วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ขวัญเอ๋ย ขวัญมา

ใจไม่อยู่กะร่องกะรอย
หัวสมองเบลอๆ  งานแยะไปหน่อย  เฮ้อออ เพลียสุดๆ
สองวันละ ประชุม แล้วก็ประชุม เนี่ยตอนนี้ก็ประชุม
แล้วก็เรียนการลงข้อมูลอุตสาหกรรมไปด้วย
เหมือนกับไปเป็นเด็กเลย
เมื่อวานก็ปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ
เค้าให้แนะนำตัวในห้องประชุม
ก็บอกไปผิดๆๆถูก   ดั้น แนะนำตัวเองว่า....
เด็กหญิงซะงั้น   เอ้ออพูดไปได้นะเรา  ยังขำกันไม่หาย
บ่ายๆ มาเดินตกกะไดอีก  ปล่อยไก่รอบสอง 
ดีนะบ่อเป็นหยังอะ ยังเกาะราวบันไดทัน 
มะงั้นหัวทิ่มไปแร้วววว

วันนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก ขับรถไปจ่ายค่าไฟ  
ไอ้เราวีโก้บ้านั่นดันขับเข้ามา ย้อนศรไม่พอจามาชนช้านอีก
โอ้ยยยยย   อยากจะบ้าตาย  ใจหายหมด
เบรครถแทบไม่ทัน  ห่างกันแค่ศอกก็ไม่ถึงมั้งเนี่ย
รถจะชนกันละ 
เฮ้อออ   ก็ยังโชคดีที่ไม่เป็นไร 
ใจสั่นตุบๆ   เจอบ่อยๆ ก็บ่อไหวเน้อ
หัวใจจะวายซะให้ได้
ถ้าเป็นโรคหัวใจก็คงช็อคตายไปละก้า
เหนื่อยเน้อ  

เดียวต้องกับไปเรียนต่อละ  ง่วงก็ง่วง
คนสอนก็พูดไม่ค่อยรู้เรื่องเรย 
แย่เรย   แล้วจาเรียนรู้เรื่องมั้ยเนี่ยช้าน

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

โคตรๆๆ

วันนี้เป็นอีกวันที่กวนมึนตรึม
อะไรจามึนได้ใจขนาดนี้
โยนกันเข้ามา
ทับถมกันเข้ามา
มีไรมาให้ทำกันอีก
สงสัยเราท่าจะว่างแยะ
เลยเพิ่มงานมาให้แก้เหงา
โอ...พระเจ้า ช้านจะตายอยู่แล้ว
ภารกิจถ่ายโอนอุตสาหกรรม  งานหินโคตรๆ
แต่ก็ต้องทำ ก็ดีท้าทายดีนี่
ไม่ลองไม่รู้  ทำไป ทำไป
ให้ช้านมีทางไปก่อนนะ  แล้วจารู้สึก  หุหุ
ว่าแต่.... จาไปไหนดีเนี่ย 
มีแต่ปัญหาโลกแตกอะนะวันนี้
เจ็บหัวโคตรๆ
หัวแทบจะระเบิด  เฮ้ออออ    เหนื่อย

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

โอ้ววว

อารายเนี่ย
ตอนนี้มันฤดูไร
หนาวค่ะ
ปรับตัวไม่ถูกแล้ว
หนาวยังกะหน้าหนาว
ใส่เสื้อกันหนาวทั้งวันทั้งคืนเลย
โอ๊ะ โอ

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

เป็นไรอีกเนี่ย

โอ้ยๆๆ จะตายแล้ว
ทำไงดี   ทำไงดี
นอนไม่หลับ 
ปวดหัวโคตรๆๆ
ทรมานจังเป็นแบบนี้ 
สุดๆ แล้ว

น่ากัวอะ

ตั้งแต่เกิดมาเนี่ย
เคยเจอแผ่นดินไหวจิงๆจังๆ แล้วก็แรง สองรอบ
รอบแรกตอนอยู่ที่ทำงานวิ่งกันให้วุ่นเลย
รอบสองอยู่บ้านกำลังจานอนละ
ไรหว่า  บ้านช้านไหวเอนยังกะต้นไม้โดนลมพัด
เสียงกะจกสั่นคลอนทำท่าจะแตกซะให้ได้
ไรเนี่ย น่ากัวสุด ๆ
อยู่ในห้องคนเดียว
แม่กะพ่อวิ่งมาหาถามว่าเป็นไรป่าว
ได้ยินแล้วน้ำตาจะไหล เค้าห่วงเรายิ่งกว่าห่วงชีวิตตัวเอง
แทนที่จะอยู่นิ่งๆ กับวิ่งมาถามว่าเราเป็นไรบ้าง
นอนไม่หลับทั้งคืน ยิ่งทำให้รู้สึกรักพ่อกับแม่ขึ้นกว่าเดิมอีก
ทุกวันนี้ก็รักพ่อกะแม่มากแล้วนะ
ตอนนี้ยิ่งรักเข้าไปกว่าเดิม ถ้าตายแทนพ่อกะแม่ได้  ก็จะยอม

ความรู้สึกตอนนี้เข้าใจแล้วว่าคนญี่ปุ่นเค้ารู้สึกยังไง
มันสุดๆ แล้ว แค่บ้านเราไหวขนาดนี้ยังน่ากัวเลย
แล้วที่ญี่ปุ่นละ  การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่  เข้าใจๆ

รู้สึกว่าจาเครียดแบบไม่รู้ตัว 
ปวดหัวตุ๊บๆ  นอนไม่หลับทั้งคืน
ตั้งแต่แผ่นดินไหวมาละ
ปวดหัวข้างเดียว ทำไงก้ไม่หาย
กินยาแล้ว  พยายามข่มตานอนก็ไม่หลับ
ปวดหัวโคตรๆๆ  ท่าจาได้หาหมออีกรอบแล้วเรา

ปล. ทุกวันนี้รักพ่อกะแม่ที่สู้ด

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

เซ็ง

ในเมื่อมันไม่ใช่ ก็ไม่ต้องเอา
เบื่อจิ้ง

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

ทริปนี้ หลากหลายรสชาด

กับมาถึงตอนตีสึ่ครึ่ง
รีบขนกระเป๋าเข้าบ้าน รีบอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้านอน
ตื่นมาอีกทีสะดุ้งโทรศํพท์ทั้งหลายแหล่
ม่ายรู้ใครเป็นใครโทรหา งัวเงียตื่นมารับ
ม่ายรู้ว่าคุยกะเค้ารู้เรื่องป่าวเพราะง่วงสุดๆ
นอนต่อ  มาตื่นอีกทีพี่บุษโทรหาเรื่องงานประชุมสาธารณสุขพรุ่งนี้
รับทราบแล้วนอนต่อ  ตื่นอีกทีก็เที่ยงครึ่ง 
รีบไปจัดแจงซักผ้ารื้อกะเป๋าของต่างๆ 
เอ้ออ   เหนื่อย

การเดินทางในรอบนี้มีทั้งหนุกทั้งเศร้าทั้งเหนื่อย
สารพัด ปัญหามีไว้แก้ตลอดการเดินทาง
ครบรสเลย  หนุกหนาน  ปนเปกันไป
เสียดายอย่างเดียวอากาศร้อนไปแค่นั้น
ดีนะหยิบร่มกะหมวกไปด้วย มะงั้นแย่เลยช้าน

ตอนนี้เหรอ  รู้สึกว่าเมื่อยล้าไปทั้งตัว
นอนก็ไม่ได้นอนดี อยู่ในรถ ก็ตามสภาพ 
แต่ก็อยู่ได้ไม่ถึงกับลำบากไรนักหนา
อาหารการกินเหรอ   เหอะๆๆ    อาหารกล่องซะเป็นส่วนใหญ่
ขอขอกว่าข้าวแข็งมาก กินแล้วติดคอ กินข้าวคำ กินน้ำคำ 
กินแบบนี้อีกสักวันสองวัน ท่าจะผอม  ไม่ไหว ทรมานค่า

ได้เรียนรู้อารายอีกหลายๆ  อย่าง
การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
การฝึกความอดทน  เก็บอารมณ์ ความรู้สึก
ทำงานกะชาวบ้านก็งี้  ต้องทำใจ  ประชาชนต้องมาก่อนเสมอ
เฮ้ออออ  คิดแล้วเศร้า
แต่ก็ช่างมัน ไหนๆ  มันก็ผ่านไปแล้ว ย้อนมันกลับมาคงไม่ได้

ถ้าเป็นไปได้อยากไปอีกรอบ
แต่ขอไปกะครอบครัวดีกว่า หนุกหนานกว่ากันแยะ
ไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้ อยากทำไรก็ทำ  อยากแวะไหนก็แวะ
อยากกินไรก็กิน 
แหะๆ ๆ  คงเบื่อข้าวกล่องไปอีกนาน

อยุ่ชะอำสองคืน เที่ยวกันสองคืนเลย
เที่ยวกันพอหอมปากหอมคอ  กับที่พัก เล่นน้ำเต้าปูปลากันต่อ
ตามด้วยไพ่บ็อกกัน ไอ้เราก็เล่นไม่เป็นสักอย่าง
ให้มันได้อย่างนี้ซิ   เล่นไม่เป็นแต่อยากเล่น เป็นภาระพี่หนุงต้องคอยมาดูไพ่ให้อีก
5555   แต่ก็หนุกไปอีกแบบนะเนี่ย 
เล่นตั้งแต่ห้าทุ่ม ยันตีหนึ่ง 
ลงทุนไป 22  บาท  ได้กำไรเห็นๆ   ตั้ง 40   บาท
 แบบนี้ท่าจะไม่รอดแน่ ๆ  5555

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

การให้ทาน

"ใจนี้แหละ"

เหตุใดโลกทุกวันนี้จึงรุ่มร้อน

ถาม เพราะเหตุใดโลกทุกวันนี้จึงรุ่มร้อน มีแต่จะแก่งแย่งชิงดีกัน

รบราฆ่าฟันกันตลอดเวลา แม้ธรรมชาติก็พลอยเป็นใจ

ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือเวลาตกก็ตกเสียจนเกินพอดีจนน้ำท่วมเป็นต้น

ผู้คนล้มตายกันทีละมากๆ ด้วยภัยนานาประการ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น


ตอบ ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

เมื่อใดที่คนในโลกเป็นคนมีศีลธรรม โลกนี้ก็สงบร่มเย็นเป็นสุข

แม้ธรรมชาติก็อำนวยแต่ประโยชน์สุขทุกอย่าง

แต่เมื่อใดที่คนในโลกมีอกุศลหนาแน่น

เมื่อนั้นโลกนี้ก็จะร้อนเป็นไฟด้วยอำนาจของอกุศล

ทำให้เกิดการรบราฆ่าฟันกันทั่วไป และเมื่อถึงกลียุค

คนก็จะเห็นกันว่าเป็นสัตว์

ไม่คำนึงว่าใครเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่เป็นน้องเป็นญาติมิตร

จะจับอาวุธเข้าฆ่าฟันกัน


ดังที่ผู้ใหญ่ท่านเรียกว่าเป็นแดนมิคสัญญี

ปัจจุบันนี้ก็เริ่มๆ จะใกล้ยุคนั้นเข้ามาแล้ว

เพราะดูผู้คนโหดเหี้ยมผิดปกติ แม้แม่ก็ฆ่าลูกได้ง่ายๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้นก็หนีไม่พ้นเรื่องของกิเลสอกุศลไปได้

เพราะยิ่งกิเลสหนาแน่นเท่าไร ผู้คนก็ขาดศีลธรรมมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อผู้ใดไม่มีศีลธรรม สิ่งร้ายๆ ทั้งหลายก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

แม้ธรรมชาติก็พลอยซ้ำเติมให้ทุกข์ยากลำบากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้เพราะอกุศลวิบากของคนเหล่านั้น

จึงทำให้ได้รับแต่สิ่งที่ไม่เจริญใจ

จะนับว่าเป็นกาลวิบัติก็เห็นจะไม่ผิด

เพราะทุกอย่างแทบจะวิบัติไปหมดสิ้น


สรุปว่า ไม่ว่าคนหรือธรรมชาติที่ผิดปกติอยู่ทุกวันนี้

เพราะผู้คนในปัจจุบันส่วนใหญ่มีอกุศลหนาแน่นนั่นเอง

เห็นด้วยอย่างยิ่ง

สู้ๆๆ

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

อากาศดี้ ดี

มีฝนปรอยๆ 
ไม่ร้อน ไม่หนาว
กำลังดีเลย
อยากให้เป็นแบบนี้ทุกวัน
น่าจะโอนะเนี่ย

..♥ "ความรัก" เหมือนอะไรนะ..♥..





















-“ความรักเหมือนลูกอม” ตัวคุณเองก็รู้ว่ามันทำให้ฟันผุ แต่ด้วยรสชาติที่หวานและสีสันที่น่าทาน ทำให้ฟันของคุณต้องหลุดออกจากปากไปหลายซี่ แต่กระนั้นรสชาติของมันไม่เคยทำให้คุณเลิกได้เลย

-“ความรักเหมือนยาขม” อันนี้ได้ยินมานานแล้ว เวลาที่ร่างกายเราป่วยอาการหนัก จำเป็นที่จะต้องกินมันเข้าไป ทั้งๆที่รู้ว่ามันขมแต่มันรักษาอาการป่วยได้ผลชะงัดน ัก

-“ความรักเหมือนกาแฟ” นี่ยากหน่อย สำหรับคนที่มีอายุหรืออยู่ในช่วงวัยทำงานจะเข้าใจเป็ นอย่างดีถึงความจำเป็นและเสน่ห์ของมัน กาแฟมีหลายยี่ห้อ และหลายรูปแบบอยู่ที่รสนิยมของผู้ทานว่าต้องการปรุงแ ต่งให้มันอยู่ในรสชาติไหน


-“ความรักเหมือนข้าวสวย” หากคุณมีกับข้าวแสนอร่อย ที่คุณโปรดและน่าทานทุกอยู่บนโต๊ะชีวิตของคุณ แต่หากขาดข้าวสวยหอมกรุ่นสัก 1 จานลองคิดดูว่ากับข้าวของคุณมันจะอร่อยได้มากสักแค่ไ หน

-“ความรักเหมือนแมวเหมียว” หากคุณดันไปข้างหน้า มันจะฝืนไปข้างหลังหากคุณกดตัวมันลง มันจะพยายามยืนขึ้น แต่ถ้าหากคุณอยู่เฉยๆมันจะมาอ้อนคุณเอง


-“ความรักเหมือนน้ำแข็ง” หากคุณเป็นไอเย็น มันก็จะยังคงรูปการเป็นน้ำแข็งตราบนานเท่านาน แต่เมื่อใดที่คุณเป็นไอร้อน มันจะละลายกลายเป็นของเหลวและค่อยๆละเหยไปในที่สุด


-“ความรักเหมือนรถแท๊กซี่” สามารถพาคุณไปได้ทุกที่หมาย ราคาจะเริ่มต้นเมื่อคุณเริ่มกำหนดจุดหมาย คุณจะไปในระยะทางที่ใกล้หรือไกล ก็ดูเงินตัวเองแล้วกัน


-“ความรักเหมือนระบบราชการ” อยากจะทำอะไรก็ยื่นหนังสือหรือคำร้องไปล่วงหน้านะ แล้วกลับบ้านไปนอนรออีก 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ (อันนี้ล้อเล่นๆ)


-“ความรักเหมือนหมากฝรั่ง” ตอนเคี้ยวแรกๆก็หวานดี แต่นานเข้าจืดสนิท
-“ความรักเหมือนวัตถุโบราณ” หากแต่อายุใช้งานยิ่งนานเท่าไหร่ค่าของมันก็จะสูงมาก ขึ้นเท่านั้น

+ + ว่าแต่ว่า ความรัก ของคุณ เหมือนอะไร บอกกันมาบ้างดิ่ + +

รักตัวเอง กับ หลงตัวเอง

ทุกวันนี้ เรา "รักตัวเอง" เป็นหรือเปล่า คนที่ "รักตัวเอง" เป็น จะ



1. มีความหวังดีต่อตนเอง พยายามพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้น ดีขึ้น ไม่ทำตัวในทางเสื่อมเสีย

2. มีความยับยั้งชั่งใจ ไม่ประพฤติสิ่งผิด ไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน

3. รู้จักการปล่อยวาง คือยอมรับผลที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราทำดีสุุดความสามารถแล้ว

4. ให้อภัยตนเองได้้ เมื่อดำเนินชีวิตผิดพลาดและเรียนรู้ที่จะไม่ทำผิดในครั้งต่อไป
 
การรักตัวเอง ไม่ใช่การปรนเปรอตัวเองด้วยการเสพวัตถุ ไม่ใช่การช่วงชิงทรัพยากรจากคนอื่นเพื่อประโยชน์ของตน


การรักตัวเอง เป็นการพัฒนาคุณค่าจาำกภายใน มองดูตัวเองแล้วชื่นใจ พูดจายกย่องตัวเองได้ เพราะเ็ห็นว่าตัวเราเองมี "ดีและเก่ง" อะไรบ้าง

ที่สำคัญต้องก่อประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย ความนับถือและความศรัทธาจึงจะตามมา

ท่านพุทธทาสใช้คำว่า "ยกมือไหว้ตัวเองได้"

คำว่า "รักตัวเอง" กับ "หลงตัวเอง" แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง



1. คนรักตัวเองรู้มาก แต่พูดน้อยเท่าที่จำเป็น

คนหลงตัวเองรู้น้อย แต่ชอบคุยโม้โอ้อวดเพื่อกลบเกลื่อนความไร้สามารถในเรื่องอื่นๆ

2. คนรักตัวเองเห็นความดีและความสามารถทั้งของตัวเองและผู้อื่น พูดชื่นชมคนอื่นทั้งต่อหน้าลับหลัง

คนหลงตัวเองชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น หยิบยกความผิดของคนอื่นมาบดบังความชั่วร้ายของตนเอง

3. คนรักตัวเองเห็นความบกพร่องของตนเอง และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข

คนหลงตัวเองมองข้ามความบกพร่องของตัวเอง แต่เชี่ยวชาญในการจับผิดเรื่องของคนอื่น

4. คนรักตัวเองมีความเห็นอกเห็นใจคนที่ด้อยกว่า อยากช่วยเหลือ

คนหลงตัวเองถนัดในการซ้ำเติมความผิดของผู้อื่น ชอบเอาปมด้อยคนอื่นมาล้อเลียน

5. คนรักตัวเองมีมุทิตาจิต เมื่อเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จก็ชื่นชมยินดี

คนหลงตัวเองช่างอิจฉาริษยา เห็นคนอื่นได้ดีแล้วตัวเองเจ็บปวด

6. คนรักตัวเองอ่อนน้อมถ่อมตน สุภาพ ให้เกียรติผู้อื่น

คนหลงตัวเองมักก้าวร้าว เย่อหยิง ยโสโอหัง พูดจาขวานผ่าซาก ไม่รักษาน้ำใจคน

7. คนรักตัวเองอยากเรียนรู้จากคนอื่นในเรื่องที่ตนเองยังไม่รู้ เปิดใจรับฟัง

คนหลงตัวเองชอบทำตัวเหนือกว่าคนอื่น รับไม่ได้ว่าคนอื่นเก่งกว่าเราในบางเรื่อง

8. คนรักตัวเองจะแก้ไขปัญหาอย่างสันติและสร้างสรรค์

คนหลงตัวเองมักใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา

9. คนรักตัวเองมีความเสียสละ คิดถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นหลัก

คนหลงตัวเองเห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบผู้อื่นเมื่อมีโอกาส

10. คนรักตัวเองเป็นแหล่งกำเนิดของความสุขแก่ผู้ใกล้ชิด ได้ฟังมธุรสวาจา

คนหลงตัวเองเป็นมลพิษของคนรอบข้าง ใครอยู่ใกล้มักอึดอัด รำคาญ ได้ยินแต่เรื่องร้ายๆ

11. คนรักตัวเองมีรัศมีแห่งความเมตตา

คนหลงตัวเองมีรังสีอำมหิต



ไม่ควรรู้สึกด้อยเมื่อเจอคนเก่งกว่า ควรจะมองว่าคนเราเก่งคนละด้าน มีความสามารถแตกต่างหลากหลาย


การรู้สึกว่าตัวเองแย่ เลยต้องคอยหา "ข้อลบ" ของคนอื่น

เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเอง "เหนือกว่า" ไม่เคยมองเห็น "ข้อบกพร่อง" ของตนเอง

ที่สุดแล้วก็ไม่มีการพัฒนา...

มีแต่ปัญหาทะเลาะกัน เพราะการรักตัวเองไม่เป็นทั้งนั้น


นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล
จากนิตยสาร in magazine คอลัมน์ in love ฉบับวันที่ 10 ก.พ. 255

สู้ๆ ๆ

เพราะว่ามันคือ....
แรงผลักดัน และกำลังใจ
ช้านต้องผ่านมันไปให้ได้
สัญญา
เราต้องสู้ 
สู้ๆๆ 
สู้โว้ย 
ว่าแต่...
จาสู้ได้นานแค่ไหน
กัวอย่างเดียว
กัวไอ้โรค ขี้ค้านนี่แหละ
แฮะๆๆๆ 
จาพยายาม

วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554

โปรแกรมพรุ่งนี้

ซักผ้ากองโต
เก็บกวาดห้อง
รีดผ้าสองตระกร้า
แล้วที่ยังมะได้ซักอีก  เหอะๆๆๆ
อาบน้ำน้องหมาสี่ตัว
แค่นี้สายธารก็จะตายอยู่แล้ว
เหนื่อยๆๆ  ๆ
แต่ก็ต้องทำ
เพราะมันเป็นงานของเรา
สู้ๆๆ

วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

ลองอ่านดู

อำนาจ

อำนาจ  คือ  ความสามารถที่จะให้ใครทำอะไรในสิ่งที่ตนเองต้องการ   การเมืองเป็นกิจกรรมที่จะทำให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยตรง  การที่บุคคลเข้ามาอยู่ในองค์การ    ซึ่งเป็นระบบของความร่วมมือกันในทางกิจกรรมการเมืองเป็นเรื่องของการต่อรองเพื่ออำนาจของกันและกันเป็นเวลาหลายปีล่วงมาแล้ว         อำนาจ   ดูจะเป็นปัจจัยหลักของการใช้ภาวะผู้นำองค์การไม่อาจจะดำเนินการได้ตามหน้าที่   
ถ้าไม่มีการใช้อำนาจเพื่อให้บุคลากรทำงาน  อำนาจเปรียบประดุจดังเชื้อเพลิง    อำนาจเป็นตัวพลังที่ทำให้กลไกขององค์การดำเนินต่อไปผู้บริหารไม่อาจทำหน้าที่ได้ถ้าปราศจากอำนาจที่จะสั่งการ 
เปรียบประดุจหุ่นไล่กาทีเดียว  ผู้บริหารใช้อำนาจควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทรัพยากรในการปฏิบัติงานให้เขาเหล่านั้นทำงานให้บรรลุเป้าหมาย

แก่นแท้ของภาวะผู้นำก็คือ  อำนาจ  ภาวะผู้นำถ้าปราศจากซึ่งอำนาจ     ภาวะผู้นำก็จะไม่มีอะไรทำให้ผู้นำแตกต่างจากบุคคลที่ไม่มีภาวะผู้นำ  สิ่งนั้นก็คือผู้นำมีความสามารถที่จะมีอิทธิผลเหนือผู้อื่นได้  สิ่งนั้นก็คืออำนาจนั่นเอง ผู้บริหารอาจใช้อำนาจที่เป็นทางการเพื่อหาอาสาสมัครหรือไม่ใช่อาสาสมัครหรือได้รับการยินยอมจากผู้ใต้บังคับบัญชา   

"อีกหนึ่งปัจจัยที่ยังไม่ได้กล่าวถึง แต่เป็นปัจจัยที่สำคัญในการที่สร้างอำนาจได้ทั้ง 2 แบบคือ ชอบด้วยหน้าที่ (legitimate) ด้วยตำแหน่งที่เป็นอยู่ ทำให้คนยำเกรงในอำนาจในการกำหนดขอบเขตต่างๆ ในขณะเดียวกัน การวางตัวที่ดี อยู่ในทางสายกลาง ก็ทำและขอให้สิ่งที่สมเหตุสมผล และสมควรได้"


เพราะการเรียนรู้เรื่อง "อำนาจ" ไม่ได้เรียนกันง่ายๆ เพียงวันเดียว ยิ่งเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับ "การใช้อำนาจ" ด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้กันทั้งชีวิต
เพราะ "อำนาจ" ไม่ได้มากันง่ายๆ

แต่เมื่อมาแล้ว ก็ต้องใช้ให้เป็น ?

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

แบบนี้เข้าท่านะเนี่ย

ความรักก็เหมือนน้ำเปล่า ถึงไม่มีรสชาติแต่ก็ขาดไม่ได้

ความรักก็เหมือนน้ำเปล่า ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้
ความรักก็เหมือนน้ำเปล่า บางครั้งเราก็ต้องการมากแต่บางครั้งมันก็น่าเบื่อ
ความรักก็เหมือนน้ำเปล่า มันทำให้เรารู้สึกสดชื่นและมีกำลังใจจะทำอะไรต่อ
ความรักก็เหมือนน้ำเปล่า มันอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรแต่มันมีอิทธิพลต่อชีวิตเรามาก
ความรักก็เหมือนน้ำเปล่า อาจจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ความสำคัญกับชีวิตเรามาก
ความรักก็เหมือนน้ำเปล่า น้อยไปก็กระหาย มากไปก็เอียน
ความรักก็เหมือนน้ำเปล่า ยิ่งห่างเหินมันนานเท่าไร ยิ่งกระหายมันมากเท่านั้น


ใครจะ "ขัดขวาง" ความรัก คงจะไม่สำเร็จอย่างที่คิด

ใครจะ "ตัดใจ" จากความรัก คงจะทำไม่ได้เช่นกัน

หรือใครที่คิดจะ "ลืม" ความรักล่ะก็ ไม่มีทาง เหมือนกับน้ำเปล่า


คุณลืมน้ำเปล่าได้หรือ ?

และอย่าเข้าใจว่า ความรักคือน้ำหวาน หรือน้ำอัดลมซ่าๆ

มันจะเป็นเพียงแค่น้ำเปล่าเท่านั้น


ถ้ามันเป็นรักแท้ ต่อให้เป็นน้ำเปล่า ก็มีคุณประโยชน์เทียบเท่าน้ำหวาน

หรือมากกว่าน้ำอัดลมเสียอีก

ถึงมันจะไร้น้ำตาลซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพลัง แต่น้ำเปล่า

มันแทบไม่มีผลเสียเลย มันรักษาคุณค่าเอาไว้ได้ดีกว่าน้ำใดๆ



น้ำเปล่า เจอกับเกลือ มันก็ละลายเกลือ

เหมือนกับรักแท้ คนที่รักคุณจริงๆ เมื่อคุณเจอกับความทุกข์

เขาก็จะพยายามรับความทุกข์จากคุณไว้ให้มากที่สุด


... แล้ววันนี้คุณล่ะ ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำหวานอยู่ ?? ...

วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2554

เบื่อไม่มีวันหมด

เบื่อนะ
เป็นๆ  หายๆ 
เป็นหวัด ไอ  เนี่ยะ
มาสองเดือนเห็นจะได้แล้วมั้ง
ไม่หายสักที
ทำไงดีน้อ
หาหมอก็ฉีดยาจนตัวบวมหมดแล้วเนี่ย
น้ำหนักก็ขึ้น
ตอนนี้กลายเป็นหมูน้อยไปแล้ว
แต่ก็ยังเป็นน้องหมู รองจากพี่หมูไก่  หุหุ
พี่ไก่อะ  ตุ้ยของจริงเลย
ก็พี่แกเล่นกินทั้งวันไม่หยุดปากเลยนิ
จาลดท่าจายาก
เอ้อออ
สงสัยเราก็ต้องทำใจบ้างแล้ว 
ช้านจะกลายเป็นหมูน้อยอีกคนแล้วเหรอ 
ไม่อยากจาคิดเรยยย

เรียนรู้และเข้าใจ (น่ารักจัง)