังง่วงอีกเนี่ย

เมื่อคืนฝนตกหนัก
นอนหลับสบาย เหมือนกับว่าไม่เคยนอนหลับสบาย
แบบนี้มานานมากโข
ความจริงก็ไม่รู้หรอกว่าฝนตก
ก็เจ้าเอเปคมันตะกุยประตู
จาเข้ามานอนด้วย แปลกนะ เวลาฝนตกฟ้าร้องทีไร
ต้องเป็นร้องๆ  เห่าๆ  อยากเข้ามานอนด้วย
ก็มันกัวฟ้าร้องกะฝนตกมากๆ  ชนิดที่ว่ากัวขึ้นสมอง
อยู่คนเดียวไม่ได้ ยิ่งถ้าฝนตกกลางวัน
แล้วเราไม่อยู่กะที่ เราเดินไปเดินมา
เอเปคก็จะต้องเดินตามเราไปทุกฝีก้าว
ก็สงสารอยู่นะ แต่ไม่อยากให้มันเดินไปเดินมา
ตัวมันก็จะเปียก ทำให้บ้านเราเลอะไปด้วย
เซ็งเหมือนกันน้อ  เวลาฝนตกเนี่ย

พักนี้พี่ๆ น้องๆ  หายหน้าหายตากันไปไหนหมด
เจ้าขวัญก็กับเชียงใหม่ บีก็กับบ้าน ภูมิก็ไปกรุงเทพ
แม่กะพ่อก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน ไปงานศพใครก็มะรู้
อยู่บ้านคนเดียวเหงาจัง
ดีนะมีน้องหมา 4 ตัวอยู่เป็นเพื่อน
ตอนนี้มีไรก็คุยกะหมาไปก่อน เป็นเพื่อนที่รับฟังได้อย่างดี
ไม่มีปากมีเสียง  เราจะด่าว่าไรมันก็ไม่สน ได้แต่กระดิกหางยินดีรับฟัง
รักเอเปค  รักเพนเค้ก รักปาร์ตี้ รักโปตี้  สุดๆ  ไปเลย

งานแต่งพาก - แก้ม













วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หง่อมน่อ

หง่อมขนาด

ปล. หง่อมภาษาเหนือแปลว่า "เหงา" 

ปล. ไม่มีคำบรรยายใด ๆ

ปล. เหงา + หง่อม


ฟังเพลง ความคิดถึงไม่เคยหยุดพัก
Powered by you2play.com

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

มึนงงกะชีวิต

พักนี้รู้สึกว่าสับสนกะชีวิตไปหน่อย
เช้าก็ขับรถออกจากบ้านไปทำงาน
ต้องกับเข้าบ้านสามรอบ เพราะว่าลืมของ
อันแรก ลืมเป๋าตัง
อันดับสอง ลืมกระเป๋าถือ
อันดับสาม ลืมของขวัญวันเกิดที่จะไปให้พี่ผึ้ง
แม่บ่นใหญ่เลยว่าไม่รอบครอบ เฮ้ออออ

สายมาหน่อย เดินไปส่งหนังสือให้หัวหน้า
เดินชนเสากลางห้องเฉย
เสาต้นเบ้อเร่อ ดันมองไม่เห็น
เหนื่อยเน้อกะชีวิตนี้ 
พี่ส่งหัวเราะใหญ่เลย ว่าวันนี้เราเบลอๆ  รึป่าว
เราก็บอกว่าป่าวนะ ไม่มีไรเลย
แต่ที่หนักไปกว่านั้น
นึกว่าวันนี้เป็นวันเกิดเจ้าเกียรติ
ดันเข้าไปอวยพรใน hi5
แท้ที่ไหนได้  ยังไม่ถึงเลย
เรานี่ท่าจะเพื้ยนแล้วเนี่ย
สับสนปนเบลอๆ 

เหนื่อยจริงๆ วันนี้
เหนื่อยใจ
คิดถึงน้าคำ
ก็ได้แค่คุยโทรศัพท์แค่นั้น
คุยไปก็ร้องไห้ไป  โตแล้วแต่นิสัยนี้ก็ยังไม่หายสักที
เวลาเหงาๆ  เศร้า ๆ ใครมาพูดไรให้สกิตใจนิดหน่อย
เป็นต้องร้องทุกที เมื่อไหร่จะหายนะเข็มเอ้ยยยยยยยย 

อย่าขี้แยซิ  ต้องเข้มแข็งเอาไว้

วันนี้มีไว้แก้ไข

ร้อน

ทำไมเดียวนี้บ้านเรามันร้อนก็ไม่รู้เนาะ
ร้อนแทบจะเผาได้เลยเนี่ย
ออกไปข้างนอกไม่ใส่เสื้อคลุม
ต้องเกรียมแน่ๆ 

ไม่ไหวๆๆ  ๆ

ปล. ยินดีกะพี่ภูมินะ สอบตำรวจติด

----------

เหนื่อย
ขอพักบ้างคงจะดี