วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ชอบอ่านหนังสือ

เราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต
ด้วยการทำงาน  ด้วยการฝึกคิด
และด้วยการอ่านหนังสือ

ฉันเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก
แต่หนังสือเรียนไม่ค่อยเท่าไหร่  คิคิ
ถึงได้ยังสอบไม่ผ่านกะคนอื่นเค้า หุหุ
แต่ถ้ามีคนถามว่าชอบมากแค่ไหน
คำตอบของฉันก็คงจะเป็น....
"มากเท่าๆ ๆกับที่อยากหายใจอยู่บนโลกใบนี้"


วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สิ้นปีแล้วซินะ

จาสิ้นปีแล้วนะเนี่ย
ยังทำไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันกะเค้าเลย
ยังไม่มีผลงานอะไรน่าดีใจกะคนอื่นเค้า
ก็ปล่อยไปงี้แหละ เรื่อยๆ  เปื่อยๆ  
ปล่อยชีวิตให้ลอยไป ลอยไป  แล้วก็ลอยไป
มันต้องมีสักวันที่เป็นวันของเรา ว่ามั้ยละ

^^
ชีวิตมีทั้งสุข ทุกข์ปนเปกันไป
ก็ดี มีสีสัน
ม่ายรู้ขึ้นปีใหม่จะเป็นไงบ้าง

ขอให้ดีๆ ขึ้นบ้างก็โอแล้ว


วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไดอารี่มีชีวิต4

ทุกวันนี้ฉันยังเก็บไดอารี่ที่เขียนทุกเล่มไว้เป็นอย่างดี
ในเวลาที่ฉันคิดถึงอดีต....
เวลาที่ฉันอยากนำบทเรียนชีวิตเก่าๆ  มาสอนตัวเองในปัจจุบัน
ฉันก็จะหยิบมันขึ้นมาอ่าน...
และทุกครั้งก็จะรู้สึกว่า    "นี่แหละ...ประวัติศาสตร์ชีวิตของฉัน"
........................
เพราะฉะนั้น...มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตกันเถอะ
ใช้มือเขียนไปตามที่หัวใจคิด
ไดอารี่ไม่ใช่ข้อสอบ...จึงไม่มีคำว่า  "ถูก"  หรือ  "ผิด"
ที่เหลือก็อยู่ที่เราแล้วละว่า....จะคิดดีหรือร้าย!!!!!!!!

(---)




วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไดอารี่มีชีวิต 3

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ไม่ได้เป็นนักเขียนจะไม่ช่ายคนที่เขียนไม่ดี
และคนที่เป็นนักเขียนก็ช่ายว่าจะเป็นนักเขียนที่ดีทุกคน
หากสิ่งสำคัญมันอยู่ที่ "ความรู้สึก"
ถ้าอยากเขียนแล้วเขียนด้วยใจ  ไม่ใช่เขียนด้วยความหวัง
ไม่ว่าสิ่งสุดท้ายที่เราเขียนมันจะกลายเป็นหนังสือสักเล่ม
หรือมันจะกลายเป็นแค่เพียงไดอารี่ที่มีเราเพียงคนเดียวได้อ่าน
แต่ฉันว่ามันก็มี  "ชีวิต"  ในตัวของมันเองแล้ว

^^

กะเพาะกำเริบอีกแน่ๆ ปวดท้องจังเยยย

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไดอารี่มีชีวิต 2

การได้เขียนไดอารี่ก็ดีไปอีกแบบ
เป็นการระบายความทุกข์ที่ได้ผลดียิ่ง
ใครไม่สนช่างคนเค้า เราได้ระบายแล้วสบายใจก็ดี
จะได้ไม่อึดอัด สบายใจโล่งอก
เหมือนยกของหนักออกจากตัว
ความจริงไม่อยากแบกรับหรอกนะ ไอ้ของหนักๆ  นะ
แต่ทำไงได้ละ
พยายามเอามันออกแล้ว ก็ทำได้แค่เป็นบางส่วนเท่านั้น
ไม่มีใครช่วยเราได้ นอกจากตัวเราเอง
ฉะนั้น การที่ได้ระบายเรื่องราวออกมาบ้าง
ก็ทำให้รู้สึกดี ....
ขึ้นมานิดหนึ่งก็ยังดีนะ....

คริสมาสแสนเศร้า

ม่ายรู้ว่าจะไปไหนดี คริสมาสนี้
อยู่บ้าน แล้วก็อยู่บ้าน
เหนื่อย ไม่อยากไปไหน อยากพักสมอง
อยากอยู่นิ่งๆ ปวดหัวกะเรื่องต่างๆ นานา
อยากหายตัวได้จัง
อยากหายจากโลกนี้ไปได้ยิ่งดี
โลกนี้ช่างวุ่นวายจิงหนอ

----

คริสมาส

               ..:* *:..


         ..:* *:....:* *:..

         ..:* *:....:* *:..

    ..:* *:....:* *:....:* *:..

    ..:* *:....:* *:....:* *:..

..:* *:....:* *:....:* *:....:* *:..

    ..:* *:....:* *:....:* *:..

    ..:* *:....:* *:....:* *:..

                 I    I

                 I    I
Merry ..:*          *:.. Christ mas!

 
  ^^


 
★Merry★* 。 • ˚ ˚ ˛ ˚ ˛ • •


。★Christmas★ 。* 。° 。 ° ˛

˚˛ * _Π_____*。*˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •˛

•˚ */______/~\。˚ ˚ ˛ ˚ ˛ •˛

• ˚ | 田田 |門| ˚ ˛ ˚ ˛ •

& Happy New Year 2010-BEST CHRISTMAS WISHES TO YOU

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ฝนหลงฤดูอีกแล้ว

นึกว่าฝนจาตกแยะซะอีก
ก็แปลกเนาะฤดูหนาวมีฝนซะงั้น

วันนี้ก็ตื่นมาแต่เช้าเลย
รับอากาศเย็นๆ  หนาวมากๆ
หมอกกระจาย
สงสัยวันก่อนฝนตกส่งท้าย   เลยส่งผลให้วันนี้มีหมอกแยะ
ขับรถไปทำงานเสื้องี้เปียกน้ำไปหมด
ดีนะใส่หมวกกันน็อค  มิงั้น หน้าก็คงเปียกไปหมดเหมือนกัน


หมอกหนากระจายเลย



แถวๆ  ลานพ่อขุน  ตอนเช้าๆยังไม่ค่อยมีรถเท่าไหร่  มีแต่หมอกเต็มเลย

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไดอารี่ มีชีวิต1

ฉันเริ่มเขียนบันทึกประจำวันเมื่อตอนเรียนมัธยมสาม
จำได้ว่าตัวเองแอบไปเห็นพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเขียน
ตอนนั้นอารมณ์ประมาณเห็นพี่สาวเป็นเหมือนแบบอย่าง
และด้วยความที่เราก็อยู่ในช่วงกำลังเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น
พอเห็นคนที่เราชื่นชมทำอะไร....ก็อยากทำอย่างนั้นด้วย
ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ช่วยทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองรักการเขียน

ฉันไม่รู้หรอกว่า  ฉันอยากเป็นนักเขียนรึป่า.....
รู้แต่ว่าพอเขียนแล้ว....มันสนกุ
อะไรที่มันเป็นความทุกข์  ...ที่พูดออกมาไม่ได้
ฉันก็เลือกที่จะระบายลงในหน้ากระดาษ
อะไรที่มันเป็นความสุข...ที่เล่าใครแล้วก็ยังไม่หนำใจ
ฉันก็เลือกที่จะบรรยายเอาไว้เป็นตัวหนังสือ
กว่าจะรู้ตัว...ฉันก็เป็น "นักเขียนไดอารี่" ไปแล้ว  
คิคิ  นักเขียนสมัครเล่น

^^
ตื่นตั้งแต่ตีสี่ละ
ไม่รู้ทำไร  นั่งเขียนไปเรื่อยๆ  คิดไรออกก็เขียน
นอนนี้ก็เริ่มง่วงแล้ว  ตีห้าสิบเจ็ด  นอนอีกรอบก็ยังทัน -อิอิ-

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ไดอารี่ มีชีวิต

การเขียนไดอารี่  มันดีตรงที่...
คิดอย่างไร...ก็เขียนมันไป
ไม่ต้องใช้หัวใจบังคับปากกา
แต่สิ่งที่ "คิด"  นั้น...จะ  "ทำ" ได้จริงหรือไม่?
อย่าลืมใช้สมองไตร่ตรองก่อนด้วยนะ


ปล..  ง่วง  ขอนอนก่อน  ไว้มาต่อวันใหม่

ดาว

หลายครั้งที่มองดาวบนฟ้า
แล้วบอกกับคนข้างๆว่า  "ดาวสวยจัง"
ความจริงแล้วไม่มีใครเลย
ก่อนที่จะกระซิบบอกตัวเองดังๆ
"แต่ถ้าได้นั่งมองอยู่ที่บ้าน...  คงสวยกว่านี้"


วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มิตรภาพระหว่างหัวใจ

การที่เราได้รู้จักใครสักคน...
ก่อให้เกิด ?มิตรภาพที่งดงาม
การที่เราจะชอบใครสักคน..
ก่อให้เกิด ?มิตรภาพแห่งความประทับใจ
การที่เราจะประทับใจใครสักคน..
ก่อให้เกิด ?มิตรภาพที่แสนหวาน
การที่เราจะรักใครสักคน....
ก่อให้เกิด มิตรภาพระหว่างหัวใจ
การสร้างมิตรภาพนั้นง่าย...
แต่การจะรักษามิตรภาพให้คงอยู่ต่อไปนาน ๆ นั้น..
เป็นการกระทำที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง...
รู้จักคนมากหน้าหลายตา... เป็นร้อยเป็นพันคน..
ก็ยังถือว่า...มิตรภาพยังน้อยอยู่.. แต่การรู้จักใครสักคน.. อย่างจริงใจ..
และมั่นคง.. แม้จะมีเพียงไม่กี่คน.. ก็ได้ชื่อว่า ...
มีมิตรภาพอย่างแท้จริง... ในทางกลับกัน..
การมีมิตรภาพเป็นพัน..เป็นหมื่นคน..
ชื่อว่า..น้อย..ก็จริง... แต่การสร้างศัตรูแม้เพียงคนเดียว..
ก็ถือว่า..มาก..แล้ว.. คนที่รัก...คนที่ชอบ...
แม้จะมีมากเพียงใด... ขอให้รักษามิตรภาพเหล่านั้นไว้..
ในจริงใจของคน ๆ นั้น.. แม้เพียงคนเดียว...
ด้วยความจริงใจ.. มิตรภาพ ..คือ..ความงดงามในจิตใจ..นั้น
ก็ถือว่า...เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด..
ยิ่งใหญ่ที่สุด.. มากกว่า..การสร้างศัตรูแม้เพียงคนเดียว...
คนที่รัก.. อาจกลับกลายเป็นศัตรูได้...เมื่อทำผิดใจ..
คนที่เราไม่รัก... อาจกลับกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดก็เป็นได้...
เมื่อให้อภัย... จงพยายามรักษามิตรภาพที่มีอยู่...
และจงสร้างมิตรภาพใหม่..ในศัตรู..
โดยการให้ความจริงใจ...เชื่อใจ...ให้อภัย..
รักษาน้ำใจ.. ให้คงอยู่กับทุก ๆ คน..อย่างจริงใจ..
มิตรภาพระหว่างหัวใจ...

ปล. ข้อมูลจาก www.teenee.com

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ปาย อิน เลิฟ

ฉันมีความทรงจำดีดี ในหลายที่ที่เคยไป


ทะเลภูเขา สายธารเมฆหมอกขาว

แต่มีเรื่องราวที่หลากหลาย

ได้เคยเห็นความหวัง ในรอยยิ้มของผู้คน

เคยมีความกังวล บนถนนเมื่อฝนพรำ

และมีความสุขใต้ฟ้าสีดำ ในคืนที่มีดาวพร่างพราย



แต่สิ่งเหล่านั้น มันคงเป็นเพียงความทรงจำล่วงเลยผ่านไป

ที่มันมีความหมายต่อใจฉัน

เพราะเธอได้ผูกพันรักไว้ในความทรงจำ

ไว้คอยย้ำเมื่อยามมองดูรูปถ่าย

ยิ้มของเธอทำให้เวลานั้นมีความหมาย

เหมือนมันมีเธอมาเขียนเรื่องราวให้



เธอทำให้รู้ว่าความสุขนั้นมีค่า

เมื่อเธอมาแบ่งปัน

อะไรที่มีความหมายมากมาย

ย่อมไม่ดีกว่า ถ้าเธอไม่ผูกพัน



แล้วชีวิตฉันพร้อมจะวางเอาไว้

ลงในมือเธอคนที่สำคัญกว่าตัวฉัน

กว่าชีวิตฉัน ฉันสัญญา

มากกว่าตัวฉันกว่าชีวิตฉัน ฉันสัญญา



อยู่บนทางเดินที่สวยที่งาม

ที่บางทีแค่วันผ่าน ไม่นานก็เผลอลืมเลือน

หากแต่มีเธอคอยเตือนให้ปลูกรักไว้รอเรากลับมา



เพราะชีวิตบางทีก็วนมาบนทางสายเก่า

วันหนึ่งรักจะโตเป็นเงาให้เราพักสายตา

ถ้าไม่มีรักแล้วใครจะรู้ว่า จะเป็นเช่นไร



เธอทำให้รู้ว่าความสุขนั้นมีค่า

เมื่อเธอมาแบ่งปัน

อะไรที่มีความหมายมากมาย

ย่อมไม่ดีกว่า ถ้าเธอไม่ผูกพัน



แล้วชีวิตฉันพร้อมจะวางเอาไว้

ลงในมือเธอคนที่สำคัญกว่าตัวฉัน

กว่าชีวิตฉัน ฉันสัญญา

มากกว่าตัวฉันกว่าชีวิตฉัน ฉันสัญญา



ฉันฉันฝันถึงวันดีดี ในหลายที่ที่เคยไป

หากเธอเป็นภูเขา ฉันจะเป็นเมฆหมอกขาว

ที่โอบกอดเธอชิดใกล้

และเธอเป็นทะเล ฉันจะเป็นแม่น้ำ

ที่ไหลรินตามไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ใด



ฉันจะไปหา ฉันจะไป

เพราะความรักทำให้รู้ว่า

จะมีชีวิตเพื่อคนที่สำคัญกว่าตัวฉัน

กว่าชีวิตฉัน ฉันสัญญา


ชอบจัง




ฝันรึป่าว

เมื่อคืนกึ่งหลับกึ่งตื่น
ไม่รู้ว่าฝันหรือว่าจิงนะ
รู้สึกว่าฝนตก
แต่เอ......
ฤดูหนาว  จามีฝนได้ไง
แต่รู้สึกว่าเหมือนได้ยินเสียงฝนตกป๊อกแป๊ก

เปลี่ยนที่นอน 
นอนไม่หลับเล้ยยยยย
ตื่นมาตั้งแต่หกโมงฝ่าๆๆ  ละ
อยากนอนต่อก็นอนไม่หลับ

ตอนนี้เริ่มง่วงอีกแล้ว

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ลาอ่วยไป 1 วัน

งดไปทำงานวันหนึ่งคะ
เนื่องว่ามาทำธุระต่างจังหวัด

วันเสาร์ก็ต้องรีบกลับบ้านไปส่งแม่งานอารายนะจำมะได้
อ่อ  งานขอบคุณลูกค้า  แม่จาไปดูคอนเสิร์ต
ต้องไปเป็นเพื่อน เพราะพ่อไม่ไป  เฮ้ออออ

ความจริงอยากจะลาสักสิบวัน ท่าจะดี  หุหุ

แล้วจาลาทำอารายละเนี่ย
ลาแค่วันเดียวก็เริ่มเบื่อแล้ว
ไม่มีอะไรให้ทำเลย
นอกจากอยู่เฉยๆ
นอนก็นอนไม่หลับ
เนื่องว่าไม่ได้นอนกลางวันมานานโขแล้วนะ

ทำงานก็หนุกดี  แต่ว่าปวดหัวกะคนซะมากกว่า
เคิ้ววววววว

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อันธพาลครองเมือง

พักนี้ได้ยินบ่อยมาก   เรื่องโทรศัพท์แปลกๆ 
ที่คอยโทรหาคนนั้นคนนี้
แล้วบอกว่าคุณค้างชำระหนี้
เป็นจำนวนเงินเท่านั้นเท่านี้
ซึ่งบางคนที่รู้ก็จะไม่พูดไร  ก็วางสายไป
ส่วนคนที่ไม่รู้ดิ  ก็คุยกะเค้าเป็นเรื่องเป็นราวไป
โดยไม่รู้ว่ากำลังโดนหลอกอยู่

ซึ่งวันนี้ก็มีพี่ที่ทำงานสามคน  เจอกะเหตุการณ์แบบนี้จังๆ  เข้าแล้ว
บอกว่าค้างชำระค่าภาษีต่างๆ  เป็นจำนวนเงิน สามหมื่น
พี่เค้าตกใจใหญ่  แต่ก็ยังไม่ได้ปรึกษากะใคร  ก็คุยโทรศัพท์ต่อ
พอเค้าเริ่มถามมาก ๆ เข้าก็เริ่มเอะใจ
แล้วก็ถามเกี่ยวกับชื่อ - สกุล 
หนักเข้าก็ เลข 13 หลัก 
ตอนนี้ก็เลยเริ่มรู้ตัวละ
กดปิดโทรศัพท์เลย
แต่ก็ยังโทรหาอีก
พี่เค้าก็เลยเริ่มรำคาญ  บอกว่าถ้าโทรมาอีกจะแจ้งตำรวจ
แป๊บเดียวแค่นั้นแหละ วางหูไปเลย
งี้ก็มีด้วย หากินกันแบบนี้  คงเจริญกันละ เฮ้อออออ

น่าสงสารคนที่ไม่รู้นะ  คงถูกหลอกไปหลายรายแน่ๆ 
สงสารจริงๆๆ เลย

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อิจฉาคนถูกหวยเฟ้ย

วันนี้หวยออก
พี่ๆ  น้องๆ  ในห้องก็คิดกันใหญ่
ว่าจะซื้อไรกันดี  อีลุงกุ้ง ก็เป็นอีกคนที่ซื้อหวย
มาถามเราว่าหวยออกไร ใครจะไปรู้ละเนี่ย
ถ้ารู้ก็คงไม่ต้องมานั่งทำงานให้เหนื่อยแล้วละลุง
อยู่บ้านใบ้หวยหาเงินน่าจะดี  คิคิ
ก็เห็นแกนั่งครุ่นคิดอยู่นาน
นั่งดูนั่นดูนี่ งานการไม่ทำละคะวันนี้ เพราะคิดเรื่องหวยอยู่
เป็นอันว่า สรุปแล้วได้ซื้อหวยไปหลายตัวเหมือนกัน
โดยใช้วิธีการสุ่มมั่วไปเรื่อย
เลขที่ได้ก็มีห้าตัว  หนึ่งในนั้น  ก็มี 141
ซึ่งเป็นตัวที่ถูกรางวัลด้วย

รู้มั้ยว่าแกเอามาจากไหน

แกนั่งดูปฏิทิน  พลิกไปพลิกมา
ก็ได้คำตอบว่า วันนี้เป็นวันพระ  แรม 14 ค่ำ  เดือน 1
สรุปซื้อเบอร์นี้แหละ เต็งๆ  10 บาท
มีแต่คนบอกว่าเพี้ยน  ซื้อไปได้ไง
แต่มันออกจริงๆ  ด้วยแหละ
คนที่หัวเราะๆๆๆๆ  จ๋อยไปเลย    หุหุ สนน.

พรุ่งนี้ได้กินข้าวฟรีคะ
ลุงจาเลี้ยงข้าว

ปล.  ร้อนๆ หนาวๆ เป็นหวัดไม่หายสักที

โลกกลมจิงๆๆ


ไม่ได้เจอเพื่อนรุ่นน้องคนนี้นานละ
สิบกว่าปีเห็นจะได้
รู้จักต๊อกสมัยเรียนมัธยมต้นแล้ว
เราเรียนกันคนละโรงเรียน
แต่ไปเรียนพิมพ์ดีดที่  กศน.ด้วยกัน เลยรู้จักกัน
อยู่ด้วยกันเกือบสามสี่เดือน 
ต๊อกเป็นเด็กน่ารักนะ ตาโต ๆ แก้มป่องๆ  น่ารักมากๆๆ
ต๊อกเป็นเพื่อนกะนายโล้นซ่าส์  เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน  คิคิ
เห็นรูปปั้บ บอกเลยว่าช่ายยัยต๊อกแน่ๆ
และแล้วก็ช่ายจริงๆ  ด้วย  ดีใจอย่างบอกไม่ถูก

ตอนนี้ก็ได้คุยกันบ้างละ
แต่ยังไม่หนำใจเท่าไหร่
เพราะต่างคนต่างก็มีงาน
ยิ่งช่วงนี้เราก็ยุ่งมากๆ ด้วย
ทำสรุปงานประจำปี    นั่งหน้าคอมทั้งวัน  ปวดลูกกะตาไปหมด
แต่กำลังนัดเจอกัน  หุหุ 
อยากเจอหน้าสุด ๆ

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ถ้าหาได้ง่ายคงดี

ถ้าหากความสุขมันหาซื้อได้ง่าย
ตามร้านสะดวกซื้อก็คงดีนะ
ทุกคนบนโลกใบนี้ก็คงไม่มีใครที่รู้จักกับคำว่า  "ความทุกข์"

แต่เพราะ...ชีวิตจริงมันไม่ง่าายขนาดนั้น
ไม่ว่าที่ใดบนโลก..ความเป็นจริงคือมันมีสองด้าน
บางความทุกข์...เราไม่สามารถกำหนดได้
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเผชิญหน้ากับมันแบบใด 
และเราก็รู้ดี...
บางความสุข...เราสามารถสร้างขึ้นมาได้ในหัวใจ
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเผชิญหน้ากับมันไหม  ...ก็เช่นกัน

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โกหกอีกจนได้

กลับบ้านไปเอาสมุดบัญชีธนาคาร  ตอนเที่ยง
ดันไม่มีใบขับขี่ เลยโดนตำรวจจับซะเลย
ไอ้เราก็หาทางเอาตัวรอดซะหน่อย
โกหกไปว่าต้องรีบไปทำธุระให้เจ้านาย
ก็เลยขอโม้เอาชื่อรองปลัดเทศบาลไปอ้างซะ
ปรากฏว่าได้ผลซะด้วย
คุงพี่ตำรวจปล่อยไปอย่างง่ายดาย
แต่ก็ปล่อยขอแกล้งจดชื่อกะนามสกุล
แล้วก็แกล้งเขียนนั่นเขียนนี่
ที่ทำอย่างนี้ไม่ช่ายไรหรอก
ต้องแกล้งทำทีว่ากำลังเขียนใบสั่ง
เพราะมีประชาชนตาดำๆ  อีกหลายคนที่โดนจับอยู่
จึงต้องทำอย่างนั้น

*-*
คิคิ

วันนี้ตำรวจเชียงรายน่ารักมาก ๆ

กลับมาถึงสำนักงานเรียบร้อย
ก็เลยสารภาพกับรองฯ  ว่าได้ยืมชื่อไปแอบอ้างนิดหน่อย
แกหัวเราะใหญ่เลย
ดีนะที่หัวเราะ ไม่ด่าเราก็ดีแล้ว หุหุ

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สู้...ต่อไป

เจ็บปวดกับความผิดพลั้ง เหมือนหนทางผิดกั้นมืดสนิท


มีบ้างไหมความสุขในชีวิต ใครหนอใครที่ลิขิตชีวิตเรา

มองดูแล้วก็คงไม่มีใคร ที่คอยปลอบใจยามปวดร้าว

ถ้าอย่างนั้นจงทำเสียเถิดเรา อย่ามัวเศร้าหรือเสียใจไปเลย

ไม่มีอะไรน่าเสียใจ


ถ้าเราต้องเริ่มต้นใหม่อยู่เสมอ

เพราะถ้าพระอาทิตย์ไม่ตกดิน

เราก็จะไม่ได้เห็นรุ่งอรุณที่สวยงาม

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แจ๋วอีกแล้ว

วันหยุด ก็ไม่ได้หยุด
งานบ้านตรึม
ปลวกก็ขึ้นเกาะเต็มประตูเลย
สงสัยคงอยากได้ประตูใหม่แน่ๆ
วันนี้ทำบาปอีกแล้ว
ฆ่ามด ฆ่าปลวกไม่รู้กี่ตัวเลย

แต่เมื่อเช้าตื่นมาตั้งแต่หกโมงแล้ว
ตื่นมาใส่บาตร  แต่ไม่รู้จาล้างบาปครั้งนี้ได้ป่าวนะ 

ผิดหวัง

ชีวิตของฉันที่ผ่านมา...
มีอะไรหลายอย่างที่อยากทำ แต่ทำแล้วไม่ได้ดี
มีอาชีพที่ฉันเคยฝันว่าอยากทำให้ได้  แต่ก็ไม่ได้ทำ
แต่ฉันไม่เคยเสียใจ
....
มีเพียงแค่ความผิดหวัง...
ที่ความฝัน...สุดท้ายแล้วมันก็เป็นความฝัน
แต่ฉันก้เลือกที่จะยิ้มรับกับความผิดหวังนั้น
เพราะอย่างน้อย ฉันก็ได้พยายามทำแล้ว
และแม้ว่าในตอนสุดท้าย...
คำตอบที่ได้มันจะไม่ใช่อย่างที่ฉันฝันไว้
ความเป็นจริงในสิ่งที่ฉันทำได้ดี
กลับกลายเป็นอีกอย่างที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน
แต่มันจะแปลกอะไร?????

ปล.  เสียใจ+ผิดหวังนิดหน่อย  สอบ กพ.  ไม่ผ่าน  เฮ้ออออออ

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อยากย้อนเวลาได้จัง

วันนี้ไปตรวจโรงครัวที่โรงเรียนสามัคคีมา
หนุกหนานกันไปตามประสา
เด็กๆ น่ารักดี วัยอยากรู้อยากเห็น อยากลอง
ขอทำนั่นทำนี่บ่อยๆ  ก็เลยบ่อยให้ลองทำดู


ให้นักเรียนลองทำดู
ชอบกันมาก ๆ

แม่ค้าก็กัวกันใหญ่ ว่ามือตัวเองจะสะอาดป่าว
พากันล้างยกใหญ่  คิคิ
ความจริงก็อยากให้ไปตรวจโรงเรียนเก่าของเราบ้าง
ดำรงราษฏร์สงเคราะห์  หุหุ   คิดถึงโรงเรียนจังเลย
ไม่ได้เข้าไปนานละ ล่าสุดไปไหว้ครูกะเพื่อนๆ  แต่เมื่อสามปีที่แล้วละ
เพราะไม่มีเพื่อนไป มันอยู่ต่างจังหวัดกันหมด
ไว้กะว่าจะไปอีกทีตอนสงกรานต์ ไปรดน้ำดำหัวพร้อมกันใหม่อีกรอบ

เห็นเด็กๆ  นั่งทำข้อสอบกัน
หน้าตาเคร่งเครียด
บางคนแอบลอกกันด้วย เป็นภาพที่คุ้นๆ ตา
เหมือนกับว่าเราก็เคยทำ  หุหุ
คิดแล้วอยากย้อนกลับไปเรียนหนังสือบ้าง  คงหนุกน่าดู



ไอ้ที่ทำได้ก็ทำใหญ่เลย  ส่วนไอ้คนที่ทำไม่ได้  ก็นั่งหลับไปตามๆ  กัน

วันนี้ไม่ได้อยู่สำนักงานเลย
ทัวร์ตลอด 
ส่งหนังสือประชาสัมพันธ์งานปีใหม่ให้เทศบาล
เกือบจะทั่วนครเชียงรายเห็นจะได้
นั่งรถไปก็ง่วงไป  เฮ้อออ   ตื่นเช้าไปหน่อย
ไม่ไหวๆ 
เดินส่งหนังสือไป สะดุดเท้าตัวเองไป หัวแทบขมำ
เฮ้อออ  ยังไม่หายโก๊ะนะเรา

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พักหนึ่งวัน

ได้พักหนึ่งวัน ก็ดีมาหน่อย
แต่พรุ่งนี้ลุยงานต่อ
แล้วก็จะได้หยุดอีกสองวัน
ม่ายรู้จะต้องทำอะไรต่อมิไรอีกน้ออออออ

ตื่นซะสายเลยวันนี้  ปาไปเกือบเก้าโมง
แล้วก็มาลุยงานบ้านต่อ
ทำนั่นทำนี่  ก็ใช้เวลามากโขเหมือนกัน
ค้นหาหนังสือในเน็ต ก็ยังไม่ได้ดั่งใจ
ไปร้านหนังสือก็ไม่มี
สั่งจองไปแล้้วไม่รู้จาได้รึป่าว
เซ็งอีกแล้ว
จาเอาไรมาอ่านละทีนี้

นอนเอาแรงดีฝ่าพรุ่งนี้เริ่มงานอีกหนึ่งวัน
ก็ได้พักแล้ว ดีใจจริงน้อ

ยังไม่รู้คำตอบ

ชีวิตของฉัน...มีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากทำ   แต่ยังไม่ได้ทำ
          มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายที่ที่อยากไป แต่ยังไม่ได้ไป
มีสิ่งของอีกหลายอย่างที่อยากได้   แต่ยังไม่มีกำลังที่จะซื้อ
มันเป็นความหวัง    เป็นความฝัน  เป็นจุดหมายที่อยู่ในใจ
                                         แต่ในอนาคตจะทำได้หรือไม่?
                                 ...แม้แต่ฉันเอง ก็ยังไม่รู้คำตอบ.....
.                                 ......................................................

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อ้อมกอด


"อ้อมกอด"
การแสดงออกแทนคำพูดนับพัน
ฉันชอบดูคนกอดกัน
เปล่านะ...ฉันไม่ได้ชอบเห็นฉากเลิฟซีนแต่อย่างใด
แต่ฉันหมายความว่าฉันชอบเห็นภาพ  "คนกอดกัน"  จริงๆ
....................................
เพราะการกอดกัน..เป็นการแสดงออกถึงความรู้สึก  "รัก"
และ "ความรัก"ก็เป็นความรู้สึกดีดีที่ยากจะหาคำใดมาอธิบายได้
เวลาที่เรารู้สึกรักใครสักคน...หรืออยากบอกเขาว่าห่วงใย
การกอด...จึงเป็นวิธีการแสดงออกง่ายๆ  ที่ทำให้เข้าใจถึงความหมายนั้น

"เพราะแค่  "กอด"  เท่านั้น   ...มันก็แทนคำพูดว่า  "รัก"  นับพันครั้งแล้ว"

สดชื่น.....

ได้นอนพอแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย
ตื่นมาพร้อมกะความสดชื่น 
วันนี้หนาวนะ
ขับรถใส่ถุงมือ ผ้าพันคอ แถมถุงเท้าด้วย
เหอๆๆ  ต้องดูแลตัวเองหน่อย
ไม่อยากเป็นหวัด
เดี๋ยวไม่ได้เที่ยวปีใหม่กะคนอื่นๆ
เอ...  ว่าแต่เรายังจะได้ไปเที่ยวอีกเหรอเนี่ย
ยังไม่มีโปรแกรมเลย 
ต้องรอโชว์เฟอร์ขวัญอย่างเดียว
ขวัญไปไหน  เข็มไปด้วย  คิคิ...

*-*

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ใจไม่อยู่กะร่องกะรอย

หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม
เอ...วันนี้เป็นไรน้อ
รู้สึกมึนๆหัวนะ
ขับรถก็ใจลอยชอบกล
วันนี้นับได้ก็สามครั้งแล้ว
ที่ขับรถแล้วไม่ได้เอาขาตั้งมอไซด์ขึ้น
ดีซิที่รถไม่ล้ม

ลุกๆ นั่งๆ ก็เหมือนจะไม่ไหว   อาการน่าเป็นห่วง

สงสัยจาพักผ่อนไม่เพียงพอแน่ๆ ๆ

เมื่อกี้ก็นอนไปรอบละ
นอนแบบไม่ได้ตั้งใจ
เดินเข้าไปในห้องแล้วไม่รู้นอนตอนไหน
พอดีได้ยินเสียงหมาเห่าสะดุ้งตื่น
โอ!!!  ไหงมานอนข้างเตียงได้หนอเรา
จะว่าเป็นลมก็ไม่น่าใจ  ง่วงเหรอ  ยังงงตัวเองอยู่เลยนิ
เฮ้อออออออ  ไม่เข้าใจ

พี่ไก่ก็ทักว่าช่วงนี้ผอมนะ
แก้มหายไปไหน
หน้างี้ตอบเชียว
คงจาไม่ได้พักอย่างที่ว่านั่นแหละ
เหนื่อยกะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เครียดกะเรื่องบ้าบอคอแตก
ตอนนี้กำลังพยายามทำใจให้สบาย
จาได้หาย
เพราะไม่งั้นคงได้ไปนอนโรงบาลแน่ ๆ

วันนี้จานอนแต่หัวค่ำเลย

เออ... เมื่อคืนก็ฝันเห็นผีด้วย
นอนละเมอทั้งคืน
ไม่น่าดูหนังผีเลยเรา
ความจริงก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยนะ
ไม่น่าเอาไปฝันได้เป็นเรื่องเป็นราว 
ในฝันน่ากลัวสุดๆ  คิดแล้วสยอง
ขืนฝันอย่างนี้บ่อยๆ  คงต้องตายแน่เลยเรา

อูยยยยยยย  ฝันร้าย

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทัวร์เจียงใหม่กลับมาแล้วเจ้าาาาา

กลับจากเชียงใหม่ก็เกือบๆสี่ทุ่มละ
อาบน้ำแล้วกะว่าจะนอนเลย
แต่ดันไม่อยากนอน ก็เลยมานั่งเลยบล็อคเล่นๆ
รถติดมาก ๆ เหนื่อยกับการเดินทางสุดๆ
รู้งี้ไม่ไปซะก็ดี
แต่ก็หนุกดี  เดินทั้งวันขาแทบหลุด
น่องระบมเลยเรา

บัณฑิตใหม่  หน้าตาสดใสสวยสมวัย



เหอๆ  นี่ใครก็ไม่รู้




สามพี่น้อง คนกลางนะ ยัยบ้าไหนก็ไม่รู้
แต่ไอ้สองคนนะ  บัณฑิตคือน้องอ้อม  อีกคนยัยอี๊ด  เป็นพี่น้องกัน




ส่วนยัยสองคนเนี่ย  น้องน้ำกะน้องนุ่ม  สองพี่น้องยอมวุ่นวาย
อ๊วกกระจายในรถเลย เฮ้อออ ชวนพากันเวียนหัวไปหมด

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ร่วมพิธีวันพ่อ

ที่หมู่บ้านจัดพิธีถวายพระพรพ่อหลวง
เลยไปร่วมกะเค้าหน่อย
เจอเพื่อนเก่าๆหลายคนเลย
มีพระมาให้พรด้วย
จุดพลุกันดังสนั่น
ปล่อยโคมไปหลายลูก
สุดท้ายก็จุดเทียนถวายพระพรแด่ในหลวง
เป็นอันเสร็จพิธี

ภาพออกมาไม่ค่อยสวย มือสั่น  หนาวอะ

หนาวแต่บรรยากาศอบอุ่น คับคั่งไปด้วยผู้คน

เราจุดเทียนแบบนี้มาหลายปีละ แล้วก็ยังอยากจะทำต่อไปอีกทุกปี 

^^  รีบๆ ไปนอนดีฝ่าาา
พรุ่งนี้ต้องตื่นไปเชียงใหม่แต่เช้า
เดินทางโดยสวัสดิภาพนะจ๊ะทุกๆคน
ฝานดีด้วยนะจ๊ะ

กราบเท้าพ่อกะปู่เรียบร้อยด้วยคราบน้ำตา
แต่เป็นน้ำตาแห่งความรักและเคารพ  หุหุ

Happy holiday & Father's Day

วันหยุดนี้ต้องทำงานบ้านให้เสร็จ
ซักผ้ารีดผ้า อาบน้ำน้องหมา
ทำทุกอย่างๆ ที่ยังไม่ได้ทำ
เพราะพรุ่งนี้ต้องเข้าเชียงใหม่
ไปรับปริญญาน้องสาวสุดสวย
^^

ขี้เกียจนั่งรถสุดๆ  ตอนแรกว่าจะนั่งไปกะรถตู้
แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจละ จะไปพร้อมกะนายขวัญ
ดีเหมือนกันจาได้ออกสายๆ 
ป้าๆ น้าๆ ที่ไปกะรถตู้ ออกตีสี่  เจ้าขวัญจะออกหกโมง
ยังมีเวลานอนต่ออีกหน่อย
ไอ้จิปร์ก็ดันมานัดกินข้าววันนี้ ก็เลยขอปัดไปก่อน
ทีตอนที่ว่างๆ  ก็ไม่ชวนนะไอ้เพื่อนคนนี้
ไม่รู้จางอนป่าว
รับรองได้เจอกันแน่ๆ  ไม่ต้องงอนนะคุงเพื่อน
คิดถึงแกเสมอแหละ อยากเจอน้องโมเดลด้วย
ไม่ได้เจอหลายเดือนแล้ว  โตขึ้นบ้างรึยัง
อยากเห็นตอนใส่ชุดนักเรียน คงน่ารักดี  คิคิ....

อาการโก๊ะเกิดแต่เช้าเลย
เดินสะดุดขาโต๊ะ หัวแทบขมำ แย่จริงๆ เลยเรานิ

นัดกะอี๊ดไว้จะให้ตัดผมให้ คงบ่ายๆ  จาไปหา
ขอไปซื้อของให้แม่ก่อน
เอ....วันนี้มีถนนคนเดินด้วย  ชวนอี๊ดไปเที่ยวดีฝ่า
เอ....วันนี้วันพ่อนะ ต้องอยู่บ้านกะพ่อซิเนาะ 

Love  Daddy

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

รำลึกความหลัง

หูชา มือชา เท้าชา ไปหมด
ขับมอไซด์มาทำงานตอนหกโมงครึ่ง
หนาวสุดๆ  แทบจะแข็งตาย
ไม่มีหรอกที่ต้องแหกตาตื่นมาแต่เช้าก็เพราะว่า.....
วันนี้มีจัดนิทรรศการ วันที่ 4 ธันวา  วันสิ่งแวดล้อมโลก


เลยมาแต่เช้าเลย
เพราะตื่นสายหรือไม่ก็ทำงานบ้านจนต้องมาทำงานสาย
เป็นอย่างนี้มาเกือบห้าเดือนละ
ไม่ได้เจอบรรยากาศแบบนี้นานละ
เห็นพระสงฆ์เดินบิณฑบาตรควักไคว่
เลยแวะซื้ออาหารใส่บาตร
ก็ไม่ได้ใส่นานเหมือนกันนะ
ปกติเทศบาลจะมีการจัดเวรไปใส่บาตรกันตอนเช้า
เราก็ไปนะ อาทิตย์ละครั้ง
วันนี้ก็เลยขอรำลึกความหลังซะหน่อย

T_T   อิ่มบุญไปตามๆๆ กัน 
---พรุ่งนี้วันพ่อ  รักพ่อมากมาย
---เจ้าขวัญกลับจากเชียงใหม่วันนี้ ขับรถดีๆ นะน้องรักของพี่
    กลับมาต้องมาเคลียร์เงินเคลียร์ทองกันก่อน  หมดไปหลายเลย
    พี่มันจะกินแกลบอยู่แล้ว  คิคิ ....



เด็กๆ กำลังสาละวนทำความสะอาดคลองหน้าโรงเรียน
ท่าทางน่าสนุก นั่งเรือเล่น  คิคิ

ทูอินวัน

เหอๆๆ ต้องปลอมแปลงเอกสารกัน
อ้ายกุ้งจะทำสัญญากู้เงินเพื่อปลูกสร้างบ้าน
แต่ภรรยาคุณท่านไม่อยู่
เลยขอร้องแกมบังคับให้เราช่วยกลายร่างเป็นศรีภรรยาคุณเธอหน่อย
ก็ต้องช่วยซิคะ  เฮ้ออออ  ทำไงได้ละ
เป็นทั้งภรรยา  แล้วยังต้องเป็นพยานในเอกสารการกู้เงินอีก
เฮ้อ เอาเข้าไป คิคิ....

เลยบอกไปว่า ถ้าจะปลูกบ้านนะ ขอทำให้ห้องหนึ่ง
เพื่อภรรยาคนนี้ หุหุ... เวลาไปพักจาได้มีห้องนอน
พี่แกก็เลยก็ว่าจะทำให้ แต่จะให้อยู่ห้องบนเพดานนะ
ทำไปได้นะเรา  คนบ้าที่ไหนจาขึ้นไปอยู่บนเพดาน
หุหุ นอกจากหนูเท่านั้นหรือไม่ก็แมลงสาบ

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ง่วงมาก

จากการที่ไปตักบาตรเมื่อคืน
กลับมาถึงบ้านตีหนึ่งกว่านิดๆ 
นอนต่อ แล้วดันตื่นมาตอนตีห้า
ไม่รู้ตื่นมาทำ...ไร
ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยนิ
เซ็งสุดๆ 

บ่ายๆ  มากินส้มตำไก่ย่างกันอีก

สรุปคือ  ง่วงมาก ๆ
พิมพ์หนังสือผิดๆ  ถูกๆ
ม่ายไหวๆ ๆ

ตักบาตรเป็งพุด

ครั้งแรกกับการที่ได้ออกมานอกบ้านตอนดึกๆ คนเดียว


ครั้งแรกในชีวิตกับการตักบาตรตอนเที่ยงคืน
เข้านอนตั้งแต่สามทุ่มละ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้
ตื่นมาตอนห้าทุ่มครึ่งเก็บของแล้วก็ขับรถออกบ้าน
ขับรถไปเรื่อยๆคนแยะแฮะ นึกว่าจะไม่ค่อยมีคน ที่ไหนได้
เดินแทบจะชนกัน วุ่นวายไปหมด
นึกว่าจะต้องยืนหนาวคนเดียวซะแล้ว
ไหนได้ ร้อนดับแตก
เพราะคนวุ่นวายเสียงดังโกลาหล



ครั้งแรกกับการต้องใส่บาตรคนเดียว
เห็นคนอื่นๆเค้ามีคู่ใส่กัน บ้างก็ใส่กะครอบครัว กะแฟนบ้าง
เราเหรอ เหอๆๆๆใส่คนเดียว ก็ชวนใครไปแล้วไม่มีใครไป
แม่ก็ไม่ค่อยสบายเลยต้องไปคนเดียว แต่ก็ช่ายว่าจะใส่คนเดียวซะที่ไหน
มีคนใส่ด้วยเป็นร้อยเลย เต็มถนนไปหมด
ก็ดีเพราะการได้ทำอะไรคนเดียวๆ เป็นเรื่องปกติของเราอยู่แล้ว
ส่วนมากไปไหนทำอะไรก็ต้องทำคนเดียวจนชินแล้ว เลยไม่คิดมาก
ใครจะไปอยากไปก็ไปไม่อยากไปก็ไม่อยากบังคับ เบื่อกับการต้องมานั่งคิดนั่งรอ
สู้ทำอะไรคนเดียวแล้วสบายใจดีกว่า

ครั้งแรกในการตักบาตรนี้ประทับใจ
และหวังว่าคงจะมีครั้งต่อไปอีก

T_T
สบายใจขึ้นมาอีกขั้น แต่ไม่รู้ว่ามากน้อยแค่ไหน

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

----------

เหนื่อย....

อยากพัก....

ไม่อยากรับรู้ปัญหา....

แต่มันเป็นความจริงที่ต้องเผชิญ....

ต้องสู้กันต่อไป....

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วงจรชีวิต

ช่วงนี้ก็เรื่อยๆ มีทั้งดีทั้งไม่ดี
ปะปนกันเข้ามาในชีวิต
ทำให้มีสีสันเหมือนกัน
มีทั้งหัวเราะ ทั้งร้องไห้ปนเปกันไป
วุ่นวายบ้างนิดหน่อย แต่ก็พอสู้กับปัญหาได้ คิคิ

^^

มีไรบ้างละ ทุกวันนี้
ทำงาน เล่นเน็ต เขียนบล๊อค ฟังเพลง
รู้สึกว่าไม่ค่อยได้ดุทีวีเลย
ไม่อยากจะรับรู้เรื่องราว
อยากใช้ชีวิตอย่างสงบ
ก็เลยถือคติว่า "พักผ่อนอย่างสุขี ปิดทีวีแล้วฟังเพลง"
แต่ก็ช่ายว่าจะได้พักผ่อนอย่างสุขีซะเมื่อไหร่
มีเรื่องไรให้คิดให้แก้อยุ่หลายเรื่อง ก็ดี
จะได้ไม่ต้องอยู่ว่างๆ ให้คิดเรื่อยเปื่อย


"ความรักที่จริงแท้ไม่ใช่เรื่องของการตามหาคนที่ใช่
แต่คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ถุกต้องดีงาม"

ยิ่งได้อ่านได้คิดกับคำพูดนี้ ก็ยิ่งเชื่อ
และหากความสัมพันธ์ไม่อาจไปได้ด้วยดี การเลือกที่จะจบย่อมเป็นทางออกหนึ่ง
แต่การอ้างถึง "คนที่ดีพร้อม" มันเป็นเรื่องน่าขัน
หากคนที่ใช่ หมายถึง คนที่ดีพร้อม ฉันยังสงสัยว่า ใครกันหนอบนโลกนี้ที่จะดีพร้อม
เราทุกคนต่างล้วนบกพร่องกันคนละอย่างสองอย่าง การวาดฝันถึงคนดีพร้อมเป็นเรื่องของความฝันโดยแท้

คนหล่ออาจไม่รวย
คนหล่อและรวยอาจเจ้าชู้
คนไม่เจ้าชู้อาจขี้หึง
คนไม่ขี้หึงอาจเฉยชา
คนไม่เฉยชาอาจอ่อนไหว
คนไม่อ่อนไหนอาจแข็งกระด้าง!!!!!

การมีใครสักคนที่ได้อย่างใจ คนดีพร้อมตามที่ฝัน บางทีอาจง่ายกว่ามาก หากเราจะไปส่องกระจกดู
แล้วรักคนในนั้นเสียดีกว่า
เพราะบนโลกนี้คงไม่มีใครเป็นอย่างใจเราไปกว่านี้อีกแล้ว

^__^

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สั้นๆ ก่อนนอน

วันนี้ง่วงและก็เพลียสุดๆ
ทั้งที่ก็ไม่ได้ทำไรมากนัก
แต่ก็เดินทั้งวันเหมือนกัน
เดินขึ้นลงชั้น 3 เนี่ย ห้ารอบเห็นจะได้
น่องโป่งหมดละ หาเอกสารไรก็ไม่เจอ

ขอนอนดีกว่า เผื่อจะได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
นอนไม่หลับมาหลายคืนละเนี่ย
ม่ายรู้ปัญหาโลกแตกไรนักหนา

เฮ้ออออ นอนนนนนนนนนนนนนน

ใจตนเอง!!!!!...

ความรักความชอบใจนั้น ก็มีความหมายแสดงชัดเจนอยู่ในตัวเอง
แล้ว ว่าเป็นเรื่องของใจโดยแท้ จึงให้ดูเข้ามาในใจตนเองเกี่ยวกับ
ความรู้สึกรักชอบในใจตนเองนี้แหละ ทุกคนหรือส่วนมากน่าจะมี
ความรู้สึกรักชอบในคนนั้นสิ่งนั้นอยู่มากมายหลายคนหลายอย่าง
ด้วยกัน ทั้งในปัจจุบันและในอดีต ให้เลือกจับขึ้นมาพิจารณาเพียง
หนึ่ง คือให้เลือกพิจารณาดูความรักชอบของตนเอง ในคนใดคน
หนึ่งหรือในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพียงคนเดียวหรือสิ่งเดียวเท่านั้น

นึกย้อนไปดูจิตใจตนเองในอดีต เริ่มแต่มีความรักชอบเกิดขึ้น
พยายามทบทวนความจำให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
จะนึกได้ว่าความรักเมื่อแรกเกิดจริงๆ กับความรักในเวลาต่อมา
หาได้เหมือนกันไม่ มีเปลี่ยนแปลงไปเป็นลำดับ เวลาหนึ่งอาจจะ
มากขึ้น เวลาต่อมาอาจจะลดน้อยลง ต่อมาอีกอาจจะกลับมาก
ขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมากอยู่ในระดับเดียวกับที่เคยมากมาแล้ว

สังเกตุดูจริงๆ จะต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน เปลี่ยน
เป็นมากหรือน้อยก็ตาม ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจริงๆ จะ
ฝืนใจตนเองอย่างไรที่จะไม่ให้ความรู้สึกในใจเปลี่ยนแปลงไป ให้
อยู่ในสภาพเดียวกันตลอดเวลานั้นเป็นไปไม่ได้ นี้คือความไม่เที่ยง
นี้คือความเป็นทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป
นี้คืออนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่เป็นไปตามอำนาจความปรารถนาต้อง
การ ที่ว่าไม่เป็นไปตามอำนาจความปรารถนาต้องการนี้ ก็เป็นความ
จริงที่แม้พิจารณาให้ดีก็ย่อมประจักษ์ชัด บางทีรู้สึกว่าคนนั้นไม่ควร
พยายามจะไม่รัก พยายามฝืนใจตนเองที่ตัวรู้สึกว่ามีความรักในคน
ผู้ไม่ควรรักเสียแล้ว ก็หาอาจทำให้เป็นไปตามความปรารถนาต้อง
การได้ไม่ บางทีรู้สึกว่าคนนั้นควรรัก พยายามจะรัก ก็หาอาจทำให้
เป็นไปตามความปรารถนาต้องการได้ไม่ บางทีรู้สึกว่าตนเป็นทุกข์
เพราะความรัก รู้สึกว่าไม่รักจะไม่ทุกข์ พยายามจะไม่รักก็ใช่ว่าจะเป็น
ไปตามความปรารถนาต้องการของเราไม่ ย่อมเป็นไปเองตามที่เป็น
อนัตตาคือไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจความปรารถนาต้องการใดๆ
ทั้งสิ้น นี้คืออนัตตา...

เดินทางไกล

ชีวิตนี้เหมือนกับการเดินทางไกล...
ขึ้นที่สูงบ้าง...ลงที่ต่ำบ้าง
คล้ายๆกับว่าขึ้นเขาลงห้วยตลอดเวลา...

ในบางครั้งบางคราวมันก็สูงขึ้นไป บางครั้งก็ต่ำลงไป..
ความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา...
ควรจะมีการแก้ไขทุกวัน...

วันหนึ่งๆในชีวิตเราควรจะยึดถือหลักไว้ว่า...
เราอยู่เพื่อการแก้ไข เราอยู่เพื่อการปรับปรุงสิ่งทั้งหลาย...
ให้ก้าวหน้า แล้วค่อยๆแก้ไขปรับปรุงต่อไป...

........การดำรงชีวิตอยู่ในโลก
เราจะต้องอยู่ด้วยความ..'ฉลาด'...
คนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องชีวิต...
ย่อมเดือดร้อนเป็นทุกข์บ่อยๆ...

สู้กันต่อ...

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เครียดเลยนะเนี่ย

ทำไงดีน้อ

คิดไม่ออก

ครายจะช่วยได้เนี่ย

เศร้าจริงๆๆ

จริงใจ ***สบายใจ

คงเป็นเรื่องน่าเศร้า
หากคนเราต้องบิดเบือนความจริงในใจ
แล้วใส่หน้ากากเข้าหากัน


เราคงมีชีวิตอยู่กับความสุขปลอมๆ
ท่ามกลางความกลัวที่จะผิดหวัง
ทั้งที่ในที่สุดก็ต้องเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี

ถอกหน้ากากออกดีไหม

จะเป็นไรไป หากใครจะอ่านสายตาของเราได้
หรือแม้แต่จะมองทะลุถึงใจของเรา

เพราะเมื่อใดก็ตาม ที่เราไม่ต้องปิดบัง อำพราง
ไม่ต้องไว้ท่าไว้ทางหรือมีเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
เมื่อนั่นใจของเราย่อมมีพลังอย่างเต็มที่
ที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้บังเกิดขึ้น

ซึ่งต่างค้นพบพลังแห่งความจริงใจ
เป็นพลังที่เกิดขึ้นอย่างเรียบง่ายเป็นธรรมชาติ
แต่มีอานุภาพเหลือประมาณ



ฉะนั้น..
อย่ากลัวเลย..ที่จะเป็นคนจริงใจ
เป็นคนซื่อๆ ใสๆ
ปากกับใจตรงกัน
ถึงแม้เราไม่เก่ง ไม่ดีเด่น
ไม่ได้เป็นคนสำคัญ
ขอเพียงเรามีความจริงใจต่อกัน
แค่นี้ก็สุขสบายใจ..

จาเอาไงดีเนี่ย

ขับรถมาทำงานวันนี้ไม่รู้ว่าหนาวป่าวนะ
รู้แต่ว่าใส่ถุงเท้า ถุงมือ ผ้าพันคอ
ทำยังกะหลุดมาจากขั้วโลกเหนือ
ก็ดีกว่าปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดไง
เพราะปรับตัวกับอากาศแปรปรวนไม่ค่อยได้
เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว

พักนี้ก็ว่างๆ นะ หัวหน้าก็หายไปไหนกันหมดมะรู้
ทำให้มีเวลาแวะนั่นแวะนี่ได้ สบม.
แวะไปหาพี่ๆ ที่ห้องงานการฯมา
ไปเรียนวิชาถักผ้าพันคอ
ได้ลายใหม่มาเรียบร้อยละ แต่ต้องรอให้ผืนนี้ถักเสร็จก่อน
พี่เค้าก็สอนดีนะ สอนทุกอย่าง
แต่ไม่รู้ว่าเราจะทำได้อย่างพี่เค้าป่าว คิคิ
พี่เค้ายังบอกอีกว่า ควรจะใช้ไหมพรมเส้นเล็ก ๆ เพราะเวลาถักออกมา
ผ้ามันจะได้ไม่ม้วนติดกันเป็นเกลียว
รู้สึกว่าจะไม่ทันแล้วละ
เพราะไอ้ที่เราถักๆ ไปเกือบจะเสร็จแล้วนะ
ใช้ไหมพรมเส้นใหญ่ มิน่าละ ออกมาถึงไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
พันกันเป็นเกลียวเลย
แต่จะให้ทำไงละ ถักเกือบเสร็จแล้ว ไหมก็ซื้อมาแล้ว
หมดไปหลายตังแล้วนะ
ทนๆ ใส่ไปก็แล้วกัน คิคิ

ไว้รอผืนใหม่ดีกว่าค่อยไปหาซื้อไหมพรมเส้นเล็กๆ มาถักใหม่
อีกหน่อยคงจะถักคล่องกว่านี้

คิคิ
มือใหม่หัดถัก

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

พักผ่อนอย่างสุขี ปิดทีวีแล้วฟังเพลง

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ดูทีวี ฟังข่าวคราวชาวบ้านไรกะใครเค้า
เพราะมัวแต่มานั่งถักผ้าพันคออยู่
ความคิดกำลังบันเจิด
กะว่าจะถักต่ออีกสักสองผืน
เอาจนเบื่อไปเลย
ถักมาก็ไม่สวยเท่าไหร่ แต่ใจรักอยากถัก คิคิ
มันคือความภาคภูมิใจที่เราก็ทำได้

ฟังเพลงไปด้วยถักผ้าไปด้วย มีความสุขจริงๆๆๆๆๆๆ

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หนาวแล้ว

ลมหนาวมาเยือนซะที
นึกว่าปีนี้จะไม่หนาวซะแล้ว
ที่ไหนได้ อยู่ๆ ก็หนาวซะจับใจ
เมื่อวานยังร้อนอยู่เลย
ปรับตัวไม่ค่อยทัน

วันนี้ตื่นมาแต่เช้าเลยเนี่ย
ขี้เกียจสุดๆ
ทำงานบ้านครั้งใหญ่หลวง
เหนื่อยแต่ต้องทน
น้องหมาก้ไม่ได้อาบน้ำ
เพราะสงสารอากาศเย็น
เดี๋ยวจาไม่สบาย


ปล. ผ้าพันคอเกือบเสร็จแล้ว แต่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เดี๋ยวถักผืนใหม่ รับรองสวยแน่ๆ คิคิ

holiday

หยุดสุดสัปดาห์ ทำไรดีน้อออออ
จาทำไรได้
ทำงานบ้าน
ตรึมเลย
เฮ้อออออ
ทำงานบ้าน ทำงานบ้าน

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไส้เดือน

นั่งดูกบในกะลา
นานละไม่ได้ดู
วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับไส้เดือน
มีชาวบ้านไปประเทศไทยไม่รู้ว่าแถวไหน เพราะไม่ได้ดูตั้งแต่แรก
ธุรกิจไส้เดือนทำรายได้กับครอบครัวได้ดีมาก
บางรายขายดีจนร่ำรวย
บ้างก็ส่งออกนอกประเทศ
บ้างก็นำมาส่งแถวเยาวราชเพื่อใช้ในการปรุงยา
อืม ก็แปลกนะ กินไส้เดือน และบางทีก็เอาไปตากแห้งทำเป็นยาจีน

ถ้าให้เรากิน คงไม่ไหว
จะอ๊วก

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รำลึกความหลัง

ฤดุหนาวเริ่มมาเยือนแล้ว
เห็นพี่ๆ น้องที่ทำงาน
กำลังถักผ้าพันคอ,ถักหมวก,ถักเสื้อกันใหญ่
ก็นึกย้อนไปสมัยเรียนมัธยม
เราก็เคยถักส่งครูนะ
แต่ก็ไม่สวยเท่าไหร่ พอใส่ได้
ตัวที่ถักส่งครูยังอยู่นะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก
ให้รู้ว่าเราก็ยังมีฝืมือทางด้านนี้อยู่บ้าง หุหุ

วันนี้ก็เลยไปตลาดมา หาซื้อไหมพรมมาถักผ้าพันคอสักหน่อย
จำการถักไม่ค่อยได้ ถักผิดถักถูก แกะตั้งหลายรอบ
แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม ถักต่อ
ต้องทำให้สำเร็จ
ถักเสร็จเมื่อไหร่จะถ่ายรูปมาให้ดู

วันนี้มีประชุมบ่าย
เข้าอบรมชมรมรักษ์สุขภาพ
สอนวิธีการออกกำลังกายอย่างง่ายในบ้านตนเอง
บนพื้นที่ไม่เกินหนึ่งตารางเมตร
ก็หนุกดี แต่ไม่ไหว
ไม่ได้ออกกำลังกายแบบนี้มานานละ
เอ็นแขนขาแทบจะขาดซะให้ได้
ล้าไปทั้งตัวเลย
ขาสั่นพับๆๆๆ
ตอนเดินลงจากห้องประชุม
จากชั้นสามมาชั้นล่างเนี่ย ขาก้าวไม่ค่อยได้เลย
รึว่าเราจะเริ่มแก่แล้ว
ออกกำลังกายนิดๆ หน่อยๆ แข้งขาแทบจะหลุดออกจากกัน
แต่ก็ได้เหงื่อดี ไว้จะไปหัดทำเองที่บ้าน
แต่วันนี้คงไม่ไหว เมื่อยจริงๆ คะ

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตื่นไม่ทันคิคิ

ตั้งนาฬิกาปลุกซะดิบดี
ได้ยินแล้วก็กดปิดนอนต่อ
หุหุ
อดดูดาวเลยอะ
ตื่นมาอีกทีปวดฉี่ ตีสี่ครึ่ง เดินไปข้างนอกนึกว่าจะเห็นดาว
ที่ไหนได้มะมีไรเลย กลับเข้าไปนอนต่ออีกรอบ

ที่ทำงานบ่นกันใหญ่ ไม่มีดาวตกสักดวง มีแต่เม็ดฝนตก
คิคิ ดีนะไม่อดหลับอดนอนไปนั่งดูดาว
นานแล้วซินะ ไม่ได้ดูดาวตก
ล่าสุดเมื่อกี่ปีแล้ว
ไปดูกะนายขวัญที่สะพานแถวบ้าน
หนุกหนานกันมากๆ เลย
แต่ปีนี้เจ้าขวัญม่ายอยู่
เฮ้อออ ไม่รู้ว่าจากลับจากอบรมกรุงเทพเมื่อไหร่
คิดถึงจางเลย

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฝนหลงฤดู

สองวันแล้วนะ ไปทำงานสาย
ถึงที่ทำงานแปดโมงสิบห้า หุหุ หัวหน้ามองใหญ่
แต่ก็มิได้นำพา 5555 นิสัยแย่มากเลยเรา

วันนี้มีฝนหลงฤดูด้วย แถมมีรุ้งกินน้ำสวยๆ ให้ดูอีกต่างหาก
สวยจริงๆ ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนละ
คืนนี้มีฝนดาวตกนี่นา
ไม่รู้ว่าจะตื่นมาดูไหวป่าว
รู้สึกว่าช่วงนี้เข้านอนทีไร
หลับเป็นตายตลอด สงสัยจะเพลีย
แถมกับอาการปวดเมื่อยตัวนิดหน่อย
แต่ก็ดีขึ้นมาบ้างละ ไม่รู้เมื่อไหร่จาหายนะ
ง่วงแล้วนอนดีกว่า
เหนื่อยมาทั้งวันเลย

ปล.อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกมาดูฝนดาวตกด้วย จะตื่นไหวมั้ยเนี่ยเรา...

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"จ๋า" ไหนละเนี่ย

วันก่อนเพื่อนชื่อ "จ๋า" โทรหา ถามว่ายุ่งป่าว
จะแวะมาหาที่ทำงาน แล้วมารับไปกินข้าว
พอดีเพื่อนมาสอบไรมะรู้จำไม่ได้
ก็คุยอยู่เกือบสิบห้านาที
ยังนึกไม่ออกเลยนะว่าไอ้ "จ๋า" ที่เราคุยด้วยเนี่ย
มัน "จ๋า" คนไหนกันเนี่ย
เพราะเพื่อนเราชื่อ "จ๋า" มีอยู่ห้าคน
ตายละว่าดันลืมถามมันซะนี่
ไม่เป็นไร เดี่ยวค่อยโทรหาใหม่ก็ได้

เป็นอันว่าสรุปแล้ว
ไอ้ จ๋า ไม่ได้มาหาเรา
มันติดธุระด่วนเลยมาไม่ได้
เราก็เลยไม่รู้ว่ามันจ๋าคนไหนกันเลย
เฮ้ออออ
ช่วงสองสามวันมานี้ ได้เจอได้คุยกะเพื่อนเก่าๆ หลายคนเลย
ไอ้แอ๊ดจิตมณี น้องอ้อย น้องแอน ไอ้ปอย ไอ้นุช
จากการที่ได้ไปทำถนนคนเดินเมื่อเสาร์แล้วก็ดีนะ
ได้เจอหลายๆ คนเลย
บางคนก็แต่งงานไปบ้างละ
แต่ที่ยังเหมือนเดิมก็ไอ้แอ๊ด ยังเป็นทอมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คิคิ
ส่วนไอ้แอร์ดิ เราดันจำชื่อมันไม่ได้ โดนตบหัวเลย
มันบอกขอตบหน่อย เพื่อเรียกความทรงจำกลับคืน
ดีใจๆๆๆ ได้เจอเพื่อนเก่าๆ

คิดไม่ออก

กำลังสับสนอยู่ว่า......
เราจะทำไงต่อไปกะชีวิตดี
อยากทำไรตามใจตัวเองบ้าง
แต่.....
นั่งดูสมัครสอบไปเรื่อยๆ
มีที่น่าสนใจอยู่หลายที่นะ
แต่...ไกลมากเลย จาไปไงละเนี่ย
สุราษฏร์งี้ นครศรีงี้
แต่ละที่ ภาคใต้เลย
แล้วก็ไม่รู้จาสอบได้ป่าว
แต่อยากไปสอบดูกำลังตัวเองก็แค่นั้น
ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็แล้วไป ว่ามั้ยละ
แต่เอ...ตอนไปนี่แหละมีปัญหา จาไปไงละเนี่ย ไม่เคยไปเลย
ไม่มีที่อยู่ด้วย
สุราษฏร์คงต้องถามพี่เต่าดูก่อนไม่รู้จาว่าไงนะ
คงต้องให้หาที่พักให้ตอนไปสอบ
คิคิ ดีใจต้องไปสอบจริงๆ คงได้เจอพี่เต่า
แต่ไม่รู้พี่เต่าเราจะว่างมาเจอป่าวเนี่ย
แต่นครศรีนี่ดิ ปัญหาหนักเลย ทำไงดีน้อ

ไม่เป็นไร ทุกอย่างมีทางแก้อยู่แล้ว

เมื่อยตัวอย่างบอกไม่ถูก
ปวดเมื่อยทั้งตัว ไม่อยากลุก
แต่ก็ต้องพยายามลุกมากินพาราไปสองเม็ด แล้วก็นอนต่อ
ตื่นอีกที เก้าโมงกว่านิดๆ
ปวดต้นคอกะบริเวณหัวไหล่สุดๆ เหมือนมีไรหนักๆ มาทับ
ไม่ได้นอนตกหมอน นวดไงก็ไม่หาย
ครั้งแรกที่เป็นทรมานสุดๆ เมื่อไหร่จาหายเนี่ย

ตั้งแต่กลับจากกรุงเทพคราที่แล้ว
กี่ปีแล้วนะ
ที่ไม่ได้เจอพี่แอ็ดเลย
หายเข้ากลีบเมฆไปซะแล้ว
ได้แต่โทรหาอย่างเดียว
ไม่รู้ว่าพี่จะมีเวลาอ่านบล็อกน้องคนนี้ป่าว
รึว่ายุ่งจนไม่มีเวลาคิดถึงน้องแล้ว
ยังไงก็อย่ามัวแต่ทำงานจนลืมดูแลสุขภาพแล้วกันนะคะ
คิดถึงพี่จ้า

ปล. เมื่อไหร่จามาเที่ยวเชียงรายบ้างละเนี่ย บอกว่าจะมาตั้งหลายครั้งละไม่มาสักที

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เหนื่อยแต่ต้องทน

ระยะนี้ก็เรื่อยๆ สำหรับการทำงาน
ก็มีบ้าง พักบ้าง ไม่ขาดสาย
ทำคนเดียวมาซะชินละ
อ้ายกุ้งเค้าคงมีปัญหาครอบครัวนะ
ถึงได้ลางานบ่อยๆ
แต่ทุกคนมันก็มีปัญหาเหมือนกันหมดแหละ
ไม่ช่ายว่าไม่มี ปัญหาโลกแตกรุมเร้าชีวิต
เบื่อ เหนื่อย คิดไปคิดมาก็ปวดหัวนะ
แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้ เฮ้อออออ ปวดเฮด
แต่ตอนนี้รู้สึกว่าจะล้าเหลือเกิน
ล้าจนไม่อยากจะทำไรละ
อยากหลบไปอยู่ไกลๆ ไม่อยากพบใคร
อยากอยู่คนเดียวคงจะดีกว่านี้
แต่ความเป็นจริงเราอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ไม่ได้หรอก
ทั้งๆ ที่ในใจเราอาจจะคิดว่า เราอยู่ได้
วันนี้เป็นไรน้อ ปวดหัว ตัวร้อน เป็นหวัด อยากอยู่นิ่งๆ ไม่อยากทำไร
อยากอยู่เฉยๆ ไม่อยากรับรู้อะไร

เหงา เศร้า คิดถึง

เจ้าขวัญย้ายไปทำงานที่หางดง เชียงใหม่ สี่วันละ
รู้สึกเหงาๆ ไงไม่รู้บอกไม่ถูก
ทั้งๆที่เวลาอยู่บ้าน ก็มีแต่เรื่องให้ถกเถียงกันตลอด
คิดถึงมากๆ คิดถึงทุกวัน
โทรหาไป ก็ร้องไห้ไป
แต่ก็ต้องให้น้องมันเลือกทางเดินของมัน
ถ้าคิดว่าทำเพื่ออนาคตแล้วก็ต้องยอม
แต่มันจะรู้ป่าวนะ
ว่าคนทางบ้านคิดถึงมาก ๆ
พ่อกะแม่บ่นหาทุกวันเลย
ไม่รู้จาอยู่ จากินยังไง
ยิ่งมันทำไรไม่ค่อยเป็นอยู่ด้วย
ใครจาซักผ้ารีดผ้าให้มัน
หาไรให้กิน ทำงานอยู่ในป่าในเขา
ไม่มีเน็ต ไม่มีแสงสี ไม่รู้จาทนได้นานแค่ไหน
ไงก็ต้องสู้ๆ นะน้องรัก พ่อกะแม่กะพี่จะรอดูความสำเร็จอยู่ข้างหลัง
ไม่รู้จาเขียนไรอีกแล้ว
รู้แต่ว่าคิดถึง คิดถึง แล้วก็คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆๆ


หลับตาลงยังรู้สึก ท่ามกลางความอ้างว้างในหัวใจ
ค่ำคืนยาวนาน กับความเดียวดาย
และลมหายใจที่ว่างเปล่า
อยากให้เธอได้สัมผัส กับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
ว่าทุกเวลา ที่เราห่างกันแสนไกล ยังมีอีกคำในหัวใจ
ที่จะบอกเธอ ให้เธอได้รู้และเข้าใจ
ว่าคิดถึงเธอ เมื่อเราห่างกันแสนไกล มีคำหนึ่งคำจะพูดไปให้เธอได้รู้
จะแทนความหมายความห่วงใย ฉันคิดถึงเธอ
อยากให้เธอได้สัมผัส กับความห่วงใยที่มีให้เธอ
ได้ยินเสียงของพระจันทร์ที่กล่อมเธอฝันดี ให้เธอได้รู้ตลอดไป
ว่าทุกเวลา ที่เราห่างกันแสนไกล ยังมีอีกคำในหัวใจ
ที่จะบอกเธอ ให้เธอได้รู้และเข้าใจ
ว่าคิดถึงเธอ เมื่อเราห่างกันแสนไกล มีคำหนึ่งคำจะพูดไปให้เธอได้รู้
จะแทนความหมายความห่วงใย ฉันคิดถึงเธอ

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เหนื่อย

วันนี้วันอะไรเนี่ย
งานเข้าแต่เช้าเลย
ตรึมเลยอะ
ไม่ได้ว่างได้เว้น
แถมอยู่คนเดียวอีกต่างหาก
เหนื่อยนะเนี่ย
เฮ้อออออ

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กำลังมองให้เห็นความสุข

อันที่จริงนะเราต้องไม่ลืมที่จะทำความเข้าใจด้วยว่า...

ชีวิต การงาน และความรัก นั้นเกี่ยวข้องกัน
การงานไม่ได้หมายถึงชีวิต แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
ความรักไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับชีวิต แต่จะทำให้ชีวิตรู้สึกยิ่งใหญ่

เราควรเรียนรู้ที่จะมีความสุข
และนึกถึงความตายว่าคือปลายทางของชีวิต
ที่เราจะเดินไปพบคนที่เราเคยสูญเสียไป


ถ้าเพียงเราคิดอย่างนั้น
เราจะอยู่กับชีวิต ด้วยความเบิกบานและความรัก
....อย่างที่มันควรจะเป็น....

ความสุขส่งผ่านมาจากใจ
และสังเกตได้จากนอกกาย

ชีวิตไม่ได้มีแค่ความสุข
แต่เราทำให้ทุกวันทุกเวลามีความสุขได้

มันก็อาจจะใช่นะ
....แต่ บางทีมันก็ทำไม่ค่อยได้......

สับสน

ความรู้สึกสับสน... หาตัวตนไม่เจอ
ลองถามตังเองดูซิ อยากผ่านไปได้ด้วยดีมั้ย ?
คุณควรต้องเลือกว่า
จะทำตัวเองให้ดีขึ้นหรือแย่ลง
คุณอาจจะหากำลังใจจากคนใกล้ชิดที่เข้าใจและฟังคุณ
แต่บางครั้งข้อคิดดี ๆ
ก็อาจจะมาจากใครก็ไม่รู้ที่คุณได้คุยด้วยถ้าคุณเลือกที่จะดีขึ้น..
คุณควรเป็นกำลังใจตัวเอง.................................
ไม่ใช่สงสารตัวเอง ..
ไม่ใช่โทษตัวเองและไม่ใช่เวลาไปโทษคนอื่น
แต่เป็นเวลาที่จิตใจต้องทำหน้าที่เข้มแข็ง.... อดทน

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เบื่อ

วุ่นวาย
เซ็ง
เบื่อ
รำคาญ

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ลอย ลอย กระทง

สองสามวันผ่านมา
ทำงาน เล่นบะทบ เที่ยวด้วย
ก็ทั้งหนุกทั้งเหนื่อย
ลอยโคมกันหนุกหนานเลย
ไม่ได้เก็บภาพบรรยากาศมาฝากเลย
รู้แต่ว่าสวย ม่วนกันขนาด
รู้แต่ว่าวันนี้คงจะได้นอนแต่หัวค่ำแน่ๆ
เพราะนอนดึกมาหลายวันแล้ว
ง่วงจิงๆ

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ฉันมีค่าแค่ไหน

เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเธอคอยดูแล อยู่เมื่อเธอเหงาใจ
เป็นเพียงคนหนึ่งที่เธอเห็นแล้วผ่านไป เธอจะรู้หรือเปล่า

ในใจมีเธอทำเพื่อเธอเพียงคนเดียว แต่ก็เท่านั้นเอง
เป็นลมเบาๆที่เธอนั้นไม่เคยเห็น เธอไม่เคยมองดูที่ฉัน

ไม่ได้ขอให้เธอมารัก ไม่เคยขอให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้เรื่องที่ค้างในใจ อยากๆจะถามเธอ

ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน (สำหรับเธอ)

เดินเพียงลำพังเพราะฉันมันตัวคนเดียว เธอไม่เคยสนใจ
ยังมีเพียงเธอและจะรักตลอดไป ต่อให้ใจเธอไม่มีฉัน

ไม่ได้ขอให้เธอมารัก ไม่เคยขอให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้เรื่องที่ค้างในใจ อยากๆจะถามเธอ

ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน (สำหรับเธอ)

โปรดเถอะตอบคำถาม ช่วยยืนยันให้ฉันฟังก่อน
อยากจะรู้ กับเธอแล้ว ความรักนี้ของฉัน มีค่าแค่ไหน

ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน (สำหรับเธอ)

ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป เธอเศร้าใจหรือเปล่า
หนึ่งคนที่ข้างเธอยามเหงา มันมีค่าสักแค่ไหน

เศร้า

เมื่อคนหนึ่งคอยหยิบยื่นหัวใจให้
แต่อีกคนหนึ่งก็ทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แล้วเมื่อไหร่ถึงจะลงเอยกันได้
ยิ้มทั้งน้ำตา.................

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

มีเรื่องให้น่าปวดหัวได้ทุกๆ วัน
เฮ้ออ เลยไม่รู้จากทำไรดีก่อน
ช่างมันเต๊อะ
เซ็งจริงๆ

วันนี้พาแม่ไปเที่ยวงานอีซูซุมา
หนุกดี มีดารามาด้วย
แอน ทองประสม สวยมาก ๆ
กัปตัน ก็โอเคนะ
แต่ตั๊ก บริบูรณ์นี่นิน่ารักเชียว
ไม่เหมือนในทีวีเลยแฮะ แต่ตัวเล็กไปหน่อย
คิคิ....

ส่วนคอนเสริตก็ไม่ได้ดูหรอก
ก๊อต กะ ต่าย แอบกลับบ้าน
ไม่อยากดู ดูบ่อยละ อยากกลับบ้านมาพักมากกว่า
เพราะพรุ่งนี้ต้องลุยงานต่อ คงจะเลิกดึกอีกแน่ๆ
นอนพักเอาแรงน่าจะดี คิคิ...

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทำงานทั้งวันทั้งคืน

ถึงงานเทศกาลลอยกระทงอีกแร้วว
งานที่ต้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทำกันทั้งวันทังคืน
ทำกันสามวันรวด
ความจริงก็หนุกนะ
นานๆ ทีได้ทำงานตอนกลางคืน หุหุ
จะเสียตรงที่ว่า ต้องขับรถเข้าบ้านดึกๆ นี่แหละ
กัวทั้งคนกัวทั้งผี เฮ้ออออออ
ทนเอา ๆ

สองสามวันมานี้ พีก้อยบอกให้เอาหวยไปลองขาย
ก็ขายได้นะ แต่ขายแบบบังคับให้พี่ๆ น้องๆ ช่วยกันซื้อ
เพราะไม่รู้จาไปขายให้ใคร
งวดหน้าคงไม่เอาอีกแล้ว
ไม่อยากแบกหน้าไปอ้อนวอนให้ใครมาซื้อ
เค้าคงไม่ชอบที่ให้เราไปบังคับ
มันก็คงอารมณ์เดียวกันกับเราที่เวลามีใครมาบังคับให้เราซื้อหวย
เพราะเราไม่มีวาทศิลป์ด้านการขายเลย
ขี้อายอีกต่างหาก กว่าจะขายได้แทบแย่
ได้กำไรสามร้อยต่อหวยหนึ่งเล่ม
อันที่จริงก็ไม่ต้องทำไรมากนะ แค่ไปบอก/บังคับให้ใครๆ ซื้อหวย หุหุ
กำไรเห็นๆ แต่ขอบอกไว้เลยว่า ไม่เอาแล้ว
ไม่ไหวๆ ๆ ขออดตายดีกว่าที่จะต้องไปขายหวย
ต่อไปนี้คงไม่เอาอีกแล้ว เข็ดจนตาย


เฮ้ออออ นอนดีกว่า
เตรียมตัวทำงานวันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร ทำกันแต่เช้ายันดึก
คงผอมอีกแน่ๆ เลยเรา
แค่นี้ก็เหลือแต่กระดูกอยู่แล้ว

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มันอยู่ที่ใจ

หัวเราะ...เมื่ออยากหัวเราะ
ร้องไห้...เมื่ออยากร้องไห้
และต้องหัวเราะให้ได้หลังร้องไห้ทุกครั้ง!

อย่าทำอะไรที่ไม่อยากทำ...
จงทำอะไรที่ใจอยากทำ...!

ตัวหนังสือ...เขียนผิด...ลบได้
การกระทำ...ทำผิด...เอาอะไรลบ

นึกว่าหมากำลังไล่ฟัดซิ...!
...จะได้รีบวิ่งรี่เข้าเส้นชัย...
...ล้มเมื่อไหร่จะได้รีบลุก...

ทุกย่างก้าว ของ ความฝัน คือ ย่างก้าว ของ ความเหน็ดเหนื่อย
ทุกย่างก้าว ของ ความเหน็ดเหนื่อย คือ ก้าวย่าง ของ ความสำเร็จ

ต่อให้ทุกข์ที่สุด....ก็ต้องผ่านพ้นไปจนได้
เมื่อเรานั่งมองอดีต เรายังผ่านทุกข์มาได้ตั้งหลายทุกข์
ก็ในเมื่อ..ชีวิต...มันยังมีชีวิต
ขอแค่อย่าทุกข์ก่อนเจอทุกข์
หลังทุกข์ อย่าทุกข์อีก
ให้ทุกข์ แค่ตอนทุกข์
แล้วทุกข์ที่สุด...ก็จะเป็น ทุกข์ แค่นี้เอง!

ให้ทำหน้าที่ทุกหน้าที่ด้วยหัวใจ
ให้หัวใจตระหนักในหน้าที่....
แล้วเราจะไม่รู้สึกว่าหน้าที่เป็นหน้าที่
แต่เป็นการกระทำที่เกิดจาก...หัวใจเรียกร้อง...ต่างหาก

ดีไม่ดี...อยู่ที่ใจเรา...
ถ้าใจเรา...คิดดี เราก็จะเจอแต่สิ่งดีๆ
ถ้าเรามองในทางที่ดี...ใจเราก็จะรู้สึกดี
ถ้ากำลังใจดี...สิ่งเลวร้าย...ก็จะคลี่คลายเป็น...ดี!

ทัวร์รถราง

ที่ทำงานเอารถรางมาให้นั่งเล่น
ก็หนุกดีนะ ไม่เคยได้นั่งก็ได้มานั่ง
แต่ช้าไปหน่อย ไม่ค่อยทันใจเลย
ก็รถรางนีเนาะ ต้องช้าเป็นธรรมดา (น้องๆ เต่า)
เอออ พี่เต่าเราก็กำลังมีปัญหาเหมือนกัน
ก็ไม่มีไรแตกต่างจากเรามากนัก
ปัญหารถชน หุหุ แต่ของพี่เต่าดีกว่าเรานิดหน่อย
ไม่ต้องจ่ายค่าซ่อม เฮ้อออ เราดิ จ่ายบานเบอะเลย
ยังคิดไม่ออกว่าจะไปหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าซ่อม เซ็งงงงงงงง

นั่งรถรางชมเมืองเชียงราย ก็โออยู่
ได้ขึ้นไปบนวัดที่เราไม่ได้ไปมาเกือบปีละ
ดูกี่ทีกี่ทีก็ยังสวยเหมือนเดิม
อากาศดีสุดๆ ไว้ว่างๆ คงต้องหาโอกาสขึ้นไปไหว้พระ
เพราะไปครั้งล่าสุดก็สงกรานต์ปีที่แล้วหละ

วันนี้มีประชุมด้วย ตื่นเช้าในประวัติการณ์
ตื่นมาด้วยความไม่อยากลุกเลย ยิ่งวันนี้อากาศก็หนาวด้วย
อูยยยยย ขับมอไซด์ไปทำงานยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่
ก็ดี รับอากาศดีๆ แบบนี้
งานยุ่งทั้งวันเลยอะ เหนื่อยสายตัวแทบขาด
ง่วงด้วย คงหลับเป็นตายแน่ๆ วันนี้
อ่อ มีคนทักว่าผอมไปต้องกินให้แยะๆ กว่านี้
จาให้ทำไงละทีนี้ถึงจะอ้วน
คงต้องกินทั้งวันเลย จาได้อ้วนๆ ๆ

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ชีวิตต้องสู้

เฮ้อออ ปัญหาโลกแตก
ยังไงก็ต้องสู้กับปัญหาให้ได้
ไม่ตายก็ต้องสู้กันต่อไป

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เศร้า

ไม่รู้จาบอกไง
น้องเซฟของเรา พังแล้ว
แง้ๆๆ
น่าสงสารนะ เฮ้อออออ
แต่คนไม่เป็นไรก็ดีละ
ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

โปรดส่งใครมารักฉันที

จะต้องเหงากันอีกนานไหม ต้องนั่งถอนในอีกกี่ครั้ง
จะต้องพบเจอกับรักที่ผิดหวัง กี่ครั้งถึงพอใจ
เปิดเพลงรักฟังอยู่คนเดียว มีรักข้างเดียวมันเปลี่ยวหัวใจ
มองไปรอบตัวก็ยังไม่เห็นใคร ทำไมต้องเป็นเรา

* คอยปลอบตัวเองว่ามีสักวัน ที่เจอคนที่เขาจริงใจ
ยังคอยบอกตัวเอง ว่าต้องมีสักวัน แต่ว่ามันก็ไม่รู้เมื่อไหร่

** โปรดส่งใครมารักฉันที อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป
อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม
โปรดส่งใครมาเป็นคู่กัน ที่ไม่ทำให้ฉันเดียวดาย
ช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ และได้รักใครกับเขาสักครั้ง

มันอ้างว้างจนทนไม่ไหว พยายามห้ามใจ ไม่ได้สักวัน
อยากจะรู้จริงก่อนคนเขารักกันมันเป็นเช่นไร


กับเขาสักครั้ง..
ช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ และได้รักใครกับเขาสักครั้ง

ฟังวิทยุออนไลน์ ที่ izeemusic

เวลาตาย

ในกระจกมัวๆ มีคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง
คนที่เพิ่งลึกซึ้ง ถึงความเดียวดาย
นาทีที่กาลเวลา บอกว่าเธอมีค่าเพียงใด
คือนาทีที่สาย เกินหวังให้ใครกลับมา

เหมือนคนตื่นจากฝัน ตามทวงวันและคืนดีๆ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรักษา
เวลาที่คิดว่าพอ กลับไม่พอให้พูดคำลา
ทำได้เพียงแค่นึกรู้สึกโหยหามัน

ชีวิตนี้ ถ้าไม่มีเธอก้าวเข้ามา
ฉันคงเป็นคนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น
แปลกที่คนไม่รู้ มีเพียงผู้เดียวคือฉัน
อยากกอดเธอแน่นๆ นานๆ ในวันที่เสียเธอไป

เชื่อว่าที่ตรงนั้น เธอยังพร้อมจะรอฉันอยู่
แล้วที่สุด ก็รู้เธอรอไม่ไหว
เจอเพียงแค่รอยน้ำตา หยดบนนาฬิกาที่ตาย
ให้ฉันได้กอดมันไว้ แล้วบอกว่ารักเธอ

ชีวิตนี้ ถ้าไม่มีเธอก้าวเข้ามา
ฉันคงเป็นคนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้น
แปลกที่คนไม่รู้ มีเพียงผู้เดียวคือฉัน
อยากกอดเธอแน่นๆ นานๆ ในวันที่เสียเธอไป

เชื่อว่าที่ตรงนั้น เธอยังพร้อมจะรอฉันอยู่
แล้วที่สุด ก็รู้เธอรอไม่ไหว
เจอเพียงแค่รอยน้ำตา หยดบนนาฬิกาที่ตาย
ให้ฉันได้กอดมันไว้ แล้วบอกว่ารักเธอ

เวลาทุกเสี้ยวนาที คนคนนี้จะเก็บมันไว้
จะจำจนวันสุดท้าย ว่าเคยได้กอดเธอ




เวลากับนาฬิกามันต่างกัน

นาฬิกา คุณให้ใครไปแล้วคุณยังขอกลับคืน มาได้

แต่ เวลา สี่พยางค์สั้น ๆ นี้ คุณให้ใครไปแล้ว

คุณไม่สามารถนำมันกลับคืนมาได้

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

รถไฟฟ้ามาหานะเธอ

อยู่บ้านก็ไม่รู้จะทำไร
วันหยุดแท้ๆ
เล่นเน็ตอยู่ครึ่งค่อนวัน ชักเบื่อๆ
นอนก็นอนไม่หลับ เฮ้ออออ
แวะไปดูหนังหนึ่งรอบ
หนุกดี โรแมนติกสุดๆ
มีทั้งสุขปนเศร้า เคล้าน้ำตาหลากหลายอารมณ์
ตั้งแต่ดูหนังมารู้สึกว่าเรื่องนี้เข้าท่านะ
แม้จะไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่
แต่ได้ใจเกินร้อย

ปวดหัวอีกแระ
เมื่อไหร่จะหายสักที
เมื่อวานเจ็บหน้าอกแป๊บๆ
วันนี้ปวดหัว
ตายแน่ๆฉัน อาการหนักขึ้นทุกวัน
แย่จริงๆ เลย

เอาอีกแล้ว

ไม่หายสักทีนะ ไอ้ที่ปวดหัวเนี่ย
เป็นๆ หายๆ
สงสัยใกล้ตายละ
เอ้อออ
ไปนอนดีกว่า เผื่อตื่นขึ้นมา
ไรๆ ๆ จะได้ดีขึ้น

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เศร้า...

ได้ยินแล้วรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
น้องนอม จะฝึกงานวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว
ความจริงต้องสิ้นเดือนนะ ถึงจะสิ้นสุดการฝึกงาน
แต่บังเอิญคุงน้องเธอ สอบได้ไปเป็นครู กศน.
แล้วต้องเริ่มงานวันจันทร์นี้ละ...
ฝาแฝดเราจะไปอีกแล้ว
เศร้าจังอะ ..
พี่แอนก็หนีไปคนละ
น้องนอมก็ยังจะไปอีก
ทำใจมะค่อยได้
เฮ้ออออ เศร้า อย่างบอกไม่ถูก
เหงาด้วย
นอมเป็นคนแปลกหน้าที่เข้ามาในชีวิตได้ไม่นาน
แต่กลับเป็นคนที่เรารู้สึกสนิทมาก
นิสัยคล้ายๆ กัน
บ้าๆ บ๊องๆ
มีไรหลายๆ อย่าง ที่เหมือนกัน
มีหลายๆ คนถามว่า เป็นพี่น้องคลานตามกันมาเหรอ
หุหุ เข็มมีฝาแฝดแล้ว

ไม่อยากให้ถึงวันจันทร์เลย
วันที่ต้องนั่งคนเดียว
ครานี้คนเดียวจริงๆ แล้ว คงเหงาแน่ๆ
ไม่อยากจะคิดเลย เศร้าอะ....

ร.เรือ คือ รอคอย ก.ไก่ คือ กันและกัน

…“รอคอย”… คำ ๆ นี้คือบทพิสูจน์ชั้นยอด ความรักเป็นเรื่องของหัวใจ ไม่ใช่ความรู้สึกแรกของการสบตาแล้ว ปิ๊ง ใช้ความแน่ใจรักกัน ย่อมดีกว่าใช้ความอ่อนไหวรักกัน อย่ารีบร้อน อย่ารีบรัก เพราะถ้าคนนี้คือคนที่ใช่ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องรอคอยได้ รอยคอยที่จะเรียนรู้นิสัยใจคอของอีกคนก่อน ทำความรู้จักก่อนรัก อย่ารักแล้วค่อยรู้จักกัน ไม่เช่นนั้น ปัญหาร้อยแปดจะตามมา


ส่วนคำว่า “กันและกัน” ควรจะเป็นคำที่นำมาใช้ หลังจากที่รักกันแล้ว ใครบางคนบอกไว้ “ข้อดีของการไม่มีความรักก็คืออิสระ” แต่ความรัก ก็ไม่ได้ทำให้อิสระของชีวิตหายไป คำว่า “ฉัน” หรือ “เธอ” มันโดดเดี่ยว แต่เมื่อรวม “ฉัน” กับ “เธอ” เป็น “เราสองคน” เป็น “กันและกัน” มันอบอุ่นดี และก็เพราะกว่าด้วย

รักที่ประกอบทั้งรอคอยและกันและกัน จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นบวกเสมอ

ข้อมูลจาก...http://variety.teenee.com/foodforbrain/18756.html

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ก็แค่คะแนน ... คะแนนหนึ่ง

เป็นเรื่องบ้าบอคอแตกที่น่าปวดหัว
เห็นทุกวันวุ่นวายกันใหญ่
จัดนั่นจัดนี่ กันซะปวดหัว
วุ่นกันสามวันเต็มๆ เห็นจะได้
เหนื่อยกันสายตัวแทบขาด
จะให้เรียกง่ายๆ ก็ ผักชีโรยหน้า ก็ว่าได้
เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง
ถูกจัดขึ้นมายังกับเนรมิตได้
สวยขึ้นทันตา
ทุกคนทำเพื่อ ให้ได้ผลตอบกลับที่มีค่า
แม้จะเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องทำ
ซึ่งเรียกว่า คะแนน เหรอ ....

สุดท้าย คนมาตรวจประเมิน
ใช้เวลาในการตรวจแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
แค่ครึ่งชั่วโมง ช่างโหดร้ายกะเราเหลือเกิน
ที่ทุ่มเทเนรมิตทุกอย่างขึ้น ซึ่งใช้เวลาอย่างคุ้มค่า
แถมด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย
บางคนต้องอดข้าวอดน้ำ เพื่อมานั่งรอ แถมมาก็ไม่ตรงนัด
มาสายตั้ง สองชั่วโมง ช่างใจร้ายกันจริงๆ

แม้ว่า.....ผลตอบแทนจะออกแบบไหนก็ตาม ก็ต้องยิ้มสู้กันต่อไป

ไม่มีคำบรรยาย.......

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บ้าบอคอแตก

วันนี้ไม่เป็นอันทำไรเลย
นอกจากจัดบอร์ดทำเนียบสุสาน
ทำกันมันอยู่อย่างนั้นทั้งวัน
ทำกันสองคนเนี่ย ไม่เสร็จสักที
ไรอะ เดี๋ยวเปลี่ยน เดี๋ยวนี้ไม่เอา เปลี่ยนเอาอันนี้
โอยจะบ้าตาย

ทำไรไม่ถูกเลย
แต่ก็ทำกันมั่วๆ ตามประสาเราสองคนกะนอม
ทำไงได้สั่งๆ กันแล้วก็หาย
เออ ให้มันได้อย่างนี้

สุดท้ายก็สำเร็จไปได้ด้วยดี
เฮ้อออ
พรุ่งนี้ต้องไปทำไรต่อไม่รู้ที่สุสานเด่นห้า
คงมีคณะมาดูงานอีกตามเคย
เห็นวุ่นวายกันใหญ่กะเรื่องจัดสถานที่ในสุสาน
ไอ้เจ้าเกียรติหัวยุ่งหัวฟูเลย
น่าสงสาร
ไม่รู้จะต้องอยู่ทั้งวันป่่าวเนี่ย
ความจริงสุสานสวยนะ เงียบสงบด้วย
มีผลไม้เพียบเลย
ลุงๆ เค้าปลูกไว้หลายอย่าง
เวลาไปทีลุงเค้าก็จะเอานั่นเอานี่มาให้กิน คิคิ
มีดอกไม้สวยๆ เยอะเลย
นอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเลย

ฝันดีผีหลอก ^^__^^

ที่สุดของชีวิต

ศัครูที่ร้ายกาจที่สุด...ของชีวิต...คือตัวเราเอง
ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด...ของชีวิต...คือการทนงตน

ปัญญาอ่อนที่สุด...ของชีวิต...คือการโกหก
หยั่งรู้ยากที่สุด...ของชีวิต...คือใจคน
น่าเศร้าที่สุด...ของชีวิต...คืออิจฉาริษยา
ไร้ค่ามากที่สุด...ของชีวิต...คือไม่ทำความดี
กุศโลบายที่ดีที่สุด...ของชีวิต...คือความซื่อสัตย์
ประมาทที่สุด...ของชีวิต...คือคบเพื่อนชั่ว
มีค่ามากที่สุด...ของชีวิต...คือเวลา
น่าสงสารที่สุด...ของชีวิต...คือดูถูกตัวเอง
น่านับถือยกย่องที่สุด...ของชีวิต...คือความมานะหมั่นเพียร
ล้มละลายที่หนักที่สุด...ของชีวิต...คือสิ้นหวัง
ความร่ำรวยที่มั่งคั่งที่สุด...ของชีวิต...คือสุขภาพแข็งแรง
ความยากจนที่สุด...ของชีวิต...คือไม่รู้จักพอ
ความรักมากที่สุด...ของชีวิต...คือรักตัวเอง
บาปกรรมที่ใหญ่หลวงที่สุด...ของชีวิต...คือไม่กตัญญู
ความโง่เขลาที่สุด...ของชีวิต...คือติดยาเสพติด
ความชั่ช้าต่ำต้อยที่สุด...ของชีวิต...คือเหยียดหยามผู้อื่น
ความผิดพลาดร้ายแรงที่สุด...ของชีวิต...คือเล่นการพนัน
ของขวัญที่ดีที่สุด...ของชีวิต...คือให้อภัย
ความสุขที่มากที่สุด...ของชีวิต...คือการช่วยเหลือผู้อื่น
การยอมรับและนับถือมากที่สุด...ของชีวิต...คือความก้าวหน้า
สุดท้ายของชีวิต...คือความตาย
...จะวุ่นวายกันไปทำไม...

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เมื่อไหร่จาหายเนี่ย

ไอ้การที่เราต้องมานั่งรองรับอารมณ์คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้า (เหรอ)
มันดูน่าเบื่อนะ เช้ามาก็ต้องมาดูกันว่า วันนี้หัวหน้าเราเป็นไง
รมณ์บ่อจอยอะป่าว หน้าตาบูดหรือยิ้ม
วันนี้ก็เช่นกันนะ มายังกะพายุโหมใส่
ใครต่อใครโดนกันเป็นแถว ๆ
ดีที่เราไม่โดนไรมาก แค่เฉียดๆ คิดก็ขำนะ
คนอาไร้ บ้าๆ บอๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายยังกะพายุ

วัยทองก็เงี้ย ทำใจกะเค้าหน่อยแล้วกัน

ปวดท้องมากๆ ปวดทั้งวันเลย
แล้วที่แย่ไปกว่านั้น
ต้องเดินไปเดินมาทั้งวันด้วย
ไม่ปวดแบบนี้มานานมากแล้ว
เดือนนี้ปวดเกินกินยาไปสองเม็ด ยังเอาไม่อยู่
อยากกลับบ้านใจจะขาด แต่ก็กลับไม่ได้ ....
แต่ถ้าเราจะกลับซะอย่าง มันก็กลับได้อยู่แล้ว
แต่ความรับผิดชอบที่ต้องทำงานให้เสร็จมันยังมีอยู่
ก็จะให้ใครมาทำแทนละ ใครก็ทำแทนไม่ได้
ใครก็ไม่อยู่ สักคน ความจริงก็มีคนอยู่นะ
แต่ แต่ละคนก็ต้องทำหน้าที่ของแต่ละคนไป

ไม่ไหวๆ ปวดจริงๆ
กลับถึงบ้านนอนเลย ปวดม้ากมาก

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เกาะช้างเหรอ

เมื่อปีก่อนก็ไปมาแล้วนะเกาะช้าง
ตอนนี้ก็ยังอยากไปอีก
หาดทรายสีขาวๆ สะอาดตา
ไม่มีขยะแม้แต่น้อย
ห้องพักติดริมหาดเลย
อยากไปอีก
หมวดพาก กะครูแก้มจะไปกัน
หมวดจะพาครูดอยไปแอ่วทะเล เพราะหล่อนยังไม่เคยไป
เราก็ยังอยากไปอยู่นะ แต่เอ....
มันไม่มีฝนเหรอไปช่วงนี้ แล้วมันจะหนุกป่าวละเนี่ย
กลัวฝน กลัวพายุ กลัวหลายๆ อย่าง ไม่น่าไว้ใจ
ตอนเราไปช่วงเมษานี่นา อากาศดีมากๆ

อยากไปพักผ่อนสมองบ้างนะ
รู้สึกเครียดๆ
เครียดกะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
เครียดคน เครียดงาน เบื่อๆ ๆ

วันนี้อยู่เวรแทนเจย์ มีเพื่อนมานั่งคุยด้วย
อยู่ไปกินติมไป นินทาคนนั้นคนนี้ไป
หุหุ หนุกหนานไปอีกแบบ
เพื่อนมันจะแอบหนีไปเที่ยวอีกแล้ว
สบายเลย เราก็คงต้องแห้วอีกตามเคย
ตาเริ่มร้อนอีกแร้วววววววว อิจฉาจัง

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หยุดอีกแระ ทำไรดีเนี่ย

ความรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้พักมานาน
พอได้หยุดทีก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง
เบื่อกับการทำงานที่ต้องสวมหน้ากากเข้าหากัน
ไม่รู้ว่าต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ความจริงเป็นไปได้
ก็ไม่อยากทำหรอกนะ
แต่....

วันนี้หยุด เลยได้ตื่นสาย
ความจริงก็ไม่สายนะ ตื่นแปดโมง
รีบอาบน้ำ แต่งตัว เพราะมีนัดกะพี่ไก่ พี่อัง
ไปตรวจสวอปกัน (ตรวจน้ำลาย)
จะทำประกัน
เรื่องนี้ก็ไม่รู้จะปฏิเสธไงนะ
ประกันชีวิตเนี่ย
ปัดมาหลายรอบละ ทีนี้คงจะต้องทำซะที
ก็ไม่เป็นไร ช่วยพี่เค้าละกัน
อีกอย่างเราก็คิดแล้วว่าอยากทำด้วย
คลีนิคเปิดเก้าโมงครึ่ง ไปนั่งรอหมออีก
ก็ราวๆ เกือบชั่วโมงเลย
ก็คุยกันเรื่อยเปื่อย ตรวจเสร็จก็กลับบ้าน

อยากไปเที่ยวนะ แต่ไม่รู้จะไปไหน
แต่ฝันว่าได้ไปเที่ยวละ คิคิ
ไม่รู้ว่าในฝันจะหนุกป่าว ก็คงโอเคนะ

เย็นนี้ความจริงเราต้องไปทำงานถนนคนเดินด้วยนะ
แต่เกิดผิดพลาดไรมะรู้ หัวหน้าบอกว่าไม่ต้องไป
สงสัยคงจะกลัวปัญหาหลายๆ เรื่อง เพราะตอนนี้ถนนคนเดิน
ยังไม่เข้าที่เข้าทาง กลัวเราจะงง หรือสับสน ก็ดี
อยู่บ้านสบายใจกว่า ขี้เกียจไปรบกับพ่อค้าแม่ค้า
เพราะมันไม่ได้หนุกอย่างที่คิด
อีกอย่าง ตอนนี้พี่แอนก็ไม่ไปละ ให้เราไปกะคนอื่น คงไม่หนุกแน่ๆ เลย

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไม่มี.......

ไม่มีไรจะบอก
ไม่มีไรจะเขียน
ไม่มีไรจะทำ
ไม่มีไร....
ก็ไม่มีไรจริงๆ...
รู้แต่ว่า เหนื่อย เพลีย

คิดถึง....

อาการคิดถึงมันบอกไม่ได้นะ
ว่าคิดถึงมาก คิดถึงน้อย
แต่รู้แค่ว่าคิดถึง
คิดถึง...วันเวลาเก่าๆ
คิดถึง...อดีตที่หนุกหนาน
คิดถึง...เพื่อนๆ
คิดถึง...โรงหนังรามา 2 ที่แอบโดดเรียนไปดูกันประจำ
คิดถึง...พี่ชายที่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว
เมื่อคืนก็ฝันถึง ว่าไปเที่ยวด้วยกัน หนุกมากๆ
คิดถึง...พี่แอน ที่เคยนั่งหันหน้าเข้าหากันทุกวัน
ปรึกษาปัญหาชีวิตด้วยกันตลอด (ปัญหาของพี่แอนนะ)
คิดถึง...ขนมที่แย่งกะพี่แอนกินทุกวัน
คิดถึง...ไอติมที่ไปกินด้วยกันบ่อยๆ
คิดถึง...น้าคำ ม่ายรู้ว่าอยู่ กรุงเตบคนเดียวจะเป็นไงบ้าง
จาคิดถึงหลานตัวน้อยคนนี้บ้างป่าว
คิดถึง...เจ้าหัวหอม กะ น้องฟูจัง ไม่ได้เจอหลายวันละ
คิดถึง...คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง

แต่ม่ายรู้ว่า.....จามีคนคิดถึงเราบ้างป่าวนะ

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

whatever will be will be

When I was just a little girl
I asked my mother what will I be
Will I be pretty
Will I be rich
Here's what she said to me

Que sera sera
Whatever will be will be
The future's not ours to see
Que sera sera

When I was just a child in school
I asked my teacher what should I try
Should I paint pictures
Should I sing songs
This was her wise reply

Que sera sera
Whatever will be will be
The future's not ours to see
Que sera sera

When I grew up and fell in love
I asked my sweetheart what lies ahead
Will there be rainbows day after day
Here's what my sweetheart said

Que sera sera
Whatever will be will be
The future's not ours to see
Que sera sera

What will be, will be
Que sera sera...

WHATEVER WILL BE WILL BE -

ว่างเปล่า

ชีวิตวุ่นวาย
เหมือนขาดหายอะไรไปสักอย่าง
ว่าง.........
เปล่า........

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปวดเศียร เวียนเกล้า

จิตใจไม่อยู่กะร่องกะรอย
ใจลอยเป็นพักๆ
หายใจไม่ค่อยทั่วท้อง
รู้สึกใจไม่ค่อยดี
เหมือนกะว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอีกสักอย่าง
แต่ตอนนี้บอกไม่ถูก

มึนหัวตึบเลย

แย่จัง... รักใครคนหนึ่ง แต่กลับรู้สึกดีๆ กับอีกคน

บ่อยครั้งเคยสงสัยว่า . . .
ทำไมเราถึงเลือกที่จะบอก . . . รัก . . . คนหนึ่ง
ในขณะที่อีกคน กับบอกแค่ว่า . . . รู้สึกดีๆ


ใครคนหนึ่ง . . . เคยบอกไว้ว่า
ความรู้สึกดีๆ มันมีอณูที่เล็กกว่า ความรัก
มันสามารถแทรกซึม ผ่านช่องว่างของหัวใจ
. . . เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายได้ . . .


มันคล้ายกับ เมล็ดพันธุ์เล็กๆของ ความรัก
รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ให้แสงแดดที่พอเหมาะ
เอาใจใส่ ดูแล ทะนุถนอม สักวันเมล็ดพันธุ์นั้น
. . . จะเติบใหญ่กลายเป็น . . . "ต้นไม้แห่งความรัก"


มันเป็นความรู้สึกที่มากกว่าชอบ . . . แต่ไม่ใช่รัก
และมีแนวโน้มว่า . . . จะพัฒนาต่อไป . . .


ในขณะเดียวกัน . . .
เรารักใครหนึ่งคนอยู่แล้ว . . . แต่กับรู้สึกดีๆ กับใครอีกหลายคน
นั่นคืออะไร?


เหตุผลนะเหรอ . . . เพราะโลกนี้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ
คนหนึ่งคนไม่สามารถเป็น และให้ทุกอย่างๆ ที่เราต้องการได้
คนที่รัก . . . อาจไม่ใช่คนๆ เดียวที่เข้าใจเรา
คนที่รัก . . . อาจไม่ใช่คนๆ เดียวที่ใส่ใจเรา
คนที่รัก . . . อาจไม่ใช่คนๆ เดียวที่เชื่อใจเรา


เมื่อมีใครมาเข้าใจ ใส่ใจ เชื่อใจ มีหรือจะไม่รู้สึกดี
หัวใจก็ย่อมไหวเอน . . . เชื่อเถอะว่าเป็นทุกคน
. . . ถ้าไม่โกหกตัวเอง . . .


ความรู้สึกดีๆ . . . อาจเกิดขึ้นกับใครบางคนในช่วงระยะใด
เวลาหนึ่ง อิ่มใจ สุขใจ ประทับใจ อยู่ใกล้แล้วมีความสุข

ในขณะที่ความรัก . . . เกิดจากความผูกพันทางใจ สุข ทุกข์
เราร่วมรับรู้ ไม่ใช่แค่ระยะเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งเท่านั้น


ในเมื่อโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ . . . เราเองก็ไม่สมบูรณ์แบบ
จงยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบ . . . ของกันและกัน

ความรู้สึกดีๆ . . . อาจเกิดขึ้นกับใคร ตอนไหน เมื่อไหร่ก็ได้
แต่ความรัก . . . มันเกิดจากกระบวนการซับซ้อนของหัวใจ
ต้องใช้เวลาในการถักทอ สายใยเบาบางนั้นขึ้นมา


มันอาจเป็นความรู้สึก . . . พิเศษๆ ละม้ายคล้ายกัน
แต่ ในเชิงความหมาย แตกต่างแน่นอน. . .

คุณอาจเคยรู้บ้างเหมือนกันรึเปล่า?

"แต่ยังไง สักวัน ถ้าคนรักของคุณ รู้ว่าคุณไปรู้สึกดีเข้ากับใคร คนรักของคุณก็น่าสงสารอยู่ดี"

บทความนี้คงโดนเข้ากับใครๆ หลายๆ คน *-*

thank you : http://variety.teenee.com/foodforbrain/18268.html

วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เวียนหัวสุดๆ

เกิดมาเพิ่งเคยไป อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
ครั้งแรกในชีวิต อะไรจะทรหดขนาดนั้น
โห ไรจะโค้งเยอะได้ใจขนาดนี้
ทั้งมึนหัว เวียนหัว อยากอ๊วก มีในนี้หมดเลย
บอกอาการไม่ถูก ใจไม่ดี
ว่าจะถ่ายรูปมาให้ดูสักหน่อย
ไม่ไหวอะ ลุกนั่งไม่ได้ นอนหนุนตักพี่แอนตลอดทางเลย
พี่แอนก็ดีแสนดี ให้น้องนอนมาตลอดทั้งขาไป-ขากลับ
ไม่รู้ว่าจะปวดขาป่าว ขอบคุณนะคะหัวหน้าคนงาม
ตื่นมาเช้านี้ยังมึนหัวไม่หายเลย
ปวดหัวตุ๊บๆ

ว่าไปแล้ว เราต้องจากกะพี่แอนแล้วนะ
พี่แอนจะย้ายงานแล้ว
ต่อไปนี้เราจะคุยกะใครละ
หมายถึงในเรื่องบางเรื่องนะ
นั่งโต๊ะก็เห็นหน้ากันทุกวัน
กินหนมก็แบ่งกันกิน
ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันบ่อยๆ กินติมหลังจากข้าวเที่ยงประจำ
เดินช็อปปิ้งกระจาย
ต่อไปนี้ คงเหงาแน่ๆ คิดแล้วก็เศร้า
แม้ว่าจะแค่ย้ายไปอยู่ศูนย์น้ำลัด
แต่โอกาสเจอกันมันก็ยาก
เศร้า.......

จะถึงวันออกพรรษาแล้ว
หาซื้อของใส่บาตรดีกว่า
ทำบุญกันหน่อยเร้วววววววว

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

น้องฟูจัง

นั่งคิดอยู่นานว่าจะให้ตุ๊กตาชื่อไรดี
สุดท้ายก็คิดออกแระ
"น้องฟูจัง" เอาชื่อเรานี่แหละ
จัดการเอาไปใส่ในรถเรียบร้อยละ
เวลาขับไปหัวน้องเราจะสั่นดิกๆ
น่ารักมากๆ

วันนี้รู้สึกเพลีย เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
ปวดขานิดหน่อย ไม่หน่อยละ บวมเลย
เนื่องจากว่าเดินมากไป
อากาศก็ร้อนสุดๆ
ทำให้ร่างกายรับไม่ค่อยไหว
เพราะเดี๋ยวเจอแดด เดี๋ยวเจอแอร์
ปรับตัวไม่ทัน
หายใจติดขัด ปวดหัว คล้ายจะไม่สบาย
นอนแต่หัววันก็น่าจะดี
ฝันดีผีหลอก

ปล. ขับรถอย่างปลอดภัย คาดเข็มขัดนิรภัยด้วย ถ้าไม่คาดมันจะเตือน 55+++

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

หายๆ เจ้งเลย

มือถือเจ้งแหงๆ อยู่ๆ ก็จอมืด
ปิดแล้วเปิดใหม่ ถามฟอร์แมทเฉย
ด้วยความที่มือไวไปหน่อย กดซิ
ทุกอย่างที่มีในเครื่อง หายไปในพริบตา
อยากจะร้องไห้ แต่ก็ช่างมันเพราะมีข้อมูลอีกหลายอย่าง
ที่เก็บไว้ในโน๊ตบุ๊คบ้างละ เลยไม่เสียดายเท่าไหร่
ดีนะที่เป็นคนรอบคอบ หุหุ

แต่ก็ต้องมานั่งเสียเวลา เอานั่นเอานี่มาใส่ใหม่

วันนี้งานตรึมเลย เป็นเรื่องปกติของวันจันทร์
วันแรกของสัปดาห์อยู่ละ วุ่นวายกันมากมาย
เดินแฟ้มเอกสารครึ่งวันเช้า แทบไม่ต้องทำงานอย่างอื่น
คอยแต่จะตามหานาย (ไม่ช่ายซิ ต้องเรียกว่า เล่นไล่จับหาตัวนาย)
ให้มาเซ็นแฟ้มฏีกาบ้าบอคอแตก แถมบิลน้ำมันที่ไม่ช่ายหน้าที่ของเรา
แต่ก็ต้องทำแทนเจ้าเกียรติมัน ซึ่งมันดันมาลาเอาวันนี้
ถ้าไม่ได้ผู้ช่วยสุดหล่อ บิลน้ำมันเราคงไม่เสร็จแน่ๆ
ขอบใจอีกครั้งนะจ๊ะ

วันที่ยุ่งสุดๆ ยิ่งอ้ายกุ้งแฮ้งด้วยอีกต่างหาก
พระเจ้า งานเข้าเลยตู วิ่งซะขาแทบขวิด
เลยส่งผลให้ขาของข้าพเจ้าบวมนิดหน่อยคะ
เพราะเดินมากไป

มีเซอร์ไพร์นิดๆ กับหัวหน้า
พี่ๆ เค้ามีของขวัญให้ ดีใจนะ ที่เค้ายังจำกันได้
เค้าไม่ได้สนใจหรือใส่ใจอะไรเราทั้งแต่เช้ามาละ
ใช้ให้เราทำงานอย่างเดียว
แต่พอเราจะกลับบ้านแค่นั้น ทำเป็นเรียกให้มาหา
มีต้นไม้ให้เราหนึ่งต้น
บันลังเศรษฐี (เขียนถูกป่าวเนี่ย)
ดีใจแทบน้ำตาไหลเลย

แต่ที่ยังดีใจไม่หาย...
ก็น้าสุดทีรัก โทรหาตั้งแต่เช้าของวันเกิดแล้ว
อันนี้ดีใจแบบสุดๆ

ปีนี้มีแต่เรื่องเซอร์ไพร์ทั้งนั้น
ก็อ้ายกุ้งกะเกียรติ
เล่นเอาของไปให้ถึงบ้าน
ดีใจนะเนี่ย .....

ขอบคุณจ้า


ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะให้เจ้าตัวนี้ชื่อไร
หาให้หน่อยดิ
น่ารักมากๆ สีชมพูด้วย แถมหัวยังดิ้นได้อีก
ดิ้นดุกดิก ดุกดิก เด้นท์กระจายเลย

ปล.ฝัน โคตร โคตร หนุกดีนะ
เค้าบอกว่า เวลากับนาฬิกา มันต่างกันนะ
เวลาคุณให้นาฬิกากับใครแล้วคุณสามารถเอามันกลับมาได้
แต่เวลาคุณให้เวลากับใครบางคนไปแล้ว คุณไม่สามารถเอามันกลับคืนมาได้
แล้วคุณเคยรักใครแบบสุดๆ รึป่าว รักแบบทุ่มสุดตัว รักแบบหัวปรักหัวปรำ
หรือรักใครบางคนที่เค้าเห็นแก่ตัวมากๆ
แล้วเค้าไม่เคยกลับมาสนใจหรือใส่ใจในความรักของคุณบ้าง
คุณยังจะรักเค้าอยู่รึป่าว
แต่ ฝัน โคตร โคตร รักคุณตลอด.....

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552

Happy Birthday to me

**
สุขสันต์วันเกิดนะ...ตัวเอง
อย่ามัวนั่งเซ็งทำใจเหงา
กี่ปีแล้วกับเวลาของเรา
เวลาที่พระเจ้าท่านให้มา

ทบทวน ทุกสิ่ง ที่ทำ
ดีร้าย สุขทุกข์..ถาม เฝ้าตามหา
ยังมีเหลืออีกนานไหม....เวลา
จะใช้อย่างมีคุณค่าหรือ...ละเลย

^^--^^

ก็เป็นอีกวัน วันธรรมดา
ที่ไม่ได้สำคัญไรนัก วันนี้เป็นวันพระ วันหยุด วันอาทิตย์
และก็ วันคล้ายวันเกิดของเรา
แอบดีใจลึกๆ ที่ยังมีคนจำวันเกิดของเราได้
แม้ว่ามันจะไม่ได้สำคัญไรนักหนา
แต่ก็ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ให้ความสำคัญกับวันนี้
ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณที่ยังไม่ทิ้งกัน
ความจริงก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่ง
ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีปาร์ตี้
เหมือนคนอื่นๆ
เพราะไม่นิยมที่จะจัดงานวันเกิด
ซึ่งถือว่าเป็นวันที่แม่ให้กำเนิดเรา
ตื่นเช้ามา ก็กราบแม่ไปเรียบร้อยละ
แต่พ่อยัง เพราะหาไม่เจอ พ่อไปสวนแต่เช้าตรู่ เลยไม่เจอกัน
ความจริงเราก็กราบพ่อกะแม่ทุกวันอยู่แล้วนะ
กราบตอนไหว้พระก่อนนอน

แก่่ขึ้นอีกปีละ
29 แล้วซินะปีนี้
แต่ยังรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นเด็กอยู่เลย
เอาแต่ใจ ดื้อ รั้น ซน
โก๊ะ ซุ่มซ่าม อันนี้เป็นเอกลักษณ์ประจำตัว
แก้ไงก็ไม่หาย
เราไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เลยแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
รึว่าเราจะเป็นคนที่ตัวเล็กที่สุดในบ้าน
แล้วทุกคนเลยต้องดูแลเราเป็นพิเศษ
แม่ ต้องบ่นทุกวัน เรื่องหลายๆ เรื่อง สอนไรก็ไม่รู้จักฟัง
เมื่อไหร่จะโตสักที น้องเรามันก็ตัวโตกว่า
เวลาไปไหนมันก็คอยเป็นบอดี้การ์ดให้
พี่ๆ น้องๆ หลายๆคน ก็ตัวโตๆ กันทังนั้น
เราเลยมีคนดูแลตลอด กลายเป็นคนที่ทุกคนต้องคอยห่วง คอยดูแลตลอด
ก็ดีเหมือนกัน มีแต่คนเอาใจ ชอบๆ
แต่ก็ไม่ดีนะ ทำให้เราเสียนิสัยไปเลย
เพราะตอนนี้เรากลายเป็นคนเอาแต่ใจมาก
ทิฐิสูง ไม่ค่อยแคร์ใคร ไม่สนใจใครว่าเค้าจะรู้สึกไง เฮ้ออออออ
ใครว่าไรนิดๆ หน่อยๆ เป็นงอน ก็รู้ตัวอยู่นะ
ว่าทำแบบนี้ไม่ดี กำลังพยายามปรับตัวอยู่



*-*


จะก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ
ที่เดินผ่านคือบทเรียนเขียนเตือนจิต
บททดสอบความเข้มแข็งแห่งชีวิต
แม้จะผิดล้มลงคงไม่ตาย

มีดอกไม้ให้ตัวเองให้เก่งแกร่ง
เติมด้วยแรงศรัทธาท้ามุ่งหมาย
เดินต่อไปทางข้างหน้ายังท้าทาย
ใจละลายไปเพียงครั้งยังอยู่ดี

ยังมีฝันงดงามด้วยความรัก
ยังตระหนักตอกย้ำทำหน้าที่
ทางชีวิตเลือกได้...ไม่รอรี
ใจยังมีความงามตามที่ควร

เป็นคนดีเท่าที่เป็นเห็นกันอยู่
เป็นนักสู้ไม่ยอมแพ้แม้ผันผวน
สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ให้ทบทวน
โลกนี้ล้วนอนิจจัง...ชั่งใจตรอง

ร้องเพลงฝันวันเกิดประเสริฐศรี
ฉันจะเป็นคนดีไม่มีสอง
ไม่ยอมแพ้เพราะใจเราแกร่งเท่าทอง
ไม่มัวหมองไม่แพ้ไฟ...ไปอีกนาน

*****