วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

อะไรอีกละเนี่ย

ไรเนี่ย
โคตรเซ็ง

ขอแว็บหน่อยเหอะ

วันนี้วันสุดท้ายของการทำงานในปีงบประมาณนี้
ช่างดูสุดแสนจะวุ่นวาย
ย้ายโต๊ะย้ายเก้าอี้กันอีก เฮ้อออ เหนื่อยจัง
เหนื่อยต้องมานั่งเก็บของ รื้อของ
เพราะโต๊ะเรารกสุดๆ  555+++

ว่าแต่วันนี้รู้สึกง่วงมาก ๆ
สงกะสัยจาตื่นเช้า ไปช่วยแม่สวน
อีกอย่างก็นอนไม่ค่อยจาหลับด้วย
ก็ลูกๆ เราอะดิ มะรู้จาเห่าจาหอนไรนักหนา
ลุกมาด่ามาไล่สองรอบเห็นจะได้
เหตุที่เห่ากันพันละวันก็เพราะมีหมาใครม่ายรู้
มาป้วนเปี้ยนเดินเล่นอยู่หน้าบ้าน
สงสัยมันจะอวดว่ามันได้ออกเที่ยวตอนกลางคืน
แล้วหมาเรามันต้องโดนขังอยู่ในบ้านออกไม่ได้
เหอะๆ  ๆ รู้ความรู้สึกของหมาด้วย
มันก็คงจาจริงแหละนะ
เล่าทำเอาหมาบ้านเราเห่าซะนอนไม่ได้กันเลย
มันก็คงจาแอบอิจฉาบ้างแหละ
ที่หมาตัวอื่นๆ  ได้ออกไปเดินเล่นนอกบ้าน

ง่วงๆๆๆๆๆ

ตอนนี้เราก็คีย์ข้อมูลอยู่เนี่ย
แต่ชะแว้บมาอัพบล็อคหน่อย
เดียวจาน้อยใจ ว่ามัวแต่ไปเล่นเฟสบุคแหละ
ความจริงตอนนี้เริ่มจาหยุดเล่นเกมแล้วนะ
แต่ก็ยังเล่นบ้าง แต่ก็ไม่ได้เล่นหามรุ่งหามค่ำแบบเมื่อก่อนแล้ว
เพราะรู้สึกว่าตัวเองปล่อยเวลาไปโดยปล่าวประโยชน์
แต่บางครั้งเล่นเกมส์ก็คลายเครียดได้ บ้าง แม้ว่าจาไม่มากก็ตาม
ก็จะพยายามเพลาๆ  การเล่นบ้าง
รู้สึกว่าล้าและเหนื่อยเหมือนกันพักผ่อนไม่พอ
อือ  เนาะ  มันคงจาพอ ก็มัวแต่เล่นเกมส์ไม่ได้นอน
น้ำหนักลงอย่างเร็ว
เหอะๆๆๆ  ตอนนี้กำลังทำให้น้ำหนักขึ้นอยู่
แต่ก็ต้องขึ้นไม่เกินสองโลนะ มะงั้นเดียวจาใส่กางเกงม่ายได้  คิคิ

ง่วง

ทำไมง่วงอย่างนี้น้อ
อยากกับบ้าน
ใครก็ได้มารับกับบ้านที
ขี้ค้านทำงานสุดๆ 
เบื่อจัง

"ความพิเศษ"

ชีวิตคนเรามีอะไรมากมายที่ผ่านเข้ามาให้ซึมซับรับรู้


ในชีวิตคนเรามีผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาให้รู้จักมักคุ้น
แต่ในผู้คนมากมายเหล่านั้น
อย่างน้อยคงต้องมีใครบางคนที่ทำให้เรารู้สึกไม่ธรรมดา
ที่จะนึกถึง เรียกว่าเป็น ความพิเศษ
ที่เราจะยกเว้นเอาไว้จากความปกติทั่วไปของจิตใจ
ก็ในเมื่อคำว่า พิเศษหมายถึงความจำเพาะ ความแปลกแยก ความดีงาม ความอบอุ่นในหัวใจ
กระนั้นทำไมเราไม่ปฏิบัติต่อเขาให้ตรงกับที่ใจคิด


ให้ความรู้สึกดีดีจากจิตใจที่ดีดี
ให้ ความอาทรถึงจากจิตใจที่นึกถึง
ให้ความห่วงจากจิตใจที่เป็นห่วง
ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างดีดี แต่มี สติ
ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างอบอุ่น แต่ไม่ คุกรุ่น
ให้ไปเลย ให้ไปเท่าไหร่ก็ได้ แต่เมื่อให้ไปแล้วต้องไม่ร้อนรุ่มกลัดกลุ้ม

และหากเมื่อใดจิตใจอาจระส่ำระสาย สะดุดกับอะไรขึ้นมาบ้าง
ก็จงหยุดพักตรึกตรอง อย่าปล่อยให้พายุอารมณ์โถมพัด
สิ่งดีดีจนกระจัดกระจาย
เพราะ การให้ความหมายไม่ใช่การตั้งความหวัง
คนสองคนให้ความหมายซึ่งกันและกัน แต่คนสองคน
จะไม่ตั้งความหวังในกันและกัน
เพราะการตั้งความหวังมักนำพาซึ่งการเรียกร้อง
ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของโดยที่ไม่รู้ตัว
มันร้อนนัก หนาวนัก และไม่เป็นสุข
เราต้องไม่ลืมปรับอุณหภูมิจิตใจเอาไว้ที่องศาอุ่นๆ
หากเริ่มรู้สึกตัวว่า ความร้อนเริ่มทวีขึ้น เราต้องค่อยๆ
เดินออกมาสูดอากาศเย็น
หากตรงกันข้ามเราก็ต้องหลบเร้นจากความหนาวมาหาไอแดดเช่นกัน
และอย่าลืมว่าความพิเศษ
ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นพิเศษมากหรือพิเศษสุด
หรือพิเศษอย่างยิ่งในคนคนเดียว
ทั้งเราและเขาอาจจะมีคนพิเศษในวิถีชีวิตได้หลายลักษณะ
พิเศษในเรื่องนั้น พิเศษในเรื่องนี้
ในเมื่อหัวใจเป็นของเรา
เราก็ย่อมเลือกให้ความพิเศษกับใครก็ได้ที่เราจะไม่ต้องแลกกับความทุกข์อย่างพิเศษกลับมา
 
 
จงให้ ความพิเศษเป็นชีวิตชีวา
เป็นแววตาที่แจ่มใส
เป็นความห่วงใยที่เมื่อนึกถึงทีไรก็ยิ้มได้
ไม่วิ่งหนี แต่ไม่วิ่งตาม
ไม่หักห้าม แต่ไม่กระโจนใส่
ไม่เป็นน้ำตาลที่หวานอ่อนไหว
แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจและเอื้ออาทร
จงเป็นความแจ่มใสในอารมณ์ของตัวเอง เป็นความชุ่มชื่น สดใส เช่นสายน้ำ
เป็นสีสันงดงามเช่นมวลผกา เป็นสีเขียวของใบไม้
ที่เย็นที่ตาและที่ใจ
และที่ตรงนี้ จะอีกนานเท่าใด ไม่ว่า คนพิเศษคนนั้นจะอยู่ใกล้หรือต้องจากกันไกล
ความพิเศษนั้นก็จะคงอยู่อย่างมีคุณค่า ณ ที่เดิม ที่ซึ่งใจข้างซ้ายตรงกัน

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

แก่ขึ้นอีก 1 ปี

HBD to me คิคิ
แก่ขึ้นไปอีกปี ขึ้นเลขสามอย่างเห็นได้ชัด
เหอะๆๆ สามสิบแล้วเหรอเรา
ยังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองแก่ 5555
ยังทำใจไม่ค่อยได้กะเลขสาม
แต่ก็ต้องยอมรับในสภาพแหละนะ
เอ้อออ  จาให้เท่าเดิมได้ไงเนี่ย
แต่มีนะเท่าเดิม ตัวเท่าเดิม ไม่ยักกะเห็นโตสักที
เจอใครๆ ก็ถามว่าเมื่อไหร่จาโตนะ
เห็นเมื่อไหร่ก็ตัวแค่นี้ อ้าว  ถามกันแปลกๆ
อายุขนาดนี้แล้วจาให้โตอีกเหรอ
ก็เป็นอีกปี  วันเกิดก็อยู่คนเดียว
มันก็คือวันสำคัญอีกวันหนึ่ง
ตื่นเช้ามาก็กราบเท้าแม่เรียบร้อย
ไปทำงานตามปกติ  เหมือนวันธรรมดา ๆ ทั่วๆไป
ก็ไงละ  มันก็คือวันธรรมดาๆ นี่เองแหละ

วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553

กำลังใจจาก.....

ในยามที่ท้อแท้ ขอเพียงแค่คนหนึ่ง จะคิดถึงและคอยห่วงใย
ในยามที่ชีวิต หม่นหมองร้องให้ ขอเพียงมีใครปลอบใจสักคน
ในวันที่โลกร้าง ความหวังให้วาด มันขาดมันหาย ใครจะช่วยเติม
เพิ่มพลังใจ ให้ฉันได้เริ่ม ต่อสู้อีกครั้งบนหนทางไกล
กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฝันให้ใฝ่
ให้ชีวิตได้มีแรงใจ ให้ดวงใจลุกโชนความหวัง
กำลังใจจากใครหนอ ขอเป็นทานให้ฉันได้ไหม
ดั่งหยาดฝนบนฟากฟ้าไกล ที่หยาดรินสู่ผืน ดินแห้งผาก
 
 

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

เฮ้ออออ

เครียดวุ้ยยยยย
มีแต่ปัญหา
เหนื่อยใจ
เมื่อไหร่จาเจอแต่เรื่องดีกะเค้าเนี่ย

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

อีกแล้วนะอีกแล้ว

อาการนอนไม่หลับเนี่ย
เป็นกันทุกคนป่าวน้อ
รึว่าเราจาเริ่มแก่แล้ว หรือไงเนี่ย
หรือว่าวันนี้จากินชาเขียวปั่นแยะไป
ถึงได้นอนไม่ค่อยหลับ
แต่ว่าคนอื่นๆ เค้าก็กินกัน
ดูอย่างพี่ขวัญดิ กินทุกวันมะเห็นเป็นไรเลย
แต่ไหงเวลาเรากินแล้วนอนไม่หลับทุกที เป็นไรหว่า ?

สองสามวันนี้กินข้าวกะพี่ขวัญสองคน
เพราะพี่ไก่กะพี่ผึ้งลาพักร้อนกันหมด
กะว่าจาไปท่องเที่ยวกันซะหน่อย
แต่ถ้าไปก็คงไม่หนุกเพราะขาดอีกสองสาว
อีกอย่างวันนี้ฝนก็ตกด้วย
ไปไหนก้ลำบาก


เออ...สองวันนี้หัวหน้าเราเป็นไรกันเนี่ย
ให้เราหาบ้านคน หาร้านขายกาแฟ
แล้วก็ดั้นบอกผิดเส้นทางกันไปหมด
ไอ้เราก็หาซะโลกจะปิ้นอยู่แล้ว
ขับรถวนไปวนมาหลายรอบ  เล่นเอาซะวุ่นวายกันไปหมด
ต้องถามคนนั้น  ถามคนนี้ให้ช่วยหา  ปวดหัวไปตามๆ  กัน
สรุปพี่เค้าบอกผิด อีกอย่างพี่่เค้าไม่รู้ว่าบ้านคนที่ให้เราไปหาอยู่ไหน
เออ....ซะงั้น 
ไอ้เราก็งงเป็นไก่ตาแตกเลย
แต่ก็ยังดีที่หาเจอ
แต่กว่าจาเจอได้ ทำเราเปียกปอนไปหม้ด
สองวันหาบ้านคน  ก็เปียกฝน
อีกวันหาร้านกาแฟ ก็เจอฝน
แล้วงี้เมื่อใดเราจาหายหวัดเนี่ย
จามฟิตๆ ไม่หายสักที 
เอ้ออออ   แย่เลย

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

และแล้วน้ำก็ท่วมเชียงราย

สองวันมานี้น้ำท่วมเชียงราย
เป็นข่าวใหญ่โตออกทีวีด้วย
แต่ก็ไม่ช่ายเรื่องดีเลย

น้ำท่วมบ้านดู่ 
บ้านที่เราเคยไปอยู่ไปกินซะหลายปี
แต่มาบัดนี้มะได้ไปอยู่แล้ว
คิดถึงบ้านเก่าเหมือนกันเนี่ย
ว่างๆ ต้องหาเวลาไปทักทายเพื่อนฝูงซะหน่อย
คิดถึงน้องวิวผู้น่ารัก  คิดถึงแก้มยุ้ยๆ น่าหอมที่สู้ด

ดีวันนี้บ้านเราไม่ท่วม
แต่ก็ยังชะล่่าใจไม่ได้
ขี้ค้านเก็บของอะนะ
อุตส่าห์ดีใจนะว่าไม่ได้ทำงานหลายวัน
ไม่มีงานทำ
แต่ไหงเมื่อวานงานเข้าซะนี่
หัวฟูเลยเรา  กับบ้านก็ค่ำ
สู้กันไป  ปั่นงานซะเมื่อยตุ้ม
กะต้องทำให้เสร็จอย่างด่วนเลย
เพราะพี่ติ๋มบอกว่าต้องให้เสร็จก่อนตุลานี้
ตายแน่ๆๆช้าน

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

ไม่มีไรน่าตื่นเต้นเลย

ไม่ได้ไปทำงานซะหลายวัน
เริ่มทำเมื่อวานก็มะเห็นมีไรเล้ย
ทุกๆอย่างก็เหมือนเดิม โต๊ะเราก็ยังคงเดิม
มีคนแซวด้วย  นึกว่าเราจาลาออกซะแล้ว
เค้าเกือบจาเปลี่ยนชื่อเจ้าของโต๊ะให้แล้ว
หรือมะงั้นก็จามีคนมายึดโต๊ะเราไป แนะฟังพูดเข้า คิคิ
กะว่าจามีไรให้ทำแบบหนุกๆ  อีก แต่ม่ายมี  เซ็งอีกแล้ว

งานก็เหมือนๆเดิม คนก็เหมือนๆ เดิม
วุ่นวายยังไงก็วุ่นวายแบบนั้นไม่เปลี่ยน
เบื่อเน้อ

อยากไปเที่ยวไกลๆ 
อยากบินได้จัง
อยากเป็นนก จาได้เป็นอิสระ
อยากเป็นๆๆๆๆๆ
อยากเป็นอย่างใจต้องการ

ปล. 555  เป็นไร อย่างใจต้องการ

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

เบื่อๆๆๆๆ

เบื่อๆๆ 
เบื่อฝนตก
เบื่อน้ำท่วม
เบื่อต้องมาเก็บของทุกครั้งเวลาฝนตก
เบื่อๆๆ
เมื่อไหร่เค้าจาทำถนนเสร็จสักทีเนี่ย
เบื่อๆๆ
เบื่อขี้โคลน
รถช้านเปื้อนโคลนทุกวันเลย
เบื่อสุดๆๆๆ

วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553

รักไม่ต้องการเวลา

ฉันคิดว่ารักมันคือความผูกพัน


คิดว่ารักแท้ต้องเดินผ่านวันและเวลา

ยิ่งเนิ่นนานนานไปเท่าไร ความรักยิ่งมีค่า

ที่ฉันรู้ที่เคยฝัน รักที่ฉันเคยเข้าใจ



ไม่คิดไม่ฝันเมื่อเธอผ่านเข้ามา

เหมือนว่าสายตาฉันเองมองไม่เห็นใครๆ

หยุดที่เธอแค่เพียงสบตา และวินาทีนั้น

โลกทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว ท้องฟ้ากลับสดใส



ลมหายใจ เหมือนหยุดไปในห้วงนาทีนี้

เช่นหัวใจ ลอยหลุดไปทันทีที่สบตา

เธอหยุดยั้งวันเวลา แค่เราได้พบกันในวันนี้

แค่พบเจอกับเธอ



ฉันเพิ่งเข้าใจว่ารักเป็นอย่างนี้

ฉันเพิ่งเข้าใจเมื่อได้มาเจอด้วยตัวเอง

เสี้ยวนาทีก็มีความหมาย เปลี่ยนโลกได้ทั้งใบ

ฉันเพิ่งรู้ในวันนี้ รักไม่ต้องการเวลา



ลมหายใจ เหมือนหยุดไปในห้วงนาทีนี้

เช่นหัวใจ ลอยหลุดไปทันทีที่สบตา

เธอหยุดยั้งวันเวลา แค่เราได้พบกันในวันนี้

แค่พบเจอกับเธอ ก็รักเธอ ฉันรักเธอ



เหมือนหัวใจ เหมือนหยุดไปในห้วงเวลานี้

เมื่อพบเธอ ความรักที่เคยเข้าใจก็เปลี่ยนไป

ไม่ต้องใช้วันเวลา แค่เราได้พบกัน

ในวันนี้ แค่พบเจอกัน ก็รักเธอ ฉันรักเธอ



วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553

จากใจหมา.......

จากใจของหมา.......




1. ชีวิตของฉันอย่างมากก็จะสิ้นสุดเพียงแค่ 10-15 ปีเท่านั้น
การต้องแยกจากเธอไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ นับเป็นความปวดร้าวอย่างยิ่งของ
ฉัน..จึงโปรดสังวรให้จงหนักก่อนจะรับฉันเข้ามาในชีวิต
2.ให้เวลากับฉันสักหน่อยเพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน
3. จงเชื่อมั่นในตัวฉันเพราะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความเป็นอยู่ของฉัน
4. อย่าโกรธฉันให้นานนัก และอย่าลงโทษฉันด้วยการกักขัง
เธอมีทั้งหน้าที่การงาน ความบันเทิงและมิตรสหาย
แต่ฉันนั้น..มีเพียงเธอ
5. พูดกับฉันบ้าง แม้ฉันจะไม่เข้าใจคำพูด
แต่ฉันก็เข้าใจเธอได้จากน้ำเสียง
6. พึงระลึกอยู่เสมอว่า...ไม่ว่าเธอจะปฏิบัติอย่างไรต่อฉัน
ฉันจะไม่มีวันลืมเลือนเลย
7. โปรดอย่าทุบตีฉัน เพราะแม้ฉันจะทุบตีเธอกลับไม่ได้
แต่ฉันก็สามารถกัดหรือข่วนตะกุยเธอได้
ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากกระทำเลย
8. ก่อนจะดุด่าฉันสำหรับท่าทีที่คล้ายไม่เชื่อฟัง ดื้อดึง เกียจคร้าน
ขอจงได้ถามตัวเธอเองก่อนว่า เกิดสิ่งผิดปกติกับตัวฉันหรือไม่
บางทีอาจจะมาจากเรื่องของอาหาร หรือถูกทิ้งไว้กลางแดดนานเกินไป
หรือหัวใจของฉันแก่ชราและอ่อนล้าเสียแล้ว
9. ดูแลฉันเมื่อยามแก่เฒ่าด้วย เพราะวันหนึ่งเธอก็ต้องเป็นเช่นนั้น
10. อยู่กับฉันเมื่อช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตมาถึง
ขออย่าได้พูดเป็นอันขาดว่า "ฉันทนดูไม่ได้
ขออย่าให้มันเกิดขึ้นต่อหน้าเลย" เพราะ
เรื่องราวทั้งหมดจะง่ายขึ้นหากเธออยู่ด้วย



ที่มา : น้องแตน
 
ปล.  ซึ้งสุดๆ เลย

ให้รางวัลกะตัวเอง

ต้องใช้เวลาของเราอย่างฉลาด
เรามีเวลาเท่ากัน เท่ากับทุกคน ใช้เวลาให้สมดุล
อย่าโหมงานมากเกินไปจนลืมเวลาพัก
อย่าพักมากเกินไป บันเทิงเกินไปจนลืมเวลางาน
ทุกอย่างจะต้องอยู่บนฐานของความพอดี
เมื่อพอดีแล้วจะเกิดผลดี

เรื่องสำคัญคือการให้รางวัลตัวเอง
ให้ตัวเองได้พักผ่อน ให้ตัวเองได้เที่ยว
 ให้ตัวเองได้ซื้อของที่อยากซื้อ
แต่ไม่ใช่ให้รางวัลตัวเองตลอด
เพราะว่ารางวัลที่ว่าจะกลายเป็นของธรรมดา
ไม่มีความหมาย ความหมายของรางวัลคือคุณค่าของมัน
คุณค่าที่เราสร้างขึ้น คุณค่าที่เราได้รับ
มันรวมความภูมิใจ อิ่มเอมใจ และมันจะเป็นพลังให้เรา

สรุป   ต้องให้รางวัลกะตัวเองบ้าง
ลาพักผ่อนสักห้าวันรวดน่าจะดี  คิคิ  ความคิดช่างเข้าท่าอารายอย่างนี้

วันนี้เอาบุญมาฝาก

วันนี้วันพระค่ะ
ทุกวันพระเทศบาลจะให้ใส่ชุดขาว
เราก็ใส่ไปอยู่แหละ
แต่ใส่เสื้อขาวไป กระโปรงสีเทา
เข้าไไปถึงสำนักงาน ทุกคนมองกันใหญ่เลย
แถมมีคำถามว่า ทำไมไม่ใส่กางเกงมา
วันนี้ต้องไปวัดนะ ไปฟังเทศฟังธรรม
เค้าบอกว่า ประกาศเต็มห้องมะรู้เรื่องรู้ราวไรเลย
อ้าว ก็มันไม่รู้จิงๆ นิ 
ไม่สนใส่กระโปรงแล้วเข้าวัดมะได้เหรอ
แปลกนะ  มีเรื่องเซ็งแต่เช้าเลยนิ
ช่างเถอะไม่สน

เหอะๆๆๆ  หลายๆ คนเดินเข้ามา
พี่ไก่  อ้ายกุ้ง  พี่ขวัญ  แต่ละคนเข้ามาแล้วก็โดนว่าเหมือนเราเลย
คิคิ  มีคู่โดนด่าแล้วเรา
เราก็ถามนะ ว่ามีใครรู้เรื่องอะป่าว  สรุป  ไม่มีใครรู้เรื่องเลยว่าเค้ามีประกาศ
ว่าวันนี้ต้องใส่ชุดขาวไปฟังธรรมที่วัด 
ประกาศกันตอนไหน ทำไมไม่เห็นรู้เรื่อง  เฮ้ออ   ช่างเถอะ
แต่เราก็มีกางเกงใส่แล้ว
ให้เจ้าขวัญเอามาส่งให้ 
แถมรีดมาให้อย่างดีอีก  คิคิ มีน้องน่ารักแบบนี้ก็ดีนะ 
วันหลังต้องให้รีดผ้าให้ซะละ  รีดผ้าเรียบมากๆ  เรียบกว่าเราอีกเนาะ

ปล.  เมื่อไหร่จาหายเป็นหวัดเนี่ย  เซ็งจริงๆ ๆ