วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2554

คิดถึงนะ

เก็บของเสร็จแล้ว
เตรียมตัวเดินทางต่อ
วันนี้จะไปงานศพเก๋
ความจริงก็นอนตั้งแต่ยังไม่สี่ทุ่มแล้ว
แต่มีความรู้สึกว่าต้องตื่นละ
ปวดหัว ปวดท้องมาสองวันละ ไม่รู้เป็นไร
ไปหาหมอก็คงได้ยาชุดเดิมๆ สู้ไม่ไปคงดีกว่า
ไม่อยากได้ยา เบื่อกับการกินยา

นั่งอ่านข้อความในเฟสที่พี่เอกเขียนให้เก๋
อ่านไปน้ำตามันก็ไหลไป
หวนคิดถึงตอนเราเด็กๆ   นอนด้วยกันกินด้วยกัน
ไปเที่ยวด้วยกัน
มีพี่ดา พี่มี เก๋ ดวน เข็ม ขวัญ เราหกคนพี่น้อง
ชอบเข้าไปเล่นในป่ากลางทุ่งนาด้วยกันเสมอ
ไปเก็บของป่า ไปหาของป่าเล่น ไปเล่นซ่อนแอบกันบ่อยๆ
พอโตมาได้หน่อย ก็แยกย้ายกันไปเรียน
เก๋ ดวนก็ย้ายไปภูเก็ต ตามด้วยไปเรียนทำงานแล้วก็แต่งงานมีครอบครัวอยู่กรุงเทพ
ส่วนพี่ดา  กับพี่มี ก็แต่งงานแล้วย้ายไปทำงานภูเก็ต 
ทิ้งให้น้องสองคน เข็มกับขวัญ  อยู่กันที่เชียงราย
แต่ตอนนี้ ก็เหลือเข็มคนเดียว  เจ้าขวัญน้องชายคนเล็กก็ไปอยู่เชียงใหม่
ทิ้งให้เข็มอยุ่เชียงรายคนเดียวทุกคนไปอยู่ที่อื่นๆ  กันหมด
เอ้ออ   คิดถึงวันเก่า   เหงา   อยากย้อนเวลาได้จัง

เย็นๆเข็มกะคนทางเชียงรายและน่านก็ถึงละ
จะไปเยี่ยมและไปส่งเก๋เป็นครั้งสุดท้าย
ตอนนี้แม้ว่าเก๋จะไม่อยู่กะเราแล้ว
แต่ก็แค่ตัวเท่านั้นแหละ
เก๋จะอยู่ในใจพวกเราเสมอ
ยังรักและคิดถึงตลอดเวลา
ขอให้เก๋หลับให้สบาย
รักเก๋นะ 

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ผู้ถูกนินทาพึงมี"เหตุผล"


คำนินทาใดๆ ไม่อาจทำคนดีให้เป็นคนไม่ดีไปได้

คนจะดีก็เพราะกรรม คนจะเลวก็เพราะกรรม

หาใช่จะดีเพราะสรรเสริญ หรือจะเลวเพราะนินทาก็หาไม่

ควรถือความจริงนี้เป็นสำคัญ และ

อย่าทำหรือไม่ทำอะไรเพราะกลัวนินทา

หรือเพราะปรารถนาสรรเสริญ

อย่าทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่แม้เพียงสงสัยว่าเป็นกรรมไม่ดี

แต่จงทำอะไรก็ตามทุกอย่างที่พิจารณาแล้วตระหนักแน่ชัด

ว่าเป็นกรรมดีเท่ากัน แม้ว่าการทำกรรมดีจะมีผู้นินทา



นินทานั้นไม่มีโทษแก่ผู้ถูกนินทาเลย

ถ้าผู้ถูกนินทาไม่รับ คือไม่ตอบ เช่นเดียวกับผู้ถูกด่าไม่ด่าตอบ

ผู้ถูกขู่ไม่ขู่ตอบ ผู้ถูกชวนวิวาทไม่วิวาทตอบ

แต่คำนินทาว่าร้ายทั้งจะตกเป็นของผู้นินทาทั้งหมด

ผู้นินทาคือผู้ทำกรรม ซึ่งเป็นกรรมไม่ดี

ไม่ว่าผู้ถูกนินทาจะรับหรือไม่รับก็ตาม

ผู้นินทาย่อมได้รับผลไม่ดีแห่งกรรมไม่ดีของเขาอย่างแน่นอน



ดังนั้นแม้เมื่อถูกนินทาแล้ว ก็ให้คิดว่าผู้นินทาเรา

ได้รับการตอบแทนแล้ว คือได้รับผลของกรรมไม่ดี



ซึ่งจะส่งผลให้ปรากฏช้าหรือเร็วเท่านั้น

ผลของกรรมไม่ดีนั้นแหละได้ตอบแทนเขาผู้นินทาแล้ว



เราไม่มีความจำเป็นต้องตอบแทนแต่อย่างใด

ความเชื่อในเรื่องกรรม และผลของกรรมมีคุณอย่างที่สุด

ผู้ใดทำกรรมไว้จักได้รับผลของกรรมนั้น



ความเชื่อเช่นนี้จักทำให้ไม่คิดร้ายตอบผู้คิดร้าย

เป็นการระงับเวรภัยไม่ให้เกิดแก่ตน

เป็นการป้องกันตนมิให้ทำกรรมไม่ดี

ทั้งทางกายวาจาและใจ

โดยมุ่งให้เป็นการแก้แค้นตอบแทน

ผลจักเป็นความสงบสุขแก่ตนและแก่ผู้อื่นด้วย

สิ่งที่ดีที่สุด คือตัวเรา

เศร้า

เป็นข่าวร้ายที่ไม่อยากได้ยิน
พี่เก๋เสียแล้ว
ความจริงเราก็รู้ๆ กันอยู่ว่า
พี่เก๋ป่วยมาเป็นปีแล้ว
แต่มันเร็วยังไม่ทันตั้งตัวกันเลย
อาทิตย์ก่อนเรายังไปหาคุยกันจ้อเลย
เหมือนกับว่าพี่เก๋จะยังไม่หายไปไหน
พี่เก๋บอกว่า อยากเห็น เอมิล ใส่ชุดนักเรียน
รู้ว่าห่วงลูก  เราคนข้างหลังจะดูแลหลานเป็นอย่างดี
แค่พี่เอกคนเดียวก็เกินพอแล้ว
ทุกวันนี้พี่เอกก็ดูแลพี่เก๋น้องเอมิลเป็นอย่างดี
ดีมาก ดีที่สุด ทุกคนเห็นพ้องต้องกัน
ถ้าผู้ชายทุกคนรักครอบครัวเหมือนพี่เอก
ดูแลเอาใจใส่คนในบ้าน ไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ก็คงจะดีนะ ขอให้รักษาความดีแบบนี้ต่อไป

ต่อไปนี้เราคงได้แต่ระลึกถึงความดีของพี่เก๋
ดูภาพถ่ายกัน ที่เราเคยถ่าย
คิดถึงภาพเก่าๆ  สมัยเราเป็นเด็ก
วิ่งเล่นกันในทุ่ง ในป่า
หาของป่า ทำกับข้าวในป่ากินกัน
(บ้านเราชนบทสุดๆ  แฮะๆ  เพราะในหมู่บ้านล้อมรอบไปด้วยทุ่งนา
แล้วก็ป่าเขา  แต่บัดนี้ มีแต่หมู่บ้านจัดสรรไปแล้ว ภาพเก่าๆ  ที่เคยผ่านมา
มันก็จะยังอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป )
ขอให้พี่เก๋ พี่สาวคนสวย พี่สาวที่รัก หลับให้สบาย
อย่าได้เป็นกังวล คนข้างหลังจะรักและคิดถึงพี่ตลอดไป

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

ไม่เข้าใจ

ทำไมมันน่าเบื่ออย่างนี้ก้มะรู้  เฮ้อออ
อาราย  ๆๆ   ก็กรู  เซ็งสุดๆ 
เซ็งอย่างบอกไม่ถูก
ทำไรกันเองมะเป็นแล้วเหรอ
จะบ้าตาย

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

เราจำเป็นต้องอบรมใจ

ฆ่าอะไรหนอจึงอยู่เป็นสุข

เทวดานั้น ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว


ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า



ฆ่าอะไรหนอจึงอยู่เป็นสุข

ฆ่าอะไรหนอจึงไม่เศร้าโศก

ข้าแต่พระโคดม พระองค์ชอบฆ่าอะไรซึ่งเป็นธรรมอันเดียว ฯ


พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า


ฆ่าความโกรธเสียได้จึงอยู่เป็นสุข

ฆ่าความโกรธเสียจึงไม่เศร้าโศก แน่ะเทวดา

พระอริยเจ้าทั้งหลาย สรรเสริญการฆ่าความโกรธ

ซึ่งมีรากเป็นพิษ มียอดหวาน

เพราะฆ่าความโกรธนั้นเสียแล้วย่อมไม่เศร้าโศก ฯ



ที่มา ThummaOnline

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

เหนื่อยจังวู้

นี่ขนาดทำโอวันแรกนะเนี่ย
ยังต้องทำอีกทั้งอาทิตย์
ช้านจะไหวป่าวก็ยังมะรู้เรย
ไงก็ต้องไงแหละน้าาาาาทำไงได้ มนุษย์เงินเดือนนี่นา
สองทุ่มถึงบ้าน   ตอนเช้าออกบ้านเจ็ดโมงครึ่ง
พระเจ้า ให้มันได้อย่างนี้  ต้องทนอีกตั้งสี่วันแหนะ 
ไม่อยากทำนะ แต่จำใจ งานมันแยะ เอ้อออ  เหนื่อย สู้ๆๆ
ยังสู้ไหว

แต่ว่า แค่นี้เดินก็จาไม่มีแรงอยู่แล้วเนี่ย
ง่วงชิปเลย ข้าวปานี่ท่าจาไม่กินแระ  ไปอาบน้ำนอนดีฝ่า
เพลียสุดๆ  วันนี้ 
ขอไปนอนเอาแรง พรุ่งนี้ลุยต่อ  ต้องไหวดิ 
เข็มซะอย่าง   คิคิ

ธาตุแท้ของสิ่งต่างๆ

ธาตุแท้ของสิ่งต่าง ๆ




ลองสังเกตธรรมชาติรอบ ๆ ตัวเรา..

แล้วเราจะพบว่า..

ในธรรมชาติเหล่านั้น..

ได้แฝงปรัชญาข้อคิดในการดำเนินชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี..



น้ำใส..กลายเป็นน้ำขุ่น..

เพราะมีวัตถุอื่นมากระทบ..ก่อกวน..ฉันใด



เปรียบเหมือน..จิตใจของคนเรา..ที่ขุ่นมัว..เศร้าหมอง..

ก็เพราะมีกิเลสมาก่อกวน..หมักหมม..ฉันนั้น



ธาตุแท้ของน้ำ คือ..ความใสสะอาด..

แต่ธาตุแท้ในจิตใจของคน คือ..ความสงบ..



ธาตุแท้ของแฟ๊บ,สบู่ คือ..ชำระความสกปรกภายนอกร่างกาย

แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..เพิ่มความสะอาดภายในจิตใจ



ธาตุแท้ของไฟ คือ..เผาไหม้เชื้อเพลิง

ธาตุแท้ของไฟกิเลส คือ..เผาไหม้จิตใจ..

แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..ดับกิเลสความเร่าร้อนในจิตใจ..



ธาตุแท้ของลม คือ..พัดพายุนำความเสียหายมาให้..

แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..พัดความชุ่มเย็นเข้ามาในชีวิต..



ธาตุแท้ของดิน คือ..ความคงทนไม่หวั่นไหว..

แต่ธาตุแท้ของจิตใจ คือ..ความไม่หวั่นไหวและมั่นคง..



ธาตุแท้ของความจน คือ.. มีไม่พอ

ธาตุแท้ของความรวย คือ..พอไม่มี

แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..พอมี พอเป็น พออยู่ พอได้ และพอเพียง



ธาตุแท้ของความทุกข์ คือ.. ทุกข์มันมาก..สุขจึงน้อย..

ธาตุแท้ของความสุข คือ..ทุกข์มันน้อย..สุขจึงมาก..

แต่ธาตุแท้ของธรรมะ คือ..สุขไม่มี ทุกข์ไม่มี ปล่อยวาง..ว่างเปล่า..เบาสบาย



ดังนั้น..

ธาตุแท้ในจิตใจ..ของเรา..ก็เหมือนกัน..จะใสสะอาด..

เบาสบาย..ไม่เป็นทุกข์ได้..

ก็เพราะมีธรรมะชำระล้างจิตใจ..


ที่มา ThummaOnline

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้อคิดเมื่อเริ่มเบื่อหน่าย





เศร้า

หมอบอกว่า พี่เก๋จะอยู่กะเราได้อีกแค่ไม่เกินสอง/สามเดือน
เพราะตอนนี้เนื้อร้ายกระจายไปทั่วแล้ว
ได้แต่รักษาไปตามอาการ แต่ถ้าให้ยามากไปก็กัวพี่เก๋รับไม่ไหว
ทุกคนได้แต่ร้องไห้ มีแต่พี่เก๋คนเดียวที่ยิ้ม แล้วบอกกับทุกคนว่า
ทุกคนก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ตอนนี้มีอยู่อย่างเดียวอยากเห็น
เอมิลใส่ชุดนักเรียน เอมิลจาเปิดเทอม18 พ.ค. นี้  คงทันได้เห็นอยู่
นอกจากนี้ไม่ห่วงไรแล้ว รู้ว่าพี่เอกดูแลทุกคนได้ 
พี่เอกทำได้อยู่แล้ว เพราะที่พี่เอกทำทุกวันนี้  ทุกคนก็เห็นแล้วว่า
พี่เอกดีที่สุดในโลก  จะมีผู้ชายอีกสักกี่คนที่ดีแบบพี่เอก
ไม่กินไม่ดื่ม ไม่เที่ยว  รักครอบครัวเป็นที่หนึ่ง
หน้าที่การงานการเงินก็ดี  แค่นี้ทุกๆคนก็รักพี่เอกแล้ว

แต่ตอนนี้ทุกคนรักพี่เก่  ไม่อยากให้พี่เก๋จากไปไหน
แต่ก็ต้องทำใจกันให้ได้ 
สงสารก็แต่เอมิล  ยังเล็กอยู่เลย
เดือนหน้าไม่รู้ว่าจาได้ไปหาป่าวเนี่ย
อยากไปเยี่ยม  คิดถึงพี่เก๋นะ
ถ้าไม่ติดไรเข็มจาไปหา  เพราะมีวันหยุดแยะ 
ไงก็ทำใจให้สบายอย่าคิดมาก
ไม่ต้องเครียดนะ  รักและคิดถึงมากๆ 
ฝันดีจ้าพี่สาวที่รัก

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ปี๋ใหม่เมืองมาถึงแล้ว

ทำงานวันสุดท้ายก่อนที่จาหยุดพักยาวห้าวันรวด
เอ...  มะช่ายดิ พรุ่งนี้เราก็ยังต้องไปทำงานอีก
แต่ทำนอกสถานที่  มีแข่งทำลาบในงานป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง
สถานที่เหรอ ที่เดิมสวนตุงและโคมฯ 
แต่ก็คงไม่น่าจะทำทั้งวัน 

ในห้องกินกันตั้งแต่บ่ายแระ
ไอ้เราเหรอ  นั่งทำงานงกๆ   งานเต็มโต๊ะเลยแหละ
กว่าจาเคลียร์ให้เสร็จได้ก็ปาเข้าไปบ่ายสาม
ไม่รู้จามีประชาชนมาใช้บริการอารายกันแยะเอาตอนวันนี้ก็มะรู้
พอทำไรเสร็จก็ไปนั่งกินกะพี่ๆ  
แวะไปห้องนั้นห้องนี้  ปีนี้แต่ละห้องไม่ค่อยกินกันมีแต่ห้องเรานี่แหละ  เสียงดังกว่าห้องอื่น
แล้วก็หนุกหนานกว่าทุกๆ  ปี  เพราะปีนี้อ้ายนูเอาเครื่องเสียงชุดใหญ่มาตั้ง
เสียงดังโคตรๆ  เลยในห้อง  คุยกันมะรู้เรื่องหูแทบแตก 
ไม่ไหวๆๆ   นั่งกินกันสักพัก ก็ชวนกันไปนั่งหลังรถแล้วเอาน้ำใส่ถัง
ขับรถวนในเมือง  ไปดูชาวบ้านเค้าเล่นน้ำกัน หนุกมาก
ตัวงี้สั่นยังกะลูกนก   เปียกยังกะลูกหมาตกน้ำ
เป็นปีแรกนะที่ไปเล่นน้ำแบบนี้กะพี่ๆ  เค้า
เพราะทุกปีเราจะกับบ้านก่อนตลอด   ปีนี้ทนคำบ่นไม่ไหวเลยต้องไปด้วย
แต่ก็หนุกดี  กับบ้านเกือบทุ่มแหละ  สภาพงี้ดูไม่ค่อยได้
ต้องรีบอาบน้ำสระผมอย่างด่วน   เป่าผมให้แห้งแล้วนอนเลย
ไม่ไหว  เพลียมากๆ

นอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องทำงานอีก
ฝันดีจ้า

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ใกล้แล้วสงกรานต์

ทำงานอีกสองวันก็จาพักยาวแร้ว
แต่ก็คงไม่ได้ไปไหน
คงเที่ยวแถวๆ บ้านนี่แหละ
มีแต่คนชวนเที่ยว ว่าไปนั่นละ  ชวนก๊งเหล้าละไม่ว่า
ทำยังกะช้านกินเหล้าเก่งงั้นแหละ  เหอะๆ ๆ
ม่ายรู้สงกรานต์นี้จาเป็นไงบ้าง  หนุกเหมือนทุกปีอะป่าว

เฮ้อออ  เป็นไรหว่า บอกไม่ถูกอะ ไม่รู้เป็นไร
ไม่มีกะจิตกะใจทำไรเลย เพลียๆ ไงมะรู้
ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยเนี่ย  เป็นไรละช้าน 

เบื่อจิง จิง

วันนี้เป็นวันอาราย    ทำมายดูช่างน่าเบื่ออย่างนี้
คนอื่นๆ  ก็ไม่อยู่บ้าน ไปหนายกันหมดก็มะรู้
อยู่คนเดียว เหงาจัง

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

งานใหม่ หนักอึ้งเลย

วันนี้เริ่มปฏิบัติการงานใหม่
อุตสาหกรรมโรงงาน
แทบอ๊วกนะ  แต่ก็ยังพอไหว
ถูๆ ไถๆ  ไปได้ 
งมๆ ไป ก็โอทำได้ มะมีปัญหา
แต่วันข้างหน้าปัญหามันจาตามมาเอง 
ตอนนี้แค่ซอฟ ซอฟ พอหอมปากหอมคอ
ไม่รู้่จาไปได้สักกี่น้ำนะเรา
ไม่ได้ดิ  ต้องไหว
ต้องทำให้ได้ ต้องลบคำสบประมาทให้ได้
แค่นี้เอง เข็มทำได้อยู่แล้ว

แต่วันนี้ง่วงมาก  ขอไปนอนดีฝ่า
ฝันดีค่ะ

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

วุ่นเชียว

เมื่อวานก็ลางาน  เหอะๆๆ
ลาป่วยซะงั้น
วันนี้มาทำงาน ตรึมค่ะ
หัวฟูเลยเรา เอกสารรอพิมพ์บานตะไท
งานรับประชาชนก็แยะ  สมน้ำหน้า อยากลาดีนัก
ทำไงละ พักผ่อน ๆ  ๆ 
เหอะๆๆ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้พักอีกวันแร้ว

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

เมื่อยไปทั้งตัว

รอบนี้ไปได้หนังสือกับมาสองสามเล่ม
มะรู้ว่าจาอ่านทันป่าว
ไปนอนบ้านน้าอย่างเคย
แวะไปเยี่ยมพี่เก๋ซึ่งก็ป่วยยังไม่หายดี
ไปนั่งเล่นนอนเล่น คุยกันไป กะพี่สาว กะหลานชายแสนน่ารัก
น้องเอมิลสุดหล่อ  เด็กไรก็มะรู้น่ารักที่สู้ดเลย ฉลาดด้วย
เสียดายมีเวลาน้อย ต้องรีบกับเพราะเดียวจาไปบ้านน้าค่ำ
แต่ก็ยังมิวาย แวะไปเที่ยวสวนหลวง ร.๙ กันอีก 
ไม่ได้ไปเกือบจะสิบปีแล้วมั้ง
ก็มีความรู้สึกว่าเปลี่ยนไปแยะเลย
มีดารามาถ่ายหนังกันด้วย แต่ไม่ได้เข้าไปดูหรอก
  เพราะแฟนคลับแยะ ขี้เกียจเบียดผู้คนเข้าไปดู

เดินไปเดินมาสักพักเริ่มเมื่อย กับบ้านกันดีกว่า
วันๆ  ได้แต่นั่งรถ ทรมาน เมื่อยไปหมด
นั่งรถเกือบชั่วโมงครึ่ง กว่าจาถึงบ้านน้า
รีบอาบน้ำกินข้าวกันแล้วก็นอน ก่อนนอนก็คุยกันไปเรื่อย  ม่ายรู้ว่าหลับไปตอนไหน
ตื่นมาอีกที ก็ตีสี่กว่าๆ  ละ ตื่นมาส่งน้าไปทำงานอีก 
แล้วก็ต้องรีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวไปส่งเจ้าขวัญสอบกันอีก
นั่งรถอีกแระ  จากเมืองนนท์  มาสอบ ม.กรงเทพ  ไกลกันโคตรๆ  

สอบเสร็จนั่งเท็กซี่มาหมอชิต  เหอะๆๆ ไม่มีตั๋วคับท่าน มันเต็มทุกเที่ยว
ตายละช้านจาได้กับบ้านมั้ยเนี่ย 
ไม่สนแล้ว นั่งอารายก็ได้ขอให้ได้กับบ้านเป็นดีสุด
ตัดสินใจซื้อของหนานคำทัวร์  ก็ไม่เอาก็ไม่ได้เหลืออย่างเดียวแล้ว
รถแอร์ ป.๒  ก็น่าจะโอนะ  สภาพรถก็ดูไม่ค่อยจืดเลย
คนนั่งเต็มรถเลย  เอนเบาะได้นิดหน่อย แต่เสียทีว่าจอดทุกจังหวัดเลยนิกะ
ทำเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอน แถมจอดทุกจังหวัด รับคนเพิ่มอีก
เอาละ จาให้นั่งกันไงละทีนี้
โอ พระเจ้า  ได้นั่งเก้าอี้เสริมกัน จานั่งไหวมั้ยเนี่ย
บางคนนั่งเก้าอี้เสริมจากนครสวรรค์ยันเชียงราย
ทรมานกว่าเราอีก  น่าสงสารสุดๆ 
มีผู้หญิงคนหนึ่ง ท้องโย้อีก  มาคนเดียวได้นั่งเก้าอี้เสริม  ผ้าห่มก็ไม่มี
ท่าทางคงจะหนาวเอาการเลยแหละ
และแล้วก็มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง แมนมากๆ 
ถอดเสื้อตัวเองให้ผู้หญิงคนนั้นใส่ แล้วให้มานั่งเก้าอี้แทนตัวเอง
เห็นแล้วเป็นภาพที่ประทับใจมาก
ยังมีผู้ชายแบบนี้อีกเหรอเนี่ย  นิสัยน่ารักสุด ๆ  
ขอปรบมือให้กับความมือน้ำใจของผู้ชายคนนี้จริงๆ 


ว่าไป ชีวิตนี้ก็ยังมีคนอื่นที่ลำบากกว่าเราอีกแยะ
ต้องดิ้นรนสารพัด เรายังดีนะที่ไม่ต้องลำบากอย่างคนอื่น
แต่ตอนนี้ขอบอกว่า ลำบากมาก ๆ กับการที่ได้นั่งรถหนานคำทัวร์เนี่ย
รถไรก็ไม่รู้  บริการแสนห่วย  รถก็สภาพเก่าๆ ขับบนถนนเอียงไปเอียงมาเหมือนจะคว่ำ
เล่นเอากันนอนไม่หลับทั้งคืน ก็กัวนี่นา  แถมฝนก็มาตกอีก  ยิ่งกัวเข้าไปใหญ่
คิดสารพัดเลยกัวไม่ได้กับบ้าน คิดถึงบ้านที่สู้ดเลย
แต่ตอนนี้มาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก็โอแล้ว
แหะๆ  ตอนนี้ขอตัวไปนอนพักก่อนดีกว่า
เพราะเมื่อยมาก ๆ ไม่ได้นอนทั้งคืนเลย 
อาบน้ำสระผม เรียบร้อย เป่าผมให้แห้ง ไปนอนดีกว่า
ฝันดีจ้าเข็ม  นอน นอน  นอน