วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

น้องฟูจัง

นั่งคิดอยู่นานว่าจะให้ตุ๊กตาชื่อไรดี
สุดท้ายก็คิดออกแระ
"น้องฟูจัง" เอาชื่อเรานี่แหละ
จัดการเอาไปใส่ในรถเรียบร้อยละ
เวลาขับไปหัวน้องเราจะสั่นดิกๆ
น่ารักมากๆ

วันนี้รู้สึกเพลีย เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
ปวดขานิดหน่อย ไม่หน่อยละ บวมเลย
เนื่องจากว่าเดินมากไป
อากาศก็ร้อนสุดๆ
ทำให้ร่างกายรับไม่ค่อยไหว
เพราะเดี๋ยวเจอแดด เดี๋ยวเจอแอร์
ปรับตัวไม่ทัน
หายใจติดขัด ปวดหัว คล้ายจะไม่สบาย
นอนแต่หัววันก็น่าจะดี
ฝันดีผีหลอก

ปล. ขับรถอย่างปลอดภัย คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย ถ้าไม่คาดมันจะเตือน 55+++

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

หายๆ เจ้งเลย

มือถือเจ้งแหงๆ อยู่ๆ ก็จอมืด
ปิดแล้วเปิดใหม่ ถามฟอร์แมทเฉย
ด้วยความที่มือไวไปหน่อย กดซิ
ทุกอย่างที่มีในเครื่อง หายไปในพริบตา
อยากจะร้องไห้ แต่ก็ช่างมันเพราะมีข้อมูลอีกหลายอย่าง
ที่เก็บไว้ในโน๊ตบุ๊คบ้างละ เลยไม่เสียดายเท่าไหร่
ดีนะที่เป็นคนรอบคอบ หุหุ

แต่ก็ต้องมานั่งเสียเวลา เอานั่นเอานี่มาใส่ใหม่

วันนี้งานตรึมเลย เป็นเรื่องปกติของวันจันทร์
วันแรกของสัปดาห์อยู่ละ วุ่นวายกันมากมาย
เดินแฟ้มเอกสารครึ่งวันเช้า แทบไม่ต้องทำงานอย่างอื่น
คอยแต่จะตามหานาย (ไม่ช่ายซิ ต้องเรียกว่า เล่นไล่จับหาตัวนาย)
ให้มาเซ็นแฟ้มฏีกาบ้าบอคอแตก แถมบิลน้ำมันที่ไม่ช่ายหน้าที่ของเรา
แต่ก็ต้องทำแทนเจ้าเกียรติมัน ซึ่งมันดันมาลาเอาวันนี้
ถ้าไม่ได้ผู้ช่วยสุดหล่อ บิลน้ำมันเราคงไม่เสร็จแน่ๆ
ขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะ

วันที่ยุ่งสุดๆ ยิ่งอ้ายกุ้งแฮ้งด้วยอีกต่างหาก
พระเจ้า งานเข้าเลยตู วิ่งซะขาแทบขวิด
เลยส่งผลให้ขาของข้าพเจ้าบวมนิดหน่อยคะ
เพราะเดินมากไป

มีเซอร์ไพร์นิดๆ กับหัวหน้า
พี่ๆ เค้ามีของขวัญให้ ดีใจนะ ที่เค้ายังจำกันได้
เค้าไม่ได้สนใจหรือใส่ใจอะไรเราทั้งแต่เช้ามาละ
ใช้ให้เราทำงานอย่างเดียว
แต่พอเราจะกลับบ้านแค่นั้น ทำเป็นเรียกให้มาหา
มีต้นไม้ให้เราหนึ่งต้น
บันลังเศรษฐี (เขียนถูกป่าวเนี่ย)
ดีใจแทบน้ำตาไหลเลย

แต่ที่ยังดีใจไม่หาย...
ก็น้าสุดทีรัก โทรหาตั้งแต่เช้าของวันเกิดแล้ว
อันนี้ดีใจแบบสุดๆ

ปีนี้มีแต่เรื่องเซอร์ไพร์ทั้งนั้น
ก็อ้ายกุ้งกะเกียรติ
เล่นเอาของไปให้ถึงบ้าน
ดีใจนะเนี่ย .....

ขอบคุณจ้า


ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะให้เจ้าตัวนี้ชื่อไร
หาให้หน่อยดิ
น่ารักมากๆ สีชมพูด้วย แถมหัวยังดิ้นได้อีก
ดิ้นดุกดิก ดุกดิก เด้นท์กระจายเลย

ปล.ฝัน โคตร โคตร หนุกดีนะ
เค้าบอกว่า เวลากับนาฬิกา มันต่างกันนะ
เวลาคุณให้นาฬิกากับใครแล้วคุณสามารถเอามันกลับมาได้
แต่เวลาคุณให้เวลากับใครบางคนไปแล้ว คุณไม่สามารถเอามันกลับคืนมาได้
แล้วคุณเคยรักใครแบบสุดๆ รึป่าว รักแบบทุ่มสุดตัว รักแบบหัวปรักหัวปรำ
หรือรักใครบางคนที่เค้าเห็นแก่ตัวมากๆ
แล้วเค้าไม่เคยกลับมาสนใจหรือใส่ใจในความรักของคุณบ้าง
คุณยังจะรักเค้าอยู่รึป่าว
แต่ ฝัน โคตร โคตร รักคุณตลอด.....

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

Happy Birthday to me

**
สุขสันต์วันเกิดนะ...ตัวเอง
อย่ามัวนั่งเซ็งทำใจเหงา
กี่ปีแล้วกับเวลาของเรา
เวลาที่พระเจ้าท่านให้มา

ทบทวน ทุกสิ่ง ที่ทำ
ดีร้าย สุขทุกข์..ถาม เฝ้าตามหา
ยังมีเหลืออีกนานไหม....เวลา
จะใช้อย่างมีคุณค่าหรือ...ละเลย

^^--^^

ก็เป็นอีกวัน วันธรรมดา
ที่ไม่ได้สำคัญไรนัก วันนี้เป็นวันพระ วันหยุด วันอาทิตย์
และก็ วันคล้ายวันเกิดของเรา
แอบดีใจลึกๆ ที่ยังมีคนจำวันเกิดของเราได้
แม้ว่ามันจะไม่ได้สำคัญไรนักหนา
แต่ก็ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ให้ความสำคัญกับวันนี้
ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกัน
ความจริงก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง
ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีปาร์ตี้
เหมือนคนอื่นๆ
เพราะไม่นิยมที่จะจัดงานวันเกิด
ซึ่งถือว่าเป็นวันที่แม่ให้กำเนิดเรา
ตื่นเช้ามา ก็กราบแม่ไปเรียบร้อยละ
แต่พ่อยัง เพราะหาไม่เจอ พ่อไปสวนแต่เช้าตรู่ เลยไม่เจอกัน
ความจริงเราก็กราบพ่อกะแม่ทุกวันอยู่แล้วนะ
กราบตอนไหว้พระก่อนนอน

แก่่ขึ้นอีกปีละ
29 แล้วซินะปีนี้
แต่ยังรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นเด็กอยู่เลย
เอาแต่ใจ ดื้อ รั้น ซน
โก๊ะ ซุ่มซ่าม อันนี้เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
แก้ไงก็ไม่หาย
เราไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
รึว่าเราจะเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในบ้าน
แล้วทุกคนเลยต้องดูแลเราเป็นพิเศษ
แม่ ต้องบ่นทุกวัน เรื่องหลายๆ เรื่อง สอนไรก็ไม่รู้จักฟัง
เมื่อไหร่จะโตสักที น้องเรามันก็ตัวโตกว่า
เวลาไปไหนมันก็คอยเป็นบอดี้การ์ดให้
พี่ๆ น้องๆ หลายๆคน ก็ตัวโตๆ กันทังนั้น
เราเลยมีคนดูแลตลอด กลายเป็นคนที่ทุกคนต้องคอยห่วง คอยดูแลตลอด
ก็ดีเหมือนกัน มีแต่คนเอาใจ ชอบๆ
แต่ก็ไม่ดีนะ ทำให้เราเสียนิสัยไปเลย
เพราะตอนนี้เรากลายเป็นคนเอาแต่ใจมาก
ทิฐิสูง ไม่ค่อยแคร์ใคร ไม่สนใจใครว่าเค้าจะรู้สึกไง เฮ้ออออออ
ใครว่าไรนิดๆ หน่อยๆ เป็นงอน ก็รู้ตัวอยู่นะ
ว่าทำแบบนี้ไม่ดี กำลังพยายามปรับตัวอยู่



*-*


จะก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
ที่เดินผ่านคือบทเรียนเขียนเตือนจิต
บททดสอบความเข้มแข็งแห่งชีวิต
แม้จะผิดล้มลงคงไม่ตาย

มีดอกไม้ให้ตัวเองให้เก่งแกร่ง
เติมด้วยแรงศรัทธาท้ามุ่งหมาย
เดินต่อไปทางข้างหน้ายังท้าทาย
ใจละลายไปเพียงครั้งยังอยู่ดี

ยังมีฝันงดงามด้วยความรัก
ยังตระหนักตอกย้ำทำหน้าที่
ทางชีวิตเลือกได้...ไม่รอรี
ใจยังมีความงามตามที่ควร

เป็นคนดีเท่าที่เป็นเห็นกันอยู่
เป็นนักสู้ไม่ยอมแพ้แม้ผันผวน
สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ให้ทบทวน
โลกนี้ล้วนอนิจจัง...ชั่งใจตรอง

ร้องเพลงฝันวันเกิดประเสริฐศรี
ฉันจะเป็นคนดีไม่มีสอง
ไม่ยอมแพ้เพราะใจเราแกร่งเท่าทอง
ไม่มัวหมองไม่แพ้ไฟ...ไปอีกนาน

*****

World Heart Day

ทุกอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกันยาของทุกปี
จะเรียกวันนี้ว่า วันหัวใจโลก World Heart Day
ปีนี้ก็เป็นอีกปีหนึ่ง ที่ได้มาร่วมกิจกรรม
การเดินรณรงค์กับสมาคมต่างๆ
ก็แหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ 6.30 น.
อาบน้ำแต่งตัวอย่างด่วน
ไปถึง 7.10 คงสายแน่ๆ
ที่ไหนได้ มาสัก 8.00 ก็ยังทัน
ก็รอนั่นรอนี่กันยกใหญ่
อะไรๆ ก็ไม่พร้อม เฮ้อออออ ง่วงนะเนี่ย
จะไม่มาก็ไม่ได้เนาะ
เอาเสื้อมาแล้ว พี่ขวัญบอกว่า
รับเสื้อมาก็ต้องมาร่วมพิธีด้วย เลยต้องจำยอมเค้าหน่อย

ขบวนเริ่มละ
กว่าจะครบองค์ประชุม กว่าจะทำพิธีเปิด
กว่าจะกล่าวรายงาน
กว่าจะทำไรๆๆ เสร็จ
กว่าจะได้เดินก็ปาเข้าไปเกือบ 9.00 โมงละ
เดินวนในเมือง 1 รอบใหญ่ๆ
เหนื่อยมากเลย ไม่ได้เดินไกลๆ แบบนี้นานละ
ดีนะแดดไม่แรงอย่างที่คิดไว้
มีแต่เมื่อยขาอย่างเดียว
ก็ดีอะ นานๆ ได้ออกกำลังกายซะบ้าง
จะได้แข็งแรงกว่านี้

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

ข่าวดีอีกแล้ว ^--^

น้องโทรมาบอก แต่เช้า
ยังยุ่งๆ อยู่เลย แต่รับมือถือน้องมัน
ขืนไม่รับ มันงอนอีก
ก็ไม่มีไร มันแค่บอกให้เปิดผลสอบให้แค่นั้น
เจ้าขวัญน้องชายตัวดำสุดเลิฟของเรา ผ่าน ภาค ก. กพ.
ตอนคีย์เลข ปชช. ลุ้นตัวงอเลยเนี่ย
ไม่อยากมองผลด้วยซ้ำ
แต่ก็ต้องมอง เย้ เย้ เย้ ผ่านแล้วน้องชาย
เก่งมากเลย
เจ้าบี แฟนนายขวัญก็ผ่านด้วย
ต้องโทรกลับไปบอก ปรากฏว่า คุงน้องก็กำลังนั่งดูผลสอบเหมือนกัน
ไอ้พวกที่ไปสอบด้วยกัน 11 คน ผ่านฉลุยกันทุกคน
ทำไมเก่งกันอย่างนี้
แงๆๆ แล้วเราละ ทำไงละทีนี้ จะผ่านกะเค้ามั้ยเนี่ย
ต้องลุ้นกันต่อไป ผลสอบเราออก 11 ธันวาโน่น
ตอนนี้ก็ดีใจกะน้องๆ ไปก่อน

เช้านี้ไปทำบุญวันเกิดล่วงหน้า
แต่เดี๋ยววันอาทิตย์ค่อยไปทำอีกรอบ
อิ่มบุญกันไปคะ

ขอบคุณสำหรับของขวัญที่มอบให้
ขอบคุณจากหัวใจดวงน้อย
ขอบคุณที่รักและเป็นห่วงน้องคนนี้เสมอ
ขอบคุณจริงๆ

วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

ถ้าคุณท้อ

ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา...
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ


ถ้าโกรธกับเพื่อน. . . มองคนไม่มีใครรัก
ถ้าเรียนหนัก ๆ . . . มองคนอดเรียนหนังสือ
ถ้างานลำบาก . . . มองคนอดแสดงฝีมือ
ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ . . . มองคนที่ตายหมดลม


ถ้าขี้เกียจนัก . . . มองคนไม่มีโอกาส
ถ้างานผิดพลาด . . . มองคนไม่เคยฝึกฝน
ถ้ากายพิการ . . . มองคนไม่เคยอดทน
ถ้างานรีบรน . . . มองคนไม่มีเวลา

ถ้าตังค์ไม่มี . . . มองคนขอทานข้างถนน
ถ้าหนี้สินล้น . . . มองคนแย่งกินกับหมา
ถ้าข้าวไม่ดี . . . มองคนไม่มีที่นา
ถ้าชีวิตแย่ . . .มองคนที่แย่ยิ่งกว่า

อย่ามองแต่ฟ้า . . .ที่สูงเกินตาประจักษ์
ความสุขข้างล่าง . . . มีได้ไม่ยากเย็นนัก
เมื่อรู้แล้ว . . . จัก . . . ภาคภูมิชีวิตแห่งตน

นานแล้วซินะ

จะว่าไปแล้ว ก็ดีนะ
ฝนตกพรำๆ เอาคางพาดขอบหน้าต่าง
ได้นั่งดูสายฝนโปรยปราย
นั่งดูผู้คนขับรถผ่านไปมา
(ไม่ช่ายซิ บ้านเราอยู่สุดซอย ท้ายซอยสุด)
ก็มีบ้าง ที่มีคนขับรถผ่านเข้ามาแวะทักทาย

นั่งดูไปก็คิดไป นึกถึงสมัยเด็กๆ
ฝนตกทีไร ต้องวิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝนทุกครั้ง
แล้วก็จะต้องโดนบ่นตลอดว่ากลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้
เดี๋ยวจะเป็นหวัด ไม่เคยจะสนใจเลย
เอาแต่วิ่งเล่นกะเจ้าขวัญ
แถมพาปาร์ตี้ กะ โปเต้ วิ่งเล่นด้วยกัน
เจ้าสองตัวเปียกหมด แม่ก็บ่นอีก 555 หนุกดี
ต้องมานั่งเช็ด นั่งเป่า นั่งไดร์ขนให้มันจนแห้ง

พอฝนหยุด ก็จะเห็นรุ้งกินน้ำ
ก็เช่นกันนะ
นานๆ จะได้เห็นรุ้งกินน้ำซะที
สวยมากๆ
เสียดายถ่ายรูปไม่ติด อดได้ภาพสวยๆ เลย
มะเป็นไร ภาพสวยๆ เก็บไว้ในใจก็พอแล้ว

จุดไฟให้พลังชีวิต

ชีวิตเป็นของเธอ
ทางเดินชีวิตย่อมเป็นของเธอ
สองขาของเธอ จงก้าวไปตามทางนั้น
ทำในสิ่งที่เธอถนัดและเข้าใจ
เธอจะไปได้ดีเท่าที่เธอควรจะไป

หากอยากจะถามหา
ความจริงใจจากใครต่อใคร
ต้องเริ่มถามหาที่ตัวเธอเองก่อน
ว่ามีความจริงใจเพียงพอหรือไม่

ชีวิต
ไม่เคยมีคำว่าสาย
หากก้าวหลงเดินทางผิด
ย่อมกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้
อาจจะช้ากว่าที่ควรจะเป็นไป
แต่ก้อยังดีกว่าดิ่งลึก
จมลงในความเลวร้ายทุกที ทุกที

ความผิดหวัง คือพลังสร้างความแข็งแกร่ง
จงยอมรับความผิดหวัง และความเจ็บปวดในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และใช้มัน
เป็นบทเรียนที่จะไม่ให้เกิดขึ้น

ไม่มีเวลาไม่มีในโลก
เวลาคือสิ่งเดียวที่คนบนโลกได้รับเท่ากันอย่างยุติธร รมที่สุด เพียงแต่ใครจะสามารถ
จัดสรรเวลาให้มีค่ามากที่สุด

ชนะตนเองคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
จงมุ่งมั่นความเป็นเลิศ แต่อย่ามุ่งหมายเพื่อความสมบูรณ์แบบ การเอาชนะใจจนเอง
คือชัยชนะที่ประเสริฐที่สุด ความสำเร็จตัดสินที่ความสุขในใจเรา

เป็นและอยู่อย่างผู้กล้าหาญ
จงกล้าเข้าไว้ หากโอกาสมันล่วงผ่านไป เราอาจจะเสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้ทำมากกว่า
สิ่งที่ทำไปแล้วเสียอีก

ทำในสิ่งที่รักหรือจะรักในสิ่งที่ทำ
หากไม่สามารถเลือกทำงานที่เรารักได้ ก็จงรักในงานที่ต้องทำ เพราะความรักในงาน
ที่สร้างความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน

อ่อนน้อม ถ่อมตน คือวิถีของผู้ทรงปัญญา
รวงข้าวที่หนักด้วยเมล็ดย่อมโน้มลงสู่ดิน เฉกเช่นผู้ทรงคุณวุฒิ และปัญญามักถ่อมตน

ปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนที่อยากให้เขาปฏิบัติต่อเรา
ปฏิบัติสิ่งดี ๆ ต่อผู้อื่นให้เป็นนิสัย เพราะความดีย่อมได้รับการตอบแทนด้วยความดีเสมอ




เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส
จงฉวยสิ่งดีจากสถานการณ์ที่เลวร้ายแทนที่จะให้คำว่า "ปัญหา" ให้หันมาใช้คำว่า
"โอกาส" แทน เพราะเรื่องราวบนโลกนี้ มีมุมสำหรับมองมากกว่าสองด้านเสมอ




คนที่ไม่เคยพลาด คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย
เมื่อพลาดพลั้งอย่าเพิ่งหมดหวังกับชีวิต มีเพียงคนที่ไม่เคยทำอะไรเลยเท่านั้น ที่จะ
ไม่เคยพบกับความผิดหวัง



คิดทุกคำที่พูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด
ิจงระมัดระวังทุกคำที่พูด เพราะเมื่อพูดออกไปแล้ว ไม่สามารถเรียกกลับมาคืนได้



รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
หากต้องการชัยชนะต้องศึกษาตนเองให้รอบทิศ ศึกษาคู่แข่งให้รอบด้าน ประเมินเขา
ประเมินเรา ก่อนลงสู้สนาม เพราะบางเวลาที่โอกาสที่ดี มีเพียงครั้งเดียว



หาเพื่อนใหม่ และถนอมมิตรภาพกับเพื่อนเก่า
มิตรภาพยิ่งเก่ายิ่งเลอค่า ทะนุถนอมความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่า และแสวงหาเพื่อนใหม่
เพื่อขยายโลกให้กว้างขึ้น



เคยถามตัวเองบ้างไหม
ว่าชีวิตต้องการอะไร ?
ถาม ... และหาคำตอบให้แน่ใจ
และเข้าใจให้ถ่องแท้
เมื่อนั้น
เราจะก้าวต่อไปข้าวหน้าอย่างเชื่อมั่น
และถูกทิศทางกว่าเดิม



โลกเรายังคงหมุนไปทุกวัน
หากวันนี้เราหยุดนิ่ง
พรุ่งนี้ .........
เราก้อแทบวิ่งตามไม่ทัน



ชีวิตที่มีคุณค่า
คือการใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า
อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์เลย
มาเริ่มต้นสรรค์สร้างสิ่งดีดี
ให้กับชีวิตของเราเถิด



ขอบคุณข้อมูลจาก http://fwmail.teenee.com/etc/25062.html

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

รอดตายอีกรอบ

งานยุ่งนะ
ไม่ค่อยได้เข้ามาอัพบล็อคอันเป็นที่รักเลย
ใกล้ปิดงบประมาณละ เหนื่อยมากๆๆ
ฝนก็ตกทุกวันเลย
อากาศดีแสนดี อยากพักอยู่บ้านนานๆ
แต่มะเอาดีกว่า งานตรึม ไม่มีคนทำแทน


เช้านี้ก็อีกรอบละ เกือบตายแล้วเรา
ขับรถมาดีๆ ไอ้บ้าเบรคก็ไม่บอก
อยากเบรคก็เบรค ไอ้เราก็เกือบชนแล้ว
หักหลบแทบไม่ทัน ถ้าเกิดมีรถออกซอยมา คงต้องตายแน่ๆ
ดีนะ ไม่มีรถหรือเด็กออกมาจากซอย
ใจหล่นอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว
เบรคซะหัวทิ่มเลย ลืมตามาอีกที นึกว่าตัวเองตายแล้วเนี่ย
อีกนิดเดียวจะชนกำแพงทะลุแล้ว
แย่จริงๆ เลย ใจหายใจคว่ำ

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

คนที่เธอรัก

มืดมนสักเพียงไหน ยังมีเธอเป็นแสงจันทร์
ส่องให้ฉันมีความหวัง มองเห็นทางที่ดี
หนาวเย็นสักเพียงไหน ยังมีอ้อมกอดเธอคนนี้
เหนื่อยและท้อ ก็จะมี เธออยู่เคียงข้างกัน
วันนั้นถ้าไม่มีเธอ วันนี้คงไม่มีฉัน
อยากบอกความรู้สึกให้เธอรู้
แค่ได้เป็นคนที่เธอรัก ได้เป็นคนที่เธอห่วงใย
แค่นี้ชีวิตของฉันก็โชคดียิ่งกว่าใคร
แค่เป็นคนนี้ที่เธอรัก

เหมือนฉันพบแสงสว่างให้ก้าวเดินมาได้ไกล โฮ…
เธอรู้ใช่ไหม ที่ฉันได้มีวันนี้ ก็เพราะเธอ
รักที่เธอให้ฉัน ฉันอาจเคยมองข้ามไป
เธอคงท้อเหนื่อยใช่ไหมทำให้เธอเสียใจ
ขอโอกาสให้ฉัน ได้คอยกุมมือเธอเอาไว้
ยามเธอท้อในวันนี้ฉันจะเคียงข้างเธอ
วันนั้นถ้าไม่มีเธอ วันนี้คงไม่มีฉัน
อยากบอกความรู้สึกให้เธอรู้
แค่ได้เป็นคนที่เธอรัก ได้เป็นคนที่เธอห่วงใย
แค่นี้ชีวิตของฉันก็โชคดียิ่งกว่าใคร
แค่เป็นคนนี้ที่เธอรัก
เหมือนฉันพบแสงสว่างให้ก้าวเดินมาได้ไกล โฮ…
เธอรู้ใช่ไหม ที่ฉันได้มีวันนี้ ก็เพราะเธอ
แค่ได้เป็นคนที่เธอรัก ได้เป็นคนที่เธอห่วงใย
แค่นี้ชีวิตของฉันก็โชคดียิ่งกว่าใคร
เหมือนฉันพบแสงสว่างให้ก้าวเดินมาได้ไกล โฮ…
เธอรู้ใช่ไหม ที่ฉันได้มีวันนี้ ก็เพราะเธอ

ข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับความรัก

***รักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม เติบโตด้วยการจุมพิต และจบลงด้วยน้ำตา

***อย่าเสียน้ำตา ให้กับคนที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้คุณ

***เพื่อนที่ดีนั้นหายาก แต่ยากกว่าในการจะลาจาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะลืมเลือน

***สิ่งที่ทำยากสุด คือ การมองดูคนที่คุณรักไปรักคนอื่น

***อย่าให้อดีตยึดติดกับคุณไว้ เพราะคุณจะพลาดสิ่งดี ๆ ที่จะผ่านมา

***คนบางคนทำให้โลกนี้ เป็นโลกที่แสนพิเศษ เพียงแค่มีเขาอยู่ในโลกใบนี้เท่านั้น

***อย่าขมวดคิ้ว เธอไม่รู้หรอกว่า มีใครบางคนหลงรักรอยยิ้มของเธอ

***ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งคุณตกหลุมรักเขาแล้ว

***เพื่อนที่ดีเหมือนดวงดาว คุณจะไม่ได้เห็นพวกเขาตลอดเวลา แต่คุณจะรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นเสมอ

***คุณจะทำอย่างไร เมื่อคุณรู้ว่า เพียงคน ๆ เดียวที่จะทำให้คุณหยุดร้องไห้ได้ คือคนที่ทำให้คุณร้องไห้

***เพื่อนที่ดีที่สุดเหมือนใบไม้ 4 กลีบ ยากที่จะพบ และโชคดีที่พบกัน

***สัมพันธภาพที่แท้จริง ไม่มีวันจบสิ้น

***ความรักเป็นสิ่งที่ดี ยังไงก็ลองหันมามีความรักกันดีกว่า.


ที่มาข้อมูล : www.fwdder.com

วันหยุดสุดสบาย

เสาร์นี้หยุดนะ แต่ก็มาอยู่เวรให้ป้าส่ง หุหุ พี่ส่ง
ก็เรื่อยๆ อะ ไม่ค่อยมีไรมาก นั่งเล่นเน็ตไปพลางๆ
อ่านหนังสือบ้างนิดหน่อย
แต๊กกะนกแวะมาหา ซื้อข้าวซื้อหนมมาให้
มานั่งคุยด้วย คุยไปคุยมา กลายเป็นเรื่องธุรกิจไปงั้น
ชวนไปทำธุรกิจ-เอ็มสตาร์-
ไรเนี่ย ฉันยิ่งกำลังเลี่ยงๆ ธุรกิจพวกนี้อยู่นะ
-เพียวไลน์-ยังไปไม่ถึงไหนเลย คิคิ
ก็ฟังๆ มันไปก่อน มันอยากเล่าอยากพูดไร ก็พูดมา
รับฟังได้เสมอ แต่ต้องขอคิดดูก่อน
แต๊กมาคุยไม่ถึงชั่วโมง ก็กลับไป
มันจะไปเตรียมของขายถนนคนเดินต่อ

อยู่เวรทั้งวันนะ แต่ไม่ยักกะเหงาเหมือนทุกคราที่ผ่านมา
มีพี่ๆ มาทำโอทีกันแยะเลย เดินกันไปมาให้วุ่นพอวุ่นวายดี
ก็ดีนะ ไม่เหงา เหมือนมีเพื่อนมาทำงานด้วย


เลิกจากอยู่เวร ไปถนนคนเดินต่อ
ทำงานนิดหน่อย แล้วก็แวะไปหาแต๊กกะนก ที่ขายของอยู่
ยังไม่ทันได้ขายของเลย ฝนก็เทลงมายังกะฟ้ารั่ว
น่าสงสารพ่อค้ากะแม่ค้าที่มาขายของกันจริงๆ
แปลกเหมือนกันแฮะ กลางวันแดดแร้งแรง พอเย็นมาหน่อย ฝนตกโครมๆ
เราก็ช่วยกันวุ่นเลย เก็บของกันใหญ่
ฝนหยุดเราก็เอาของมาวางขายกันต่อ
เก็บๆ วางๆ ขายๆ กันอย่างนี้ประมาณ สามรอบ
เหนื่อยแต่ก็หนุกดีแฮะ
ก็นานแล้วนะ ไม่ได้มาถนนคนเดิน
คนก็ยังแยะเหมือนเดิม

ปล่อยให้นกขายของคนเดียว
สองคนกะแต็ก เดินหาซุ้มที่ถ่ายรูป เชียงรายรำลึก ไม่เจอ
เดินวนไปวนมาหลายรอบ ไม่เจอ เฮ้ออออ ว่าจะถ่ายรูปกันสักหน่อย
อดเลย หาไรกินต่อ ไอ้นกบ่นหิวข้าวอีกแล้วอะ
ไรอะ ของกินเพียบ ยังบอกว่าหิวอีก เฮ้อออออ

สามทุ่มละ กลับบ้านก่อน ปล่อยให้เจ้าสองคนนั่งขายกัน
ง่วงสุดๆ เหนื่อยด้วย หนุกด้วย เมื่อยขามาก สงสัยจะเดินแยะไป
คงต้องนวดกันละทีนี้
เมื่อยขาคะ

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

พักผ่อนอย่างสุขี ปิดทีวีแล้วฟังเพลง

ปิดทีวีเสียบ้าง โดยเฉพาะในเวลาที่เราไม่ได้ดูมันจริงๆ ตั้งเวลาเพื่อเปิดดูรายการที่สนใจเท่านั้น
และปิดทันที่ที่รายการจบ แล้วพักผ่อนกับเสียงเพลงจากวิทยุหรือซีดี ฟังเสียงของระฆังเล็กต้องลมกรุ๋งกริ๋ง
หรือเสียงฝน เสียงเหล่านี้จะช่วยให้เราสงบจิตสงบใจได้มากกว่า


การดูทีวีมากเกินไป ทำให้สมองไม่ได้เคลื่อนไหว ควรแบ่งเวลาสักวันละชั่วโมงให้สมองได้ออกกำลัง
เช่น อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก เล่นเกมอักษรไขว้ หรือเกมกระดานต่างๆ เพื่อกระตุ้นความคล่องแคล่วว่องไว
การทำให้สมองได้คิดเสมอๆช่วยลดอาการความจำเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น

พยายามให้สมองได้ทำงานอยู่เสมอ การออกกำลังสมองไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความคิด
หรือไหวพริบเสมอไป เพียงอ่านหนังสือพิมพ์ ก็ใช้ได้แล้ว แต่ความแปลกใหม่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการกระตุ้นสมอง
ดังนั้น ควรมองหางานอดิเรกใหม่ๆ เพื่อให้สมองและชีวิตสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

กบนอกกะลา

เลิกงานเกือบห้าโมงละ แต่ต้องแวะไปซื้อของให้แม่อีก
ติดฝนจนได้ ตกหนักเหลือเกิน กว่าจะได้กลับก็เกือบ หกโมงละ
แย่จัง ก็ดีนะ เย็นไปอีกแบบ
แต่ถ้าจะไม่ดีก็ตรงที่ ไอ้กระโปรงเจ้ากรรมที่เราใส่นะ
พอมันโดนลม ดั้นพองตัวขึ้นผลุบๆ โผล่ๆ นี่ซิ เขินแทบแย่ คิคิ
ต้องหนีบๆ ไว้ คนที่ยืนหลบฝนข้างๆ คงอดขำเราไม่ได้ เห็นยิ้มกันใหญ่เลย

กลับถึงบ้านอาบน้ำก่อนเลย ง่วงมากด้วย
นอนไปหนึ่งรอบ
ตื่นมาอีกที สองทุ่มกว่า ๆ
นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ
"กบนอกกะลา" ไม่ได้ดูนานแล้วซินะ
วันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับรังนกนางแอ่น
กว่าจะมาเป็นรังนกที่เรากินกันทุกวันนี้
ช่างผ่านวิธีการขั้นตอนต่างๆ นานา
ต้องผ่านการคัดกรองมาอย่างดี ทำด้วยฝือมือ ทำด้วยใจล้วนๆ
ราคาถึงได้แพงอย่างที่เห็น เพราะแค่เก็บจากถ้ำมาก็ปาเข้าโลละแสนแล้ว
แล้วต้องมาผ่านกรรมวิธีต่างๆ อีก
จนมาถึงราคาหน้าร้านก็ประมาณ สามเท่าของราคาจากถ้ำ
แต่ก็แปลกนะ เค้าคิดราคากันเป็นตำลึง จำไม่ได้ละ ว่าตำลึงเท่าไหร่
รู้แต่ว่าแพงมาก อยากไปเห็นของจริงบ้างจัง คงจะสวยน่าดู

นั่งดูทีวีไปเรื่อยๆ ดูข่าวต่อ
เอ.....ไอ้เจ้าตำรวจคนนี้หน้าเหมือนน้องเราเลยแฮะ
โอ...ช่ายเลย หมวดพากเราออกทีวีด้วย คดีนักศึกษาหอพักถูกงัดห้อง
ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนะ ผู้หมวดสุดหล่อโทรหา บอกให้ดูทีวีหน่อย
มันออกทีวี คิคิ ทำไมทำหน้าไม่หล่อเลย ตัวจริงออกจะหล่อนะแก
ไม่ขึ้นกล้องเอาซะเลย
รู้สึกว่าหมวดจะดังใหญ่แล้วนะ ทั้งข่าวหนังสือพิมพ์ ทั้งทีวี งี้.....

ง่วงอีกแล้ว กินยากันหวัดไปสองเม็ด
เพราะโดนฝนมา กลัวจะเป็นหวัด
สงสัยมันออกฤทธิ์แล้ว
ไปนอนต่อรอบที่สอง หุหุ

ฝันดีผีหลอก

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

คิดบวก ชีวิตก็บวก

เวลาเจองานหนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อม สู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียน ที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความฝึกหัด ที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

เวลาเจอนายจอมละเมียด
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (perfectionist)


เวลาเจอคำตำหนิ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

เวลาเจอคำนินทา
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติ กำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

เวลาเจอความป่วยไข้
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี


เวลาเจอความพลัดพราก
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอลูกหัวดื้อ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง


เวลาเจอแฟนทิ้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ


เวลาเจอคนที่ใช่
แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง


เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนันตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม


เวลาเจอคนเลว
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์


เวลาเจออุบัติเหตุ
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด


เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ว่า "มารไม่มี บารมีไม่เกิด"


เวลาเจอวิกฤต
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์ธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"


เวลาเจอความจน
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต


เวลาเจอความตาย
ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

ขอบคุณข้อมูลจาก www.teenee.com

วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

เจ้าหญิงวุ่นวาย*****

พักนี้ก็วุ่นๆ นิดหน่อย แต่ก็เคลียร์ปัญหาได้
กำลังพยายามทำใจให้ได้อยู่
มันคงไม่มีไรเกินกว่าการแก้ไขไปหรอกนะ
ทุกอย่างมีทางแก้อยู่แล้ว

ได้รับข่าวดีแต่เช้า
ทิพย์น้องสาวของน้าเขยคลอดลูกคนที่สอง
ได้หลานชายอีกตามเคย
น่ารักน่าชังมากๆ เห็นก็อยากมีบ้างนะ

วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552

เอามันออกไปบ้าง ... ก็น่าจะดี

คำว่า"ไม่สบายใจ" อย่าใช้ และอย่าให้มีขึ้นในใจต่อไป
"Let it go and get it out!"

ก่อนมันจะเกิดต้อง "Let it go"
ปล่อยให้มันผ่านไป อย่ารับเอาความไม่สบายใจไว้

ถ้าเผลอไปมันแอบเข้ามาอยู่ในใจได้
พอมีสติรู้สึกตัวว่า ความไม่สบายใจเข้ามาแอบอยู่ในใจต้อง Get it out!
ขับมันออกไปทันที อย่าเลี้ยงเอาความไม่สบายใจไว้ในใจ
มันจะเคยตัว ทีหลังจะเป็นคนอ่อนแอออดแอด
ทำอะไรผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่สบายใจเคยตัว

เพราะความไม่สบายใจนี้แหละ เป็นศัตรู เป็นมาร
ทำให้ใจไม่สงบ ประสาทสมองไม่ปกติ
เป็นเหตุให้ร่างกายผิดปกติ พลอยไม่สงบไม่สบายไปด้วย
ทำให้สมองทึบไม่ปลอดโปร่งแจ่มใส
เป็น habit ความเคยชินที่ไม่ดี
เป็นอุปสรรคกีดกั้นขัดขวางสติปัญญาไม่ให้ปลอดโปร่งแจ่มใส

ต้องฝึกหัดแก้ไขปรับปรุงจิตใจเสียใหม่
ทั้งก่อนที่จะทำอะไรหรือกำลังกระทำอยู่ และเมื่อเวลากระทำเสร็จแล้ว
ต้องหัดให้จิตใจแช่มชื่นรื่นเริง เกิดปีติปราโมทย์
เป็นสุขสบายอยู่เสมอ
เป็นเหตุให้เกิดกำลังกาย กำลังใจ "Enjoy living"
มีชีวิตอยู่ด้วยความเบิกบาน สมองจึงจะเบิกบาน
จะศึกษาเล่าเรียนก็เข้าใจง่าย
เหมือนดอกไม้ที่แย้มบานต้องรับหยาดน้ำค้าง และอากาศอันบริสุทธิ์ฉะนั้น

วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

แล้วไงเนี่ย

คุยๆ กันกับแต้
มันกำลังมีปัญหา พี่ป้อมเป็นไรก็ไม่รู้
อาการเหมือนเป็นงูสวัด
ก็คงต้องไปหาหมอนะ แนะนำได้แค่นี้แหละ
เพราะไม่เห็นอาการจริงๆ
แต่หาหมอนะดีแล้ว จะได้หายไวๆ ๆ



ไปเข้าห้องน้ำที่ที่หนึ่ง
เห็นเค้าติดสัญลักษณ์วันเกิดตามสีต่างๆ
เราก็เลยไปเข้าห้องวันเสาร์ตามวันเกิดตัวเอง
ได้คำบรรยายเกี่ยวกับคนเกิดวันเสาร์มา
รู้สึกจะตรงกับนิสัยเราเหลือเกิน
ตรงมากๆ ที่ว่าดื้อหัวชนฝา แม่นจริงๆ หุหุ เพราะเราดื้อสุดๆ




วันนี้เบลอๆ ไม่รู้เขียนไร
ความจริงมีอยู่เต็มหัวเลย
แต่เขียนไม่ออก นึกไรก็ไม่เป็นเรื่อง
เลยออกมาเป็นอย่างนี้แหละ
หุหุ
ในเวลาที่เราต้องห่างไกลอย่างนี้
ฉันจะเรียกความรู้สึกที่มีต่อเธอว่าอะไรดี?


ความรู้สึกที่ . . . มองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าเธอ
ความรู้สึกที่ . . .ไม่เคยลืมเรื่องราวดีดีระหว่างเรา
ความรู้สึกที่ . . .อยากฟังแต่เพลงเก่าๆ ที่เคยฟังด้วยกัน
ความรู้สึกที่ . . .อยากให้เธอกลับมาที่นี่ . . .ตรงนี้. . . อยู่กับฉัน


ความรู้สึกแบบนี้ . . .
ถ้าไม่เรียกว่าคิดถึงจะเรียกว่าอะไร
จะเรียกว่า "คิดถึงเธอมากมาก" ได้ไหมนะ . . .


กลอนบทนี้ น้องแต๊กเป็นคนแต่งให้
ตอนสมัยเรียน ม.ปลายละ
เป็นช่วงที่เราใกล้จะจบแล้ว น้องมันก็เลยแต่งให้
ในใส่การ์ดมาอย่างดี ยื่นให้เราแล้วก็น้ำตาคลอไป
มันทำยังกะว่าจะไม่ได้เจอกันอีก
ทั้งๆ ที่ความจริงตอนนี้เราก็ยังเจอกันตลอด
เกือบสิบปีแล้วซินะ ที่เราเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่ทั้งน้อง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา

ก็ยังคิดถึงน้องเสมอ
เรายังติดต่อกันเหมือนเดิม ไม่ขาดหาย
นึกถึงสมัยก่อน ไปเที่ยวด้วยกันทุกเสาร์เลย
ปิดเทอมก็ไปนอนบ้านน้องที่เชียงของ ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้
คิด คิด แล้วอยากย้อนเวลากลับไปบ้างจัง
แต่.....
ในความเป็นจริงทำไม่ได้ เฮ้อออ ไม่เป็นไร
เราได้เจอกันอยู่แล้ว
เพราะเดือนหน้าแต๊กจะมาเชียงราย
ดีดีจะได้เจอกันอีก

วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552

ความทรงจำที่ยังอยู่ในใจเสมอมา

มานั่งๆ คิดถึงสมัยเรียน ก็อดที่จะยิ้มไม่ได้
มันมีทั้งสุขทั้งทุกข์ปนเปกันไป
ยิ่งสมัย ม.ปลาย ด้วยแล้ว
เป็นชีวิตที่ไม่เคยลืมเลือนเลย
มีทุกรสชาดในตัวของมัน
ถ้าจะให้เล่าก็คงเล่าไม่หมดหรอก
เลยไม่ขอเล่าดีกว่า อยากเก็บไว้ในใจ ไว้ในความทรงจำตลอดไป


.............

รื้อของให้ลิ้นชัก มีแต่จดหมายเก่าๆ เต็มไปหมด
ก็ยังแกะมานั่งอ่าน ก็ขำๆ นะ
มีทั้งจดหมายเพื่อนเขียนถึง เพื่อนต่างจังหวัดบ้าง
ผู้บ่าวเขียนจดหมายมาหาบ้าง คิคิ
สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้กัน จะโทรหาก็โทรเบอร์บ้านเท่านั้น
เลยได้แต่เขียนจดหมาย ซึ่งก็มีจดหมายกองโทรเท่าภูเขาเลย
เอามาชั่งก็คงได้หลายโลนะ ก็อ่านไปเรื่อยๆ หลายต่อหลายฉบับ
บ้างก็ตัวหนังสือเริ่มจางเลือนลางหายไปก็มี

ม.ปลายเริ่มโตมาหน่อย สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนแปลงไป
เริ่มมีผู้ชายมาเรียนด้วยบ้าง ห้องเราดีหน่อย มีแค่สามคน
แต่ห้องอื่นๆ ก็เยอะอยู่บ้าง แต่เรียนไปไม่ถึงเทอม ได้สองคนดันย้ายไปเรียนสายวิทย์ซะงั้น
ทิ้งไว้แต่ คมสันเพื่อนชายที่เงียบขรึมไว้คนเดียว ซึ่งคนในห้องต่างทะนุทนอมอย่างดี หุหุ
ไม่ช่ายไรหรอก กลัวว่ามันจะกลายเป็นกะเทยไป เพราะมีนักเรียน 48คน แต่มีผู้ชายแค่คนเดียว
คือนายคมสันต์ จำนามสกุลมันไม่ได้อะ บัดนี้ได้กลายเป็น รตท.คมสันต์ ไปซะแล้ว
ไอ้คมสันต์นี่แหละ ตัวดีเลย เป็นพ่อสื่อพ่อชักดีนัก
ให้ใครก็มะรู้มาจีบเรา เอ... ชื่อไรนะ ถ้าจำไม่ผิด น่าจะชื่อ โอ๊ค ไรเนี่ยแหละ
ผู้ชายตัวดำๆ รูปร่างเล็ก ๆ ไม่สูงเท่าไหร่ เชื้อสายจีน คนจีนบ้าไรก็ไม่รู้ ดำมาก
เขียนจดหมายมาบรรยายความรู้สึกต่างๆ นานา บอกว่าชอบเราอย่างนั้นอย่างนี้
ประทับใจเราอย่างแรง แค่เห็นครั้งแรกก็ประทับใจ
เอ.. เราไปเจอมันตอนไหนยังไม่รู้เลยเนี่ย
เรียน ม.ปลาย เกือบจะจบแล้ว เพิ่งเคยเห็นมันก็ตอนที่ส่งจดหมายมานี่แหละ
ก็จะให้เห็นได้ไงละ มันอยู่ห้องหนึ่ง ส่วนเราอยู่ห้องเจ็ด
เรียนก็คนละสายกันละ คนละตึกอีกต่างหาก ยืนเข้าแถวยังอยู่คนละที่ละทางเลย

ในจดหมายบรรยายทุกความรู้สึกที่มีต่อเรา
เริ่มอ่านก็แทบอ๊วก น้ำเน่าได้ใจซะขนาดนั้น
บางวันเกิดนึกอารมณ์สุนทรี มาแบบกลอนเลยคะ
กลอนสดๆ แต่เองรึว่าก๊อบใครมาก็มะรู้ รู้แต่ว่า มันคงแต่งเองแหละ
เพราะเพี้ยนสุดๆ แต่งตามประสามัน หวานมาก....
ไม่ได้อ่านเองหรอกนะ เพื่อนมันช่วยอ่านให้
อ่านไปก็ขำกันไป "โอ๊ค" บอกว่า เห็นเราครั้งแรกตอนอยู่ในห้องภาษาไทย
เห็นเรานั่งอ่านหนังสือไรก็ไม่รู้ แล้วเราก็ยิ้มไปด้วย มันบอกว่า
ชอบที่เรายิ้มนี่แหละ น่ารักมาก หุหุ
เพื่อนมันอ่านแล้วแทบจะอ๊วก คิคิ
นึกๆ แล้วก็รู้สึกดีนะ มีคนชอบ ดีกว่ามีคนเกียจ ว่ามั้ยละ
ไม่รู้ว่าตอนนี้เพื่อนโอ๊คเราหายไปไหนซะแล้ว
เพราะล่าสุดที่รู้ข่าว ก็ไปเรียนต่อกรุงเทพฯ แล้วจากนั้นก็ขาดการติดต่ออีกเลย

วันนี้นึกขึ้นได้ เลยไปค้นที่ห้องทะเบียนราษฏร์
แต่ไม่พบชื่อนี้ พี่เค้าบอกว่า สงสัยเพื่อนโอ๊คเราจะเปลี่ยนชื่อไปซะแล้ว
ว้า.... แย่จัง เลยไม่รู้เลยว่าตอนนี้เพื่อนโอ๊คอยู่หนใด
จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้เลยเนี่ย
ไงก็ยังระลึกถึงเพื่อนโอ๊คเสมอนะจ๊ะ

เรื่องเล่าในสมัยเรียนยังไม่หมดแค่นี้ มีอีกแยะ
ไว้จะมาเล่าสู่กันฟังใหม่
ไปอาบน้ำนอนดีฝ่า

""""""""
อิจฉาคนไปกินหมูกะทะนะ
กินเผื่อด้วยแล้วกัน ช่วงนี้กำลังไดเอท หุหุ
ขอเพลาๆ บ้างดีกว่า อีกอย่างใกล้จะถึงเทศกาลกินเจแล้ว
ของดเนื้อสัตว์บ้างก็น่าจะดี

ฝันดีผีหลอก ^^__^^

ความทรงจำเก่าๆๆ

กลับจากทำงานวันนี้รู้สึกเพลียๆ
เดินเข้าห้องมองไปรอบๆ ทำไมห้องมันรกอย่างนี้ก็มะรู้
เศร้าใจจริงๆ ต้องทำการปฏิวัติครั้งใหญ่หลวง
เก็บนั่นเก็บนี่ ตามประสา
รื้ออันนี้ รื้ออันนั้น ก็เริ่มดูเข้าตามาบ้าง
แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด
อืม ถุงไรเนี่ย มีแต่กระดาษเต็มไปหมด
แกะๆดู โอ จดหมายเก่าๆ ที่เพื่อนๆ เขียนถึง
ไม่แค่จดหมาย การ์ดต่างๆ คำอวยพร ฯลฯ
รูปสมัยมัธยมต้นยันมัธยมปลาย
ดูไปดูมาก็น่ารักดีแฮะ
คิดแล้วอยากย้อนเวลากลับไปอีก
เป็นช่วงเวลาที่หนุกหนาน มีทั้งสุขทั้งทุกข์ปนกัน
เป็นช่วงเวลาที่อิสระสุดๆ อยากทำไรก็อยากทำ
ไม่เคยโดดรั้วหนีเที่ยว ก็ได้ทำ
ครั้งแรกในชีวิต โดดข้ามรั้วแอบหนีไปดูหนังกะนังโอ๋นังจิปร์
มันส์มากๆ ดีนะสมััยนั้นยังไม่มีกล้องวงจรปิดติดตามรั้วโรงเรียน

.....................

ม.ต้น มีแต่นักเรียนหญิงล้วน ชีวิตก็ไม่ค่อยมีไร ตั้งใจเรียนอย่างเดียว
แต่ก็มีแหวกบ้างตามประสา จะมีแหวกก็เพราะไอ้หน่อยกะไอ้แต้นี่แหละ
แต่ก็ไม่ค่อยบ่อยนัก เพราะอยู่คนละห้อง เอ.....
แปลกเหมือนกันนะไม่รู้ว่าไปสนิทกันตอนไหนกะไอ้หน่อยไอ้แต้เนี่ย
เราอยู่ห้องสาม ไอ้สองคนนั่นอยู่ห้องหนึ่ง
ออ...นึกออกละ เข้าค่ายดิ
ช่างหนุกถึงใจจริงๆ
ยิ่งตอนมีงานประจำปีด้วยซ้ำร้าย โห
คิดแล้วยังหนุกไม่หาย ทุกคนจะต้องมาตั้งแต่ตีห้า
เพื่อมาวิ่งออกกำลังกาย ระยะทางก็ประมาณ 10 โลเห็นจะได้
วิ่งรอบเชียงรายเลย เหนื่อยแต่ก็หนุกนะ

ความจริงสมัยม.ต้น มีเพื่อนทอมมาขายหนมจีบด้วย
ก็รู้สึกแปลกๆ ดี ไม่มีผู้ชายมาจีบ แต่มีทอมมาจีบ คิคิ
เพราะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนก็เข้าใจอยู่บ้าง.....
ก็มีหลายคนนะ ก็จำไม่ได้ละ ว่ามีใครบ้าง
แต่ที่จำได้จนถึงทุกวันนี้ก็ "อั๋น"
เป็นคนที่ตื้อมากๆ
มาหาได้ทุกวัน แล้วแต่ละครั้งที่มาต้องมีของมาให้ตลอด
เราก็ไม่เคยรับเลย นึกแล้วก็ยังสงสารมันไม่หาย

หลังๆ มาเริ่มจะได้คุยกันบ้าง เพราะสงสารมัน
แต่ไม่ได้รับรักมัน เพราะเราไม่อยากมีแฟนเป็นผู้หญิงอะ
เลยบอกว่าเป็นแค่เพื่อนกันนะ มันก็รับฟังโดยดี
แต่......
มาหาทีไรก็ยังมีของมาให้ตลอด
เราก็เริ่มเก็บสะสมของที่ให้มาจนล้นตู้เลย
ไม่รู้ไรต่อไร ทั้งตุ๊กตา หนังสือ การ์ด ดอกไม้
ทำยังกะผู้ชายจีบผู้หญิงว่างั้นแหละ
ก็ดี ขอบใจนะ ที่มีความรู้สึกดีๆ ให้กัน

แต่.....
ตอนนี้ "อั๋น" แต่งงานแล้ว มีลูกสองคน 5555
เจอมันทีไรยังขำไม่หาย
บ้าได้ใจจริงๆ เลย

ยังมีอีกหลายคนเลย วีรกรรมไม่ต่างกัน
น้องแตซิ
เด็กรุ่นน้อง มาขายหนมจีบอีก
รู้สึกว่าจะเคยทะเลาะกะน้องยุ้ยด้วย
แย่งเรา โห ทำยังกะผู้บ่าวแย่งผู้สาวกันงั้นแหละ ทำไปได้
ไอ้เราดิ อายแทบเอาหัวมุดดินอยู่แล้ว


..................

นึกถึงน้องแอน น้องสาวของเรา คนนี้น่ารักมาก
จะว่าเป็นน้องสุดเลิฟก็ว่าได้ เจอครั้งแรกประทับใจสุดๆ
กว่าจะขอเป็นน้องเป็นพี่กันได้แทบแย่
เพราะน้องเค้าหาว่าเราไปจีบ
ไอ้เราก็บอกว่าไม่ช่ายทอมจะจีบได้ไง
แค่อยากขอเป็นน้องเป็นพี่แค่นั้น น้องแอนมันก็ตกใจกลัวมากๆ
คุยกันเกือบเดือนกว่าจะรู้เรื่อง
เป็นพี่น้องที่รูปร่างหน้าตาคล้ายๆ กัน นิสัยใจคอคล้าย ๆ กัน
ชอบไรเหมือนๆ กัน ความคิดคล้ายๆ กัน
ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ไปดูหนัง กินข้าว ช็อปกระจาย
ไปนอนที่บ้าน สลับกันไปกันมาบ่อยๆ
น้องแอนยังน่ารักเสมอในสายตาของพี่
เป็นน้องสาวที่ดีตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ดีใจ ตอนนี้ก็ยังติดต่อกันเรื่อยๆ คิดถึงน้องแอนมากมาย

ขอพักเบรคก่อน ค่อยมาเล่าความหลังใหม่
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เล่าไม่หมด แต่ก็มะเคยลืมเลย
ความทรงจำที่ดีๆๆ
คิดแล้วอดยิ้มไม่ได้

^^__^^

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

อายุเป็นเพียงตัวเลข

ตรวจสุขภาพประจำปีอีกรอบแล้ว
รอบนี้มีเครื่องตรวจสุขภาพรุ่นใหม่มาด้วย
เรียกว่าเครื่องตรวจวัดมวลกาย
ชื่อภาษาอังกฤษไรมะรู้ จำมะได้
รู้แต่ว่า คล้ายๆ เครื่องชั่งน้ำหนัก
แต่จะมีสายโยงยาวๆ ต่อกับที่จับมือ
เพื่อให้เรายืนตัวตรงแล้วจับที่จับมือ ยืดแขนไปข้างหน้า
ถือไว้สักครู่ รอเครื่องประมวลผลทำงาน ประมาณ 3 นาที
ก็ดีนะประมวลผลเร็วดี
เรายังอ่านผลไม่ค่อยรู้เรื่อง ให้พี่อ้วนอ่านค่าประมวลให้
เพราะพี่เค้าเป็นพยาบาลแล้วดูแลเรื่องนี้อยู่
ทุกคนอึ้งคะ คิคิ อายุร่างกายแค่ 20 เอง
แต่โดนแซวค่ะ ว่า.... อายุสมองป่าว 20 เนี่ย แหมๆๆว่าเรานะ
ไม่มีปัญหาเรื่องไรเลย ไขมันส่วนเกินก็ไม่มี
แต่บางคนคงไม่อยากรู้ เพราะเครื่องนี้จะบอกทุกอย่าง
ไขมันส่วนเกิน ทุกๆ ส่วนในร่างกายของเรา
เอ.... จำไม่ได้แล้วว่ามีไรอีกบ้าง
ต้องรอใบประมวลผลจากพี่อ้วนก่อน
เพราะแกจะเอาไปคีย์ข้อมูลถ้าเสร็จแล้วค่อยเอาผลมาให้อีกที
คงต้องคุยกันอีกยาว เพราะไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ทางแพทย์เท่าไหร่

สบายๆ

กลับมาก็ไม่ได้ทำไรเลย
นอกจากเก็บผ้าซัก ทำความสะอาดห้อง
เหนื่อยมากมาย ร้อนด้วย

เตรียมตัวมาทำงานต่อ

นึกว่าไปกรุงเทพครานี้จะไม่ได้ไปไหนซะแล้ว
ถ้าเราไม่บ่นนะ คงได้แต่เฝ้าแฟตอยู่ทั้งวัน
ดี ยังได้ไปเล่นเครื่องเล่นที่ดรีมเวิลล์อยู่




ได้ปลดปล่อยอารมณ์บ้างก็ดีนะ
เล่นมันทุกอย่างที่ขวางหน้า
เล่นเฉพาะไอ้ที่มันเสียวๆ ซะใจดี





เรือไวกิ้งเนี่ย นึกว่าจะไม่เท่าไหร่
แต่ไหงได้ ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
ลงมาจะอ๊วกซะให้ได้

ส่วนนี่ก็ใชย่อย
เรียกว่าพรมวิเศษ
ลงมาอาการก็คล้ายกับนั่งเรือเลย ท้องไส้ไม่ไหวจะอ๊วก




นี่เลย ห้องสโนว์ หนาวเย็นถึงขั้วหัวใจ
หนุกหนานดี แต่บัตรค่าเข้าแพงไปหน่อย




อันนี้ก็มันนะ โกคลาส
ง่ายๆ ก็รถแข่งนี่เอง มันส์สุดๆ
ไม่เคยได้ทำไรแบบมันส์ แบบนี้มาก่อนเลย
ครั้งแรกในชีวิต โห มันมาก



แต่ไม่มีไรสู้อันนี้ได้เลยนะ
นึกว่าจะไม่มีชีวิตรอดลงมาซะแล้ว
รถไฟเหาะเลย หุหุ
ไม่ช่ายว่าไม่เคยเล่นนะ
ปีที่แล้วก็เล่นไปรอบแล้ว
แต่ปีที่แล้วแล่นแต่รถไฟอันเดียว
เพราะลงจากรถไฟก็ไม่เล่นไรเลย
เนื่องจากว่า หัวใจจะวาย แข้งขามันอ่อนไปหมด
กลับมาปีนี้เลยขอเล่นเป็นอันสุดท้าย
ผลที่ออกมาคือเหมือนเดิม สภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่
เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดซะแล้ว กรี๊ดจนไม่รู้จะกรี๊ดไงละ
แต่ขอบอกว่า หนุกสุดๆ



ส่วนอันนี้รถเจ้าคุณปู่ ของเล่นเด็กๆ เค้า

อันนี้แหละ ไม่กล้าเล่น กลัวมาก
กลัวว่าขืนไปเล่นแล้วจะไม่มีชีวิตกลับเชียงราย
เฮอริเคน น่ากลัวจริงๆ แค่เห็นก็สยองแล้ว





ไอ้ที่วางแผนไว้ จะไปอัมพวา อด
ก็ยังเสียดายอยู่เนี่ย
แต่จะต้องหาทางไปให้ได้ รับรอง หุหุ

หนักไหม?...เหนื่อยไหม?

วัน ๆ หนึ่งของชีวิตเรา.....

ต้องคิด และทำอะไรหลายอย่าง

ทุก ๆ อย่างที่เราต้องทำ ต้องคิด......

มักอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เราบอกตัวเองว่า "เพราะความจำเป็น"

จำเป็นที่ต้อองทำ จำเป็นที่ต้องคิด

ทำ ๆ ไป คิด ๆ ไปตามความเคยชิน.....

ที่เราป้อนข้อมูลเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้

ทั้งความคิดและการกระทำของเรา....

จึงเหมือนโซ่ตรวน ที่ล่ามเราไว้

ไม่ให้มีอิสระจากความเคยชิน

เหนื่อยไหม?....หนักไหม?

หยุดคิด เพื่อพิจารณาสักนิด

เลือกคิด เลือกทำ.....

ในสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ

ปล่อยวางความคิด และการกระทำที่ไร้สาระ

ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ เลือก......

เพื่อปลดโซ่ตรวนบางตัวออกไป

แล้วเราจะได้รู้ว่า ชีวิตเราเบาสบายขึ้น

และยังเหลือพลังงานไว้สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ

เพื่อตนเอง และเพื่อนร่วมสังคมได้อีก

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

ไฮโซบ้านนอก คิคิ

นานๆ ทีจะได้เข้ากรุงเตบ
ความจริงก็จะว่าไปก็ไม่ค่อยหนุกนะ
ไม่ค่อยชอบไอ้ที่รถติด ควันดำ เบื่อ
แต่ก็ต้องมา รอบก็มาสอบอีกตามเคย
ม่ายรู้จะผ่านอีกป่าว แต่ก็ต้องสู้กันไป
มาตั้งแต่วันศุกร์เช้าละ
รอบนี้ถึงเร็วดีแฮะ ไม่ถึง 45 นาทีถึงนะ
เท่าที่ที่ดูตางรางเวลาก็ถึงเร็วกว่ากำหนดด้วยนะ
เที่ยวนี้ผู้โดยสารไม่ค่อยเยอะ ชาวต่างชาติไม่มาก
เลยไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่
เจอเพื่อนแอร์ที่ไม่ได้เจอกันนานเลย
แต่ไม่ได้คุยกันได้แต่ยิ้มอย่างเดียว เพราะกำลังยุ่ง เลยไม่ได้เข้าไปทัก
การเดินทางก็โอเค ไม่มีปัญหาเท่าไหร่
นั่ง shuttal Bus ไปต่อศูนย์การขนส่ง แล้วก็ต่อรถตู้ไปลงดอนเมือง
รอผู้หมวดพากษ์มารับ แล้วทำไมไม่ไปลงดอนเมืองเลยก็มะรู้
ก็จองตั๋วแล้ว แต่มันลงทีสุวรรณภูมิ ก็มะเป็นไร ไปมันทั้งสองที่เลย
มากรุงเตบสองวันละ แต่มะได้ไปแอ่วไหนเลย
วันแรกมาถึง ก็เข้าแฟตตำรวจหมวดพากษ์ก่อน
อากาศก็ร้อน หมวดก็ยังทำงานไม่เสร็จ เลยต้องนั่งๆ นอนๆ รอจนหลับไปตอนไหนมะรู้
ตื่นมาอีกที ห้าโมงเย็นเลย หมวดเลิกงานก็พาไปนั่งกินซีฟู้ดกัน
อร่อยดี ไอ้หมวดบ้า ว่าจะพาไปเลี้ยง ดั้นลืมเอาเป่าตังไป
สรุปพี่มันเลี้ยงเอง คิคิ อร่อยดี กุ้งตัวเบ้อเร่อ ไว้พาไปกินอีกนะ

กินเสร็จก็แวะไปบ้านอากันต่อ
เอ... ไม่ได้เรียกว่าแวะแล้วมั้ง จากบางเขน แล้วเข้าไปพุทธฆณฑลกันต่อ
ไปนั่งรอนอาอีก อาเลิกงานสี่ทุ่ม โอ กว่าจะได้เจอกันปาเข้าไปสี่ทุ่มสิบห้า
เค้าทำโอกันขนาดนี้เลยเหรอ ขยันกันจริงๆ
นั่งคุยกันไป ก๊งเหล้ากันไป ไอ้เราก็นั่งรอ นอนรอ หลับไปหลายรอบ
ออกบ้านอาก็ตีสามครึ่ง หมวดดันจำทางกลับไม่ได้ ก็สุ่มๆ มากัน
แต่ก็ถึงแฟตอย่างปลอดภัย ด้วยเวลาตีสี่ครึ่ง
ไม่อาบแล้วน้ำนะ ล้างหน้าอย่างเดียวแล้วก็นอนเลย ง่วงสุดๆ
ตื่นอีกที เก้าโมงเช้า โอยง่วงจังเยย.....

เก็บของเตรียมตัวไปบ้านพี่เก๋ต่อ
เบื่อกับการเดินทางจริงๆ เลย

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

ต้องไหวสินะ


ศรัทธา - หินเหล็กไฟ

ไม่มี ก็คงต้องมีสักวัน
ความฝันเป็นจริงต้องทนสู้ไป
ไม่นาน เราคงจะได้สมใจ
มุ่งมั่น ทุ่มเทเพียงใดกว่าจะได้มา

เส้นชัย ไม่มาต้องไปหามัน
รางวัล มีไว้ให้คนตั้งใจ
ขวากหนาม ทิ่มแทงก็ผ่านพ้นไป
โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย

ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา
โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ

ที่มา รู้ดีไม่รู้ที่ไป คนเรามันเลือกเกิดเองไม่ได้
แต่เราเลือกได้จะเป็นเช่นไร
เลือกได้จะทำตามใจด้วยตัวของเรา
หลายคน เชื่อในเรื่องโชคชะตา
บางคนเชื่อมั่นในตัวเอง
ชีวิต เรากำหนดของเราเอง
จะแพ้ชนะไม่เกรงจะสักเท่าไร

ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา
โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ

เรื่องราวมากมายที่ทำ ได้ใจโอบก็หวั่นไหว
แต่ก็มีเหตุผลสำคัญ ให้บางคนยอมถอดใจ เย.......

ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา
โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ